ทุกอย่างตามที่กล่าวไว้ในกระทู้ มนุษย์ไม่สามารถสัมผัสหรือจับต้องได้ทุกคน เพราะมนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมอายตนะที่จะต้องรับและส่งสัญญาณแบบจับคู่กัน เรียกว่าอายตนะภายนอก และอายตนะภายใน
อายตนะภายนอก คือบรรดาสิ่งเร้าภายนอกทั้งหลายที่ส่งสัญญาณออกมา กล่าวคือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสกาย และอารมณ์หรือสิ่งที่ใจคิดนึก และอายตนะภายใน ซึ่งก็คืออวัยวะสำหรับการเชื่อมต่อเพื่อรับสัญญาณจากสิ่งเร้าภายนอกทั้งหลายนั่นเอง ซึ่งมันก็คือ รูป ต้องคู่กับตา, เสียง ต้องคู่กับหู, กลิ่น ต้องคู่กับจมูก, รสต้องคู่กับลิ้น, สัมผัสกาย ต้องคู่กับตัวตน และอารมณ์ ต้องคู่กับจิตใจและสมอง
ลองมาวิเคราะห์กันทีละอย่าง
"ผีไม่มีรูป" แต่ผู้คนมักอ้างว่า ตาตนเองเห็นผี หรือจมูกได้กลิ่นศพ หรือ หูได้ยินเสียงร้องของเปรต และกายตนเองมีขนลุกชันเพราะมีผีอยู่ใกล้ๆ คนจึงใช้อารมณ์ในการเก็บข้อมูลไว้ในความทรงจำ ว่าเหล่านี้คือผี จึงเชื่อว่ามีผีจริงๆ (ในประเด็นขนลุกชัน วิทย์มีคำตอบว่า เป็นการตอบสนองแบบชั่วคราวของระบบประสาทอัตโนมัติ ที่มีต่อสิ่งเร้า ทั้งภายนอกและภายใน)
"มนุษย์ต่างดาวไม่มีรูป" แต่ผู้คนมักอ้างว่า ตาตนเองเห็นลักษณะของมนุษย์ต่างดาว หูได้ยินเสียงพูดคุย แต่ไม่เคยได้ยินเสียงร้อง" แต่ก็ยังไม่เคยมีใคร กล่าวถึงจมูกที่ได้กลิ่นกายของมุษย์ต่างดาว" มีผู้คนอ้างว่า ถูกมุนษย์ต่างดาวจับตัวไปเพื่อทำการทดลอง คนจึงใช้อารมณ์ในการเก็บข้อมูลไว้ในความทรงจำ ว่าเหล่านี้คือมุษย์ต่างดาว จึงเชื่อว่ามีมนุษย์ต่างดาวจริงๆ
โลกคู่ขนาน (Multivers) หมายถึง เอกภพอื่นๆ ที่อาจมีอยู่ นอกเหนือจากเอกภพที่มนุษย์จะสามารถมองเห็นได้ (ด้วยตา) Andrei Linde นักฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าวว่า
ความเป็นจริงคือสิ่งที่ปรากฏอยู่อย่างเป็นอิสระ
นอกเหนือจากตัวเราหากโลกคู่ขนานมีอยู่จริง
เอกภพเหล่านี้ต้องอยู่อย่างเป็นเอกเทศจากเอกภพของเรา,
ซึ่งก็ย่อมหมายความว่า
เราไม่สามารถและไม่มีทางที่่จะเอื้อมถึง
และรับรู้ถึงการมีอยู่ของมันได้โดยตรง
ดังนั้นโดยสรุปแล้ว "ผี" มีแนวโน้มว่ามันมีอยู่จริง มากกว่ามนุษย์ต่างดาวและโลกคู่ขนาน สำหรับโลกคู่ขนาน อาจเป็นไปไม่ได้เลย ที่นักวิทยาศาสตร์จะพิสูจน์มัน (อ่านทวนคำกล่าวของนักฟิสิกส์ Andrei Linde)
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
