Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กรุงเทพธุรกิจ
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
27 มี.ค. เวลา 11:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
อยากเป็น ‘ตัวจริง’ ในตลาดเทค? อดีตผู้คัดเลือกพนักงานจาก Google แนะข้อที่ควรทำ
อดีตผู้คัดเลือกพนักงานจาก Google แนะ 4 ข้อที่ควรทำ หากอยากทำงานในตลาดสายเทคโนโลยี โดยเริ่มจากบริษัทเล็ก สตาร์ตอัป เพื่อเรียนรู้งานหลากหลาย รู้กว้าง และลึกเฉพาะเรื่อง สร้างคอนเนกชัน และซ้อมสัมภาษณ์เยอะๆ
“วันก่อนส่งใบสมัครไป 20 ที่ ไม่มีใครตอบกลับเลยสักที่”
ประโยคที่ได้ยินกันจนชินหูในหมู่เด็กจบใหม่หรือผู้ที่ต้องการหางานสายไอที ในวันที่เอไอมีบทบาทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมากขึ้น ตลาดงานก็ดูเหมือนจะดุเดือดกว่าที่เคย ผู้สมัครหน้าใหม่จำนวนไม่น้อยต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ทั้งการลดจำนวนตำแหน่งงาน การแข่งขันที่สูงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงของทักษะที่นายจ้างต้องการ
สถานการณ์ตลาดงานด้านไอทีปัจจุบันค่อนข้างน่าวิตก เมื่อตำแหน่งงานวิศวกรซอฟต์แวร์ที่ประกาศบนเว็บไซต์ Indeed ลดลงถึงสามเท่าเมื่อเทียบกับช่วงต้นถึงกลางปี 2565 ขณะเดียวกัน บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Salesforce รายงานว่า ประสิทธิภาพการทำงานของวิศวกรพุ่งขึ้น 30% หลังใช้เอไอ และบริษัทไม่มีแผนจ้างวิศวกรใหม่ในปีนี้
นอกจากนี้ Google ยังเผยว่า เอไอเขียนโค้ดให้บริษัทไปแล้วเกือบ 25% ซึ่งแปลว่าโค้ด 1 ใน 4 ที่บริษัทใช้อยู่ตอนนี้ ใช้ “คน” เขียนน้อยลง
สถานการณ์เช่นนี้ คนที่กำลังส่งใบสมัครจะรอดพ้นวิกฤติดังกล่าวได้อย่างไร? โฮลลี่ ลี (Holly Lee) อดีตผู้คัดเลือกพนักงานจาก Amazon, Meta และ Google มาร่วม 10 ปี และปัจจุบันผันตัวมาเป็นโค้ชด้านอาชีพ เชื่อว่าทุกคนสามารถหางานในฝันได้ โดยเธอมี 4 ข้อชี้แนะมาฝากแก่คนที่ต้องการเป็น “ตัวจริง” ในตลาดงานไอที
📌 อย่าหลงรักบริษัทใหญ่จนมองข้ามโอกาสดีๆ
หลายคนฝันอยากทำงานกับบริษัทระดับโลกตั้งแต่แรก แต่โฮลลี่แนะนำให้มองบริษัทเล็กๆ หรือขนาดกลางก่อน เพราะที่นั่นเราจะได้สวมหมวกหลายใบ ได้ลองทำหลายอย่าง และที่สำคัญที่สุด ได้ค้นพบตัวเองว่าชอบ และถนัดอะไรจริงๆ
“คนเพิ่งเรียนจบ ยังไม่รู้ว่าตนเองชอบหรือไม่ชอบอะไร บางคนเข้าไปในบริษัทใหญ่แล้วค้นพบว่า ไม่ชอบเขียนโค้ดเลย แต่บริษัทเล็กลงมาเปิดโอกาสให้ทำได้หลายอย่าง ซึ่งอาจจะค้นพบสิ่งที่ชอบสิ่งที่ถนัดได้ง่ายกว่า” โฮลลี่ กล่าว
เมื่อถึงเวลาที่ตนเองพร้อม ค่อยกระโดดไปยังบริษัทในฝันก็ยังไม่สาย หรือถ้าอินกับสตาร์ตอัป ให้มองหาพวกที่ผ่านการระดมทุน Series B หรือ C แล้ว เพราะแปลว่าเขาสามารถจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานได้อีกพักใหญ่
📌 เรียนรู้งานทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า
บางคนเป็นนักออกแบบเว็บก็จะบอกว่า “ฉันทำแค่ UI นะ อย่ามายุ่งกับ CSS ของฉัน” นั่นอาจเป็นวิธีฆ่าอนาคตตนเองทางอ้อม โฮลลี่ อธิบายว่า ถ้าเป็นนักออกแบบเว็บไซต์ อย่าหยุดแค่ดีไซน์ แต่ลองศึกษาการเขียนโค้ดเพิ่มเติม ถ้าเป็นโปรแกรมเมอร์ ก็ลองขยับไปเรียนรู้เรื่อง UX/UI หรือ Data Science ดูบ้าง เพราะยิ่งทำได้หลายอย่าง โอกาสที่จะถูกเลือกก็ยิ่งสูงขึ้น
“บริษัทใหญ่ๆ ไม่ได้อยากได้คนที่ทำอะไรเป็นอย่างเดียวแต่เก่งมาก เขาอยากได้คนที่มี T-shaped skills คือ รู้กว้าง แต่ก็ลึกในบางเรื่อง” โฮลลี่เน้นย้ำ “ถ้าคุณรู้จัก Java ก็สามารถเรียน Python ได้ มันคือเรื่องของการปรับตัว”
นอกจากนี้ เธอยังเสริมว่า “แต่ถ้าหางานแล้วก็ยังไม่ได้จริงๆ ให้ลองคิดนอกกรอบ ทักษะของคุณเอาไปใช้ที่ไหนได้บ้าง บางคนลืมไปว่าโรงพยาบาล โรงงานผลิตรถยนต์ หรือแม้แต่บริษัทอาหาร ก็ต้องการคนทำเว็บ ทำแอปพลิเคชัน หรือเขียนโค้ดเหมือนกัน”
📌 เน้นสร้างเครือข่าย
“อย่าเพียงแค่หว่านเรซูเมแบบสุ่ม การสมัครงาน 50 ตำแหน่ง อาจไม่ช่วยให้ได้งานเท่ากับการมี ‘คนวงใน’ สักคนที่ช่วยแนะนำ” การสร้างเครือข่ายเป็นเรื่องสำคัญมากในวงการเทคโนโลยี โฮลลี่แนะนำให้ติดต่อกับเพื่อนร่วมคลาส รุ่นพี่ รุ่นน้อง อาจารย์ ถามไถ่ว่าทำงานที่ไหน เป็นอย่างไรบ้าง แล้วดูว่าจะช่วยเหลือกันได้อย่างไร
อีกวิธีคือ เข้าร่วมกลุ่มตามความสนใจบน LinkedIn หรือ Facebook พวกกลุ่ม “สมาคมคนรัก PHP” หรือ “ชมรมคนหลงรัก UX/UI” เหล่านี้ เต็มไปด้วยคนที่อาจช่วยได้ บางคนเป็นรุ่นพี่ บางคนเป็นผู้จัดการฝ่ายรับคน ถ้าเรามีการแอคทีฟ ช่วยตอบคำถามคนอื่นในกลุ่ม แสดงความเชี่ยวชาญใต้โพสต์ เดี๋ยวงานก็วิ่งเข้ามาหาเอง
โฮลลี่ยังแนะนำอีกว่า หากจะติดต่อใครไปสักคน อย่าเพียงแค่ทักทายด้วยประโยคแบบ “สวัสครับพี่ ผมอยากทำงานที่บริษัทพี่ รับผมหน่อย” แต่ลองเปลี่ยนเป็น “ผมอ่านบทความที่พี่เขียนเรื่อง Cloud Computing แล้วชอบมาก โดยเฉพาะประเด็น XYZ มีคำถามอยากถามพี่นิดนึงว่า..” หากเป็นแบบนี้จะเพิ่มความน่าสนใจชวนให้อยากตอบกลับมากขึ้น
📌 ซ้อมสัมภาษณ์งานให้เหมือนซ้อมแข่งโอลิมปิก
โฮลลี่เตือนว่า หลายคนพลาดโอกาสดีๆ เพราะเข้าห้องสัมภาษณ์แบบไปให้มันจบๆ แทนที่จะเตรียมตัวให้พร้อม หากสมัครงานสายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ต้องมั่นใจว่าสามารถแก้โจทย์โค้ดได้ ออกแบบระบบได้ และอธิบายแนวคิดของตัวเองอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ เวลาตอบคำถามเกี่ยวกับตนเอง อย่ายืดยาวเป็น 15 นาที นายจ้างต้องการคำตอบที่กระชับ ชัดเจน และแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การสัมภาษณ์งานไอทีไม่ใช่แค่โชว์เทคนิค แต่เป็นการแสดงความพร้อมในทุกด้าน
📌 AI เข้ามาเปลี่ยนเกม นักพัฒนาที่ยืดหยุ่นเท่านั้นที่จะอยู่รอด
แม้ว่ายุคเอไอจะทำให้ตลาดงานหลายๆ ตำแหน่งหดหาย อย่างเช่น นักเขียนโค้ด หากแต่ก็เกิดโอกาสใหม่ๆ ขึ้นเป็นจำนวนไม่น้อยจากการมีเอไอเหมือนกัน ยอสซี่ มาเทียส (Yossi Matias) หัวหน้าฝ่ายวิจัยที่ Google บอกกับสำนักข่าว Business Insider ว่า แม้ว่าเอไอจะเปลี่ยนโฉมงานวิศวกรรมซอฟต์แวร์ แต่ความรู้พื้นฐานในแต่ละวิชาชีพนั้นๆ ยังเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นเคย แค่เปลี่ยนเครื่องมือเท่านั้น
ไมค์ ไครเกอร์ (Mike Krieger) ผู้ร่วมก่อตั้ง Instagram ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Anthropic กล่าวว่า งานของวิศวกรซอฟต์แวร์กำลังเปลี่ยนไป โดยจากเดิมที่ต้องเขียนโค้ดเอง ตอนนี้จะเน้นไปที่ “การตรวจสอบความถูกต้องของโค้ดที่เอไอสร้างขึ้น” มากขึ้น นอกจากนี้ งานจะมุ่งเน้นไปที่ “การคิดไอเดียที่ถูกต้อง และรู้วิธีมอบหมายงานให้โมเดลเอไออย่างเหมาะสม”
ขณะที่ ซุนดาร์ พิชัย (Sundar Pichai) ซีอีโอของ Google กล่าวว่า บริษัทกำลังมองหา “วิศวกรซอฟต์แวร์ระดับซูเปอร์สตาร์” พร้อมเน้นว่า ผู้ที่ต้องการทำงานที่ Google ควรมีทัศนคติที่เปิดกว้างต่อการเรียนรู้และการปรับตัว
ด้าน สถาปนิกหลักของ Nvidia แนะนำว่า นักพัฒนารุ่นใหม่ควรให้ความสำคัญกับการเขียนโค้ด และคณิตศาสตร์ และหากต้องการได้งานระดับเริ่มต้น ควรฝึกงานทุกปีระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย
📌 เขียนเรซูเมให้ชนะใจบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่
สำหรับผู้ที่ตั้งเป้าทำงานในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ สำนักข่าว Business Insider มีข้อมูลจากผู้ประสบความสำเร็จในการสมัครงานมาแชร์ประสบการณ์ ดังนี้
วิศวกรซอฟต์แวร์ที่ผ่านการสัมภาษณ์กับ Meta, Amazon และ Dropbox ก่อนจะได้งานที่ Microsoft แนะนำว่า เรซูเมควรเน้นจุดแข็งทางเทคนิค ทำให้กระชับ และออกแบบให้สะดุดตา ส่วนวิศวกรซอฟต์แวร์ของ Google แนะนำให้สื่อสารผลลัพธ์เป็นตัวเลข และหากยังไม่มีประสบการณ์ทำงานมาก ควรเน้นไปที่โครงการ และงานวิจัย
นอกจากนี้ ผู้สมัครที่เคยสัมภาษณ์กับบริษัทในกลุ่ม FAANG กล่าวว่า การจ้างงานที่นั่นไม่ได้ดูแค่ทักษะเทคนิค แต่ยังให้ความสำคัญกับบุคลิกภาพ และความเข้ากันได้กับทีมอีกด้วย
วิศวกรซอฟต์แวร์สามคนที่ได้งานที่ Google มีเรซูเมที่แตกต่างกัน แต่พวกเขามีสิ่งที่เหมือนกันคือ เคยฝึกงานกับบริษัทเทคระดับยักษ์ใหญ่ และมีเกรดเฉลี่ย (GPA) ไม่ต่ำกว่า 3.6
สอดคล้องกับคำแนะนำจากวิศวกรซอฟต์แวร์สี่คนที่ได้งานที่ Google หลังจากฝึกงานที่บริษัท ที่แนะนำว่า ควรเริ่มสมัครฝึกงานให้เร็วที่สุด และควรมองหาฝึกงานที่เปิดโอกาสให้กับนักศึกษาชั้นปีต้นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสได้งานในอนาคต
อ้างอิง:
-
https://www.businessinsider.com/software-engineer-job-market-hiring-skills
-
https://tinyurl.com/ye2ae6kb
1 บันทึก
5
1
1
5
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย