เมื่อวาน เวลา 11:37 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

Triz 40 principle กฎข้อที่ 2

หลักการที่ 2 ของ TRIZ: การสกัดออก (Extraction/Taking Out)
หลักการที่ 2 ของ TRIZ เป็นหนึ่งในเทคนิค 40 ประการที่ใช้ในการแก้ปัญหาเชิงนวัตกรรมและการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในงานวิศวกรรมและการออกแบบผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการต่างๆ หลักการนี้มีความสำคัญอย่างมากในการสร้างโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นที่การสกัดหรือแยกองค์ประกอบต่างๆ ออกจากกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ในบทความนี้เราจะศึกษาหลักการที่ 2 อย่างละเอียด รวมถึงการประยุกต์ใช้และตัวอย่างที่เห็นได้ในชีวิตประจำวัน
ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับ TRIZ
TRIZ เป็นทฤษฎีการแก้ปัญหาเชิงนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นโดยนักประดิษฐ์ชาวรัสเซีย เกนริค อัลทชูลเลอร์ (Genrikh Altshuller) และทีมงาน คำว่า TRIZ มาจากภาษารัสเซีย "Teoriya Resheniya Izobretatelskikh Zadach" ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า "Theory of Inventive Problem Solving" หรือ "ทฤษฎีการแก้ปัญหาเชิงนวัตกรรม" ในภาษาไทย อัลทชูลเลอร์และทีมงาน
ได้ทำการวิเคราะห์สิทธิบัตรนับแสนฉบับและสรุปว่านวัตกรรมต่างๆ นั้นล้วนอยู่บนพื้นฐานของหลักการพื้นฐาน 40 ประการ ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างเป็นระบบ[1]
TRIZ มีหลักการสำคัญคือการมุ่งสู่ความเป็นอุดมคติ (Ideality) โดยพิจารณาจากสมการที่ว่าความเป็นอุดมคติเท่ากับฟังก์ชันที่เป็นประโยชน์หารด้วยผลรวมของฟังก์ชันที่เป็นโทษและความสิ้นเปลืองทรัพยากร ดังนั้นการเพิ่มความเป็นอุดมคติจึงทำได้โดยการเพิ่มฟังก์ชันที่เป็นประโยชน์ หรือลดฟังก์ชันที่เป็นโทษและการใช้ทรัพยากร[2]
หลักการที่ 2: การสกัดออก (Extraction/Taking Out)
หลักการที่ 2 ของ TRIZ คือ "การสกัดออก" หรือ "Extraction/Taking Out" มีแนวคิดหลักคือการแยกสิ่งที่ไม่ต้องการหรือบางคุณสมบัติออกจากวัตถุ หรือการแยกเอาเฉพาะส่วน (คุณสมบัติ) ที่จำเป็นเท่านั้นออกมาจากวัตถุ[2] หลักการนี้ช่วยให้เราสามารถลดความซับซ้อนของระบบ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และแก้ไขความขัดแย้งในระบบได้
การสกัดออกนี้มีความแตกต่างจากหลักการที่ 1 ซึ่งเป็นการแบ่งออกเป็นส่วนๆ (Segmentation) ตรงที่การสกัดออกมุ่งเน้นการแยกส่วนที่ต้องการหรือไม่ต้องการออกจากระบบ ในขณะที่การแบ่งส่วนเป็นการทำให้วัตถุหรือระบบแยกย่อยออกเป็นส่วนๆ โดยยังคงความสัมพันธ์กันไว้[1]
องค์ประกอบของหลักการที่ 2
เมื่อพิจารณาหลักการที่ 2 อย่างละเอียด เราสามารถเห็นแนวทางการประยุกต์ใช้ได้หลายรูปแบบ:
1. การแยกส่วนที่ไม่พึงประสงค์ออกจากระบบทั้งหมด
2. การแยกเฉพาะส่วนที่มีประโยชน์หรือจำเป็นออกมาใช้งาน
3. การแยกคุณสมบัติที่ต้องการหรือไม่ต้องการออกจากระบบ
4. การสกัดพลังงาน สัญญาณ หรือข้อมูลที่ต้องการออกมาจากระบบที่ซับซ้อน[2]
## การประยุกต์ใช้หลักการสกัดออกในชีวิตจริง
หลักการสกัดออกมีการประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางในหลายสาขาและอุตสาหกรรม ต่อไปนี้คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน:
ในงานวิศวกรรมและการออกแบบ
การแยกคอมเพรสเซอร์ของเครื่องปรับอากาศไปติดตั้งอยู่นอกอาคาร ในขณะที่คอยล์เย็นอยู่ภายในอาคาร เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการประยุกต์ใช้หลักการนี้ การแยกส่วนที่ทำให้เกิดเสียงและความร้อนออกไปภายนอก ช่วยลดปัญหาเรื่องเสียงรบกวนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความเย็นภายในอาคาร[2]
รถบรรทุกพ่วงที่สามารถยกเก็บล้อขึ้นได้เมื่อไม่ได้ใช้งาน เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นการนำหลักการสกัดออกมาใช้ในการออกแบบ เมื่อรถไม่ได้บรรทุกของหนัก การยกล้อขึ้นช่วยลดแรงเสียดทานและประหยัดพลังงานในการขับเคลื่อน[2]
ในงานเกษตรและการป้องกัน
หุ่นไล่กาเป็นตัวอย่างของการสกัดเอาเฉพาะคุณลักษณะบางอย่างของมนุษย์ (รูปร่าง) มาใช้เพื่อไล่นกที่จะมากินพืชผล โดยไม่จำเป็นต้องให้มีมนุษย์จริงๆ อยู่ในไร่นาตลอดเวลา ในทำนองเดียวกัน การใช้เสียงสุนัขเพื่อป้องกันขโมยก็เป็นการสกัดเอาเฉพาะคุณสมบัติการเห่าของสุนัขมาใช้ โดยไม่จำเป็นต้องมีสุนัขจริงๆ[2]
การไล่นกออกจากสนามบินด้วยการเปิดเทปเสียงที่ทำให้นกตกใจเป็นอีกตัวอย่างที่น่าสนใจ ในกรณีนี้ มีการสกัดเอาเฉพาะเสียงที่ทำให้นกกลัวมาใช้ โดยไม่ต้องใช้วิธีที่อาจเป็นอันตรายต่อนกหรือสิ่งแวดล้อม[2]
ในอุตสาหกรรมการผลิตและการสกัด
การสกัดน้ำมันหอมระเหยจากพืชสมุนไพรเป็นตัวอย่างตรงตัวของหลักการสกัดออก โดยเป็นการแยกเอาเฉพาะส่วนที่มีกลิ่นหอมจากพืช ทำให้ได้น้ำมันหอมระเหยที่มีความเข้มข้นและมีคุณค่าทางเศรษฐกิจสูง[2]
กระบวนการรีไซเคิลก็เป็นการประยุกต์ใช้หลักการสกัดออกเช่นกัน โดยเป็นการแยกวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ออกจากขยะทั่วไป ทำให้สามารถนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ[2]
ในชีวิตประจำวันและสังคม
การแบ่งแยกพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ออกจากพื้นที่ทั่วไปเป็นตัวอย่างของการใช้หลักการสกัดออกในการจัดการพื้นที่สาธารณะ ทำให้ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ไม่ต้องได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่ ในขณะที่ผู้สูบบุหรี่ก็ยังมีพื้นที่สำหรับสูบบุหรี่โดยเฉพาะ[2]
การใช้หลักการสกัดออกร่วมกับหลักการอื่นใน TRIZ
การใช้หลักการสกัดออกร่วมกับหลักการอื่นๆ ใน TRIZ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น การใช้ร่วมกับหลักการที่ 22 "เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส" (Convert Harm into Benefit) สามารถนำสิ่งที่ถูกสกัดออกซึ่งอาจเป็นของเสียหรือไม่ต้องการในระบบหนึ่ง มาใช้ประโยชน์ในอีกระบบหนึ่งได้[3]
นอกจากนี้ การใช้หลักการสกัดออกร่วมกับหลักการที่ 13 "ทำกลับทิศทาง" (Do it in reverse) สามารถนำไปสู่แนวคิดใหม่ๆ ที่น่าสนใจ เช่น แทนที่จะสกัดสิ่งที่ไม่ต้องการออก อาจพิจารณาสกัดสิ่งที่ต้องการเข้าไปแทน[4]
การประยุกต์ใช้หลักการสกัดออกในการพัฒนานวัตกรรม
การใช้หลักการสกัดออกในการพัฒนานวัตกรรมสามารถทำได้โดยการวิเคราะห์ระบบหรือผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ แล้วพิจารณาว่ามีส่วนใดที่สามารถสกัดออกหรือแยกออกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพหรือลดข้อเสียได้ นอกจากนี้ ยังสามารถพิจารณาว่ามีคุณสมบัติใดที่ควรสกัดออกมาเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่นได้
ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การใช้หลักการสกัดออกอาจนำไปสู่การออกแบบที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป หรือแยกส่วนที่อาจก่อให้เกิดปัญหาออกจากระบบหลัก ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด "น้อยแต่มาก" (Less is More) ในการออกแบบ[1][2]
การนำหลักการสกัดออกไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหา
การใช้หลักการสกัดออกในการแก้ปัญหามีขั้นตอนดังนี้:
1. วิเคราะห์ระบบหรือสถานการณ์ที่มีปัญหาอย่างละเอียด
2. ระบุส่วนหรือคุณสมบัติที่เป็นสาเหตุของปัญหา หรือส่วนที่มีคุณค่าที่ต้องการรักษาไว้
3. พิจารณาว่าสามารถสกัดส่วนที่เป็นปัญหาออกไป หรือสกัดส่วนที่มีคุณค่าออกมาใช้ได้หรือไม่
4. ออกแบบวิธีการหรือกลไกในการสกัดหรือแยกส่วนนั้นๆ
5. ทดสอบและปรับปรุงโซลูชั่น[1][2]
สรุป
หลักการที่ 2 ของ TRIZ คือการสกัดออก (Extraction/Taking Out) เป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาและพัฒนานวัตกรรม โดยมุ่งเน้นที่การแยกส่วนหรือคุณสมบัติที่ต้องการหรือไม่ต้องการออกจากระบบ หลักการนี้มีการประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางในหลายสาขาและอุตสาหกรรม ตั้งแต่งานวิศวกรรม การออกแบบ การเกษตร ไปจนถึงการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
การใช้หลักการสกัดออกร่วมกับหลักการอื่นๆ ใน TRIZ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาและนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมที่มีคุณค่า การเข้าใจและสามารถประยุกต์ใช้หลักการนี้จึงเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับนักพัฒนา นักออกแบบ และผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ในยุคที่นวัตกรรมเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ[1][2][3][4]
[4] "Reverse" the magic in TRIZ Principles - Tanasak Pheunghua https://www.inventbytanasak.blog/post/reverse-the-magic-in-triz-principles
[6] 'TRIZ' ทฤษฎีพิชิตสารพัดปัญหา จากภูมิปัญญาของนักประดิษฐ์ https://www.thekommon.co/triz-theory-of-inventive-problem-solving/
[7] [PDF] การใช้ทฤษฎีการสร้างนวัตกรรม (TRIZ) ในการปรับปรุงเครื่องหว่านชนิดจาน https://nuir.lib.nu.ac.th/dspace/bitstream/123456789/2756/1/NuttapongKittivorakan.pdf
โฆษณา