12 มี.ค. เวลา 04:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

วิธีดูกราฟเทคนิค แบบ Anthony Bolton ผู้จัดการกองทุนสวนกระแส ผลตอบแทน 148 เด้ง

นักลงทุนสายปัจจัยพื้นฐานมักมองข้ามกราฟราคา เพราะเชื่อว่ามูลค่าที่แท้จริงสำคัญกว่าการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น
ขณะที่นักลงทุนสายเทคนิคก็ให้ความสำคัญกับแนวโน้ม และรูปแบบราคาเป็นหลัก
แต่รู้หรือไม่ว่า ? คุณ Anthony Bolton ซึ่งเป็นอดีตผู้จัดการกองทุน Fidelity บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำที่เดียวกันกับผู้จัดการกองทุนชื่อดังอย่างคุณ Peter Lynch
สามารถทำผลตอบแทนได้ถึง 148 เด้ง ภายในเวลา 28 ปี หรือคิดเป็นผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 20%
โดยใช้กราฟเทคนิค ควบคู่ไปกับการดูปัจจัยพื้นฐาน เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยยืนยันมุมมองการลงทุน
และเขายังเคยบอกว่า หากต้องติดเกาะร้างและมีข้อมูลสำหรับการตัดสินใจได้เพียงอย่างเดียว เขาจะเลือกกราฟหุ้นเรียลไทม์ด้วย
หากอยากรู้ว่าคุณ Anthony Bolton นำกราฟเทคนิค มาใช้ควบคู่กับการดูปัจจัยพื้นฐาน ในการลงทุนอย่างไร ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
แนวทางการลงทุนของคุณ Bolton คือ การมองหาหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
ทำให้กลุ่มหุ้นที่เขาสนใจเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่ก็คือ กลุ่มหุ้น Turnaround หรือหุ้นฟื้นตัว
เพราะบริษัทเหล่านี้มักเป็นธุรกิจที่ประสบปัญหาและมีผลการดำเนินงานย่ำแย่ ทำให้ถูกตลาดมองข้ามและมีมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
ซึ่งขอเพียงแค่มีสัญญาณว่าธุรกิจกำลังจะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง ราคาของหุ้นเหล่านี้ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้การลงทุนหุ้นกลุ่มนี้จึงอาจกลายเป็นโอกาสการลงทุนที่ดีได้
ด้วยการลงทุนแบบนี้เอง จึงทำให้เขามีความโดดเด่น
และมีชื่อเสียงมาก ในฐานะนักลงทุนสวนกระแส หรือ Contrarian Investor
อย่างไรก็ตามความน่าสนใจคือ แม้เขาจะเน้นหาหุ้นถูก และประเมินมูลค่าหุ้นอย่างดีแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้มองข้าม การใช้ปัจจัยทางเทคนิค
และมองว่ากราฟเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยยืนยัน มุมมองด้านปัจจัยพื้นฐานของเขาด้วย
หลักการใช้กราฟหุ้นประกอบการตัดสินใจของเขา
สามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือ
1
1. การใช้กราฟเพื่อตรวจสอบว่า ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยพื้นฐานไปแล้วหรือไม่
สิ่งแรกที่เขาทำเมื่อสนใจหุ้นสักตัว คือการดูราคาหุ้น
ย้อนหลังไปประมาณ 3 ถึง 5 ปี เพื่อเปรียบเทียบราคาในปัจจุบันกับราคาในอดีต
และจัดหมวดหมู่ว่า ราคาหุ้นช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ได้แก่
- ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแล้วในช่วงที่ผ่านมา
- ราคาหุ้นตกต่ำมาอย่างยาวนาน
- ราคาหุ้นเคลื่อนไหวทรง ๆ ตัวไม่ไปไหน หรือที่เรียกว่า Sideway
ข้อดีของการทำแบบนี้ คือ เมื่อได้ยินข่าวดี หรือมีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับบริษัท เราจะสามารถพิจารณาได้อย่างรวดเร็วว่า ข้อมูลนี้เรารู้คนแรก ๆ หรือราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยนั้นไปแล้ว
เพราะถึงแม้บริษัทจะมีข่าวดีเพิ่มเติม แต่ถ้าหากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแล้ว 3 ถึง 4 เท่า ก็เป็นไปได้ว่า ศักยภาพของบริษัทถูกสะท้อนไปในราคาหุ้นแล้ว ดังนั้นเราจึงควรระมัดระวังมากขึ้นนั่นเอง
2. การใช้กราฟหุ้นเพื่อยืนยันมุมมองปัจจัยพื้นฐาน
กราฟหุ้นสามารถใช้เป็นเครื่องมือช่วยยืนยันมุมมองปัจจัยพื้นฐานได้ เพราะราคาหุ้นมักสะท้อนการตัดสินใจของนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาด
หลังจากที่วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจนมั่นใจแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อนำมาดูประกอบว่าราคาหุ้นเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับข้อมูลพื้นฐานหรือไม่
1
หากการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จะช่วยเพิ่มความมั่นใจ ทำให้เขากล้าซื้อในจำนวนที่มากขึ้น
ในทางตรงกันข้าม หากการวิเคราะห์ทางเทคนิคขัดแย้งกับ ปัจจัยพื้นฐาน ยกตัวอย่างเช่น หลังจากที่ทำการบ้านมาอย่างดี แต่เมื่อซื้อหุ้นแล้วราคายังลงต่อไปอีก
เขาจะกลับไปทบทวนปัจจัยพื้นฐานอีกครั้งว่า มีปัจจัยลบอะไรที่มองข้ามไปหรือไม่
หลังจากตรวจสอบแล้ว หากยังมั่นใจในปัจจัยพื้นฐาน
เขาจะยังถือหุ้นนั้นอยู่ แต่จะซื้อเพิ่มในจำนวนน้อยกว่าที่คาดไว้ตอนแรก หรืออาจจะแบ่งขายออกมาบ้าง
อย่างไรก็ตามเขาพบว่า การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะใช้ได้ดีกับหุ้นขนาดใหญ่มากกว่าหุ้นขนาดเล็ก
เพราะการเคลื่อนไหวของราคา ดูมีรูปแบบมากกว่า จากการที่หุ้นขนาดใหญ่มีสภาพคล่องสูง ทำให้การเคลื่อนไหวของราคา ไม่ผันผวนหนักเหมือนหุ้นขนาดเล็กที่มีสภาพคล่องต่ำ
นอกจากนี้ เขาก็อาจจะมีการใช้เครื่องมือการวิเคราะห์กราฟเทคนิคอื่น ๆ เช่น เส้น Moving Average และ Relative Strength ที่ใช้เปรียบเทียบความแข็งแกร่งของหุ้นเทียบกับตลาด ตลอดจนรูปแบบราคาต่าง ๆ ร่วมด้วย
1
3. การใช้กราฟหุ้นเป็นสัญญาณเตือนสำหรับการขาย
การดูกราฟหุ้นไม่เพียงช่วยในการตัดสินใจซื้อเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งสัญญาณเตือนเมื่อใกล้ถึงจุดสูงสุดได้ด้วย
1
เพราะเมื่อหุ้นหรือตลาดปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง บางครั้งจุดสูงสุดไม่ได้เกิดจากการมีข่าวร้ายเสมอไป
แต่อาจเกิดจากการที่ตลาดได้รับรู้ข่าวดีไปหมดแล้ว และไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาสนับสนุน
ซึ่งหนึ่งในสัญญาณที่ควรระวังคือ การที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น อย่างรวดเร็วและรุนแรงในเวลาสั้น ๆ อีกครั้ง หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างยาวนานแล้ว
เพราะสัญญาณนี้สะท้อนว่า ตลาดอยู่ในภาวะความคาดหวังที่สูงจนเกินไป ซึ่งเป็นสัญญาณที่อาจนำไปสู่การปรับฐานหรือราคาร่วงลงแรงในภายหลัง
ซึ่งหากเราเข้าใจสัญญาณเหล่านี้ จะช่วยให้เราเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม การดูกราฟหุ้นเป็นเพียงเครื่องมือเสริมที่ช่วยยืนยันมุมมองการลงทุนของคุณ Anthony Bolton เท่านั้น
แต่ปัจจัยพื้นฐานยังคงเป็นหัวใจหลักสำคัญในการตัดสินใจซื้อขาย ส่วนกราฟหุ้นเป็นเพียงตัวช่วยให้เขามองเห็นว่า ตลาดกำลังมีความคาดหวังที่สูงเกินไปหรือไม่
อ่านถึงตรงนี้ก็จะเห็นภาพแล้วว่า การลงทุนไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่ที่แนวทางใดแนวทางหนึ่งเท่านั้น
ถ้าหากเราเข้าใจและสามารถนำข้อดีของทั้งปัจจัยพื้นฐาน และเทคนิคมาประยุกต์ใช้ร่วมกันได้ ก็จะช่วยให้การตัดสินใจของเราแม่นยำและมองเห็นโอกาสได้รอบด้านมากขึ้นกว่าเดิม..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
จากบทสัมภาษณ์ที่เขาให้ไว้กับ Norges Bank Investment Management เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
คุณ Anthony Bolton มองว่า จีนคือโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนสวนกระแส ตรงกันข้ามกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่อยู่ใกล้จุดสูงสุด ซึ่งทำให้เขาเริ่มมองว่าถึงเวลาลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ แล้ว
ซึ่งสะท้อนให้เห็นมุมมองการลงทุนแบบสวนกระแสของเขาได้อย่างชัดเจน
#ลงทุน
#หลักการลงทุน
#AnthonyBolton
References
- หนังสือ Investing Against the Tide ลงทุนสวนกระแสอย่าง…แอนโทนี โบลตัน (2554) โดย Anthony Bolton
- YouTube Norges Bank Investment Management : The mindset of a contrarian investor – Anthony Bolton
โฆษณา