11 มี.ค. เวลา 17:42 • ปรัชญา
เรื่องราวของธรรมขององค์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นท่านไม่ได้เขียนตำรับตำรา ไม่ได้ฝากกับผู้หนึ่งผู้ใด พระพุทธเจ้าท่านนั่งนิ่ง เหมือนพระปฏิมากร ..กายก็นิ่ง จิตก็นิ่ง ไม่มีอะไร ไม่มีอารมณ์ ท่านกระทำเพื่อให้จิตหลุดพ้น จิตหลุดพ้น พ้นทุกข์แล้ว..จะไปมีอะไรอีก ..ใครจะเดินตามท่าน ก็ทำตามท่าน กิริยาการเดิน ยืน นั่ง นอน ไม่มีอารมณ์
พระสาวกท่านก็ทำตามท่าน บางพระองค์ก็สำเร็จ โดยที่ไม่ได้พบเจอพระพุทธเจ้า ท่านฟังจากพระอรหันต์ แล้วท่านก็ทำตาม ไปนั่งในกลางป่า ..เพียรรักษากายนิ่ง จิตนิ่ง เมื่อกายนิ่ง จิตท่านก็ได้พบกับธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า .
ท่านก็ทำความเพียร ในสิ่งที่ทำกายเป็นกายของพระ ทำไปอยู่ในท่านกลางดินฟ้าอากาศ ตากแดดตากฝน ทำไปด้วยความขันติ และความเพียร ทำไปจนในสิ่งที่เรียกว่า ธุลี เมล็ดทราย สุดท้าย หลุดออกไป จากกายวาจาใจ จ้ตหลุดพ้น.. ท่านไม่ได้ไปเปลี่ยนแปลงโลก โลกเค้าก็มีอารมณ์ให้ปรนเปรอ แต่ของท่านปลดเปลื้องอารมณ์นั้นออกไปจากกาย จากธาตุทั้งสี่ ไปจนที่ว่า กายเป็นธรรม จิตเป็นธรรม พ้นเรื่องราวของโลก
ผู้ที่ที่มีแต่กรรม มีแต่อารมณ์กรรมสะสมมา ก็ไม่สามารถมานั่งนิ่งได้ ทำจิตเฉย ไม่มีอารมณ์ได้ ไม่สามารถจะนั่งในอาสนะของพระได้ ..กรรมที่สะสมมากับธาตุทั้งสี่ ก็ร้อนขึ้นมา ..นั่งไม่ติด ต้องลุกลี้ลุกลน หลบออกไปอาสนะของพระ .. อาสนะนี้ จึงเป็นอาสนะของผู้ที่สะสมบุญกุศลมา จึงสามารถจะมานั่งกายนิ่ง จิตเฉยได้ นั่งก็ไม่ทุกข์อะไร นั่งเป็นวันเป็นคืน นบางพระองค์ก็นั่งในน้ำแข็ง บางองค์ก็นั่งในถ้ำ เดินเข้าออกถ้ำ ก็ไม่มีแสงไฟอะไร .
บุคคลใดจะมานั่งในอาสนะนี้ ต้องมีกายเป็นบุญ แล้วนำกายบุญนี้ มานั่งในกิริยา อาสนะของพระ ..เพื่อนำหาจิตไปหาธรรม ไปจนถึงจิตเดืนทาง ในเส้นทางสู่จิตพระอรหันต์ จิตนั่นก็ต้องรู้จักคำว่าพระคุณของธาตุทั้งสอง เพราะมีความจำเป็นต้องก็ ให้ธาตุทั้งสองนั้นบริสุทธิ์ เกิดเป็นอโหสิกรรม ขึ้นมา ก่อนที่จะไปชำระสะสาง ..ธาตุทั้งสี่ ..ให้เกิดเป็นการอโหสิกรรมเกิดขึ้น
บางคนก็มองว่าเป็นเรื่อง อัตติลมถานุโยค .ขอถามนิดหนึ่ง ..เคยฝึกหัดทำจริงๆ จังมั้ย ว่ากายทำกายให้นิ่ง จิตนิ่ง กิริยารอยทั้งสี่ เคยฝึกหัดมั้ย เมื่อไมเคย ..ที่ไปเปลี่ยนนั้นเปลี่ยนนี้ เค้าเปลี่ยนอะไรกัน ..เค้าเปลี่ยนแปลงจิต ..ให้พ้นทุกข์ พ้นอารมณ์โลภโกรธหลง พ้นการเกิด ไม่กลับมาอีกแล้ว
แล้วผู้ที่ทำได้ เป็นองค์แรก ก็คือพระสิทธัตถะ ..แล้วท่านก็บอกสาวกท่านให้ปฏิบัติตาม ทุกพระองค์ ก็ทำตาม รอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระกัสสป ท่านเฒ่าชรา ..เดินไม่ไหว ..ท่านก็คลานจงกรม มีความเพียรเป็นเลิฟ มีขันติเป็นเลิศ คลานจงกรม ด้วยสภาพร่างเฒ่าชรา ขาแข้งบิดงอ ..มีเลือดออกมาที่มือตามขา ..ทีไถลไปกับพื้น ..ท่านคลานจนจิต..บรรลุเข้าถึงธรรมตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยขันติบารมีของท่าน
ยุคสมัยนี้มันก็ เวลาเดินทางมาถึงกึ่งพุทธกาล มีคนเขียนนั่นนี้ ว่าเป็น ธรรม ..แล้วก็สำคัญผิดว่าตนเองรู้ธรรม แต่กิริยาท่าทาง ไม่ใช่ของจิตผู้ที่มีธรรม บ้างก็ฆราวาสแต่งตั้งให้องค์นั้นองค์นี้ เป็นพระอรหันต์ . เอาไอ้นั้นไอ่นี้ไปให้เค้ายึดถือบูชา เป็นหนี้เป็นสิน ก็ไปขอพระให้ช่วย ..แล้วใครละที่ไปหยิบยืมเค้ามา .
บ้างก็เอาไอสไตล์ มาชื่นชม ..โอ้ว ..นั่นมันคนมีแต่กรรม ไม่รู้จักคำว่า สร้างบุญกุศลบารมีด้วยซ้ำไป .. เคยถามพระ ..ท่านบอกว่า คนฉลาดของโลกตกนรกกันมากมายก่ายกอง จักรพรรดินั่นนี่ก็ตกนรก ถึงเวลาวัตถุนิยม เค้าก็เอาคนเก่งๆในนรกขึ้นมาเกิด เกิดมาสร้างนั้นสร้างนี่ . หมดลมก็กลับไปที่เก่า .ทุกข์ทรมาน ..แล้วเวลามีกายเป็นมนุษย์แค่แปดสิบปี ร้อยปีแค่นั้น แล้วไปต่อในนรก ทุกข์ยาวนาน มันคุ้มค่ากันมั้ย ที่ได้กายเป็นมนุษย์สักครั้งหนึ่ง .
โฆษณา