Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The Last karuda
•
ติดตาม
9 เม.ย. เวลา 14:00 • ข่าวรอบโลก
สหรัฐอเมริกา
มีหนาว....โปแลนด์ประกาศแผนอาวุธนิวเคลียร์ สร้างความตกตะลึงให้กับยุโรป
ส่อให้เห็นว่า การที่ยูเครนหยิบอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมาอีกครั้งไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก มันเป็นเพราะไม่มีเวลาและพื้นที่
ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ยากที่จะหยิบขึ้นมา
แต่...สนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์เป็นเพียงโครงการรักษาหน้า(ตา)เท่านั้น ดูเหมือนมีประโยชน์ แต่ใช้งานอะไรไม่ได้
3
ประเทศใดก็ตามที่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์สามารถประกอบหัวรบนิวเคลียร์ของตนเองได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง
1
ขึ้นอยู่กับว่าเทคโนโลยีขีปนาวุธ/จรวดสามารถยิงได้ไกลแค่ไหน เร็วแค่ไหน และแม่นยำแค่ไหน นั่นน่ากลัวกว่า...
1
ผลกระทบจากความล้มเหลวของสหรัฐและยูเครนในการลงนามข้อตกลงด้านแร่ธาตุและการทะเลาะวิวาทระหว่างสองประธานาธิบดียังคงทวีความรุนแรงมากขึ้น
ประเด็นที่ชัดเจนที่สุดคือประเทศต่างๆ ในยุโรปได้หารือกันถึงประเด็นการส่งทหารไปยังยูเครน การเพิ่มความช่วยเหลือ
และการปรับปรุงการป้องกันประเทศของตนเองบ่อยขึ้นเรื่อยๆ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง เรียกรัสเซียว่าเป็น “ภัยคุกคามโดยตรงต่อฝรั่งเศสและยุโรป”
และเสนอแนวคิดที่จะนำประเทศต่างๆ ในยุโรปมาอยู่ภายใต้ “ร่มนิวเคลียร์” ของฝรั่งเศส
ที่น่าเป็นห่วงและต้องให้ความสนใจ คือ โปแลนด์ เด็กน่าสงสารคนนี้ ประสบทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายมามากมาย และถูกทำลายมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง!
นี่เป็นผลจากการไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีในสนธิสัญญาฉบับเดิม
ชาวโปแลนด์สังเกตเห็นว่าบันทึกข้อตกลงบูดาเปสต์นั้นไร้ประโยชน์ ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าเหล็กจะต้องผ่านการชุบแข็งเสียก่อนจึงจะแกร่งได้
2
แน่นอน...หลังจากโปแลนด์แล้ว จะต้องมีประเทศอื่นๆ(แอบ)ตามหลังมาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะประเทศที่อยู่ติดชายแดนหรืออยู่ติดกับกลุ่มเสี่ยง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ต่อสาธารณะ แต่พวกเขาจะแอบทำอย่างลับๆ จะเห็นได้ว่าสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์นั้นตายไปแล้วในนามเท่านั้น
1
โปแลนด์เสนอแผนพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ดอนัลต์ ตุสก์ (Donald Tusk) กล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงความไม่มั่นใจเกี่ยวกับพันธมิตรของสหรัฐฯ
1
การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ของสหรัฐฯ อย่างรุนแรงครั้งนี้ ทำให้โปแลนด์และยูเครนอยู่ใน
“สถานการณ์ที่เพิ่มความยากลำบากยิ่งขึ้น”
1
เขากล่าวว่า โปแลนด์จำเป็นต้องเพิ่มขนาดกองทัพอย่างมีนัยสำคัญ และ “แสวงหาโอกาสที่เกี่ยวข้องกับอาวุธนิวเคลียร์”
โปแลนด์ อำนาจใหม่ของอาวุธนิวเคลียร์และการขยายกำลังทหาร
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ไม่ได้เสนอการพัฒนาคลังอาวุธนิวเคลียร์อย่างชัดแจ้งในสุนทรพจน์โดยละเอียด
เกี่ยวกับประเด็นด้านความปลอดภัยต่อรัฐสภาโปแลนด์ เขากล่าวเพียงว่า "ตอนนี้เป็นเวลาที่เราจะต้องพิจารณาความเป็นไปได้ในการครอบครองอาวุธที่ทันสมัยที่สุดอย่างกล้าหาญ "
และได้สำรวจทางเลือกของอาวุธนิวเคลียร์
และ "อาวุธสมัยใหม่ที่ไม่ธรรมดา" ตุสก์ ยังกล่าวเสริมด้วยว่ารัฐบาลโปแลนด์กำลัง "หารืออย่างจริงจัง" กับฝรั่งเศส
1
ซึ่งเป็นมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์เพียงประเทศเดียวของยุโรป นอกเหนือจากอังกฤษและรัสเซีย
เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการขยายขอบเขตอำนาจนิวเคลียร์ของฝรั่งเศสไปยังประเทศอื่นๆ ในยุโรป
หากกลับไปเมื่อวันที่ 5 มกราคม มาครงเคยกล่าวในสุนทรพจน์ทางโทรทัศน์ว่า ฝรั่งเศสจะต้องเตรียมพร้อมหากสหรัฐฯ ไม่สนับสนุนฝรั่งเศสอีกต่อไป
เขากล่าวเสริมอีกว่าความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนได้กลายมาเป็น "ความขัดแย้งระดับโลก"
และเขาวางแผนที่จะเปิดการอภิปรายเกี่ยวกับแนวคิดในการขยาย "ร่มนิวเคลียร์" ของฝรั่งเศสไปยังพันธมิตรในยุโรป
เกี่ยวกับสนธิสัญญาฉบับนี้ โปแลนด์เป็นผู้ลงนามในสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์
ซึ่งห้ามประเทศที่ไม่อยู่ในกลุ่มมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ 5 อันดับแรกจากการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ และมีการหารือกันเป็นระยะๆ ในโปแลนด์เกี่ยวกับการพยายามเข้าร่วมชมรมนิวเคลียร์
เมื่อสนธิสัญญามีผลใช้บังคับในปีพ.ศ. 2513
แต่อิสราเอล อินเดีย และปากีสถาน ที่ไม่(เคย)ลงนามห้าม และเกาหลีเหนือที่ถอนตัวจากสนธิสัญญา ต่างเร่งกันพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์กันอย่างเมามันส์...
2
แต่ จาโรสลาฟ คาซินสกี(Jaroslav Kaczynski) อดีตหัวหน้าพรรครัฐบาลของโปแลนด์ กลับเห็นต่าง
และกล่าวเมื่อปี 2565 ว่า "ในฐานะพลเมือง" เขาอยากเห็นโปแลนด์ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
1
เขายังกล่าวเสริมว่า "แต่ในฐานะนักการเมืองที่มีความรับผิดชอบ ฉันต้องถือว่าแนวคิดนี้เป็นไปได้ยาก"
2
ทางด้านเจ้าหน้ารัสเซีย ได้ให้คำใบ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าพวกเขาอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการต่อสู้กับยูเครน (ซึ่งไม่ใช่สมาชิกนาโต) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากชาติตะวันตกเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารให้กับยูเครน
แต่การช่วยเหลือที่เพิ่มขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ายังไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองดังกล่าวได้ ฮาาา
ซึ่งสอดคล้องกับ สถาบันด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของฝรั่งเศสเตือนในรายงานเมื่อปีที่แล้วว่า
"ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนอาจเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ได้ เนื่องจากแสดงให้เห็นว่ามหาอำนาจนิวเคลียร์เองสามารถโจมตีฝ่ายตรงข้ามด้วยขีดความสามารถแบบธรรมดาได้
ขณะเดียวกันก็สนับสนุนการกระทำของตนด้วยการคุกคามด้วยนิวเคลียร์เพื่อยับยั้งไม่ให้บุคคลที่สามเข้ามาแทรกแซง"
รายงานยังระบุด้วยว่า "ความขัดแย้งยังส่งสัญญาณว่าอาวุธนิวเคลียร์ยังคงเป็นเครื่องรับประกันความมั่นคงของชาติที่จำเป็น"
ว่าไปแล้ว ...โปแลนด์ก็เป็นมหาอำนาจทางทหารที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาอดีตสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรทางทหารสนธิสัญญาวอร์ซอที่นำโดยสหภาพโซเวียต
และปัจจุบันได้เป็นสมาชิกของนาโต้
โปแลนด์มีประเพณีอันยาวนานในด้านความเชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์ โดยผมขอย้อนไปถึงมารี คูรี (Marie Curie) นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสที่เกิดในโปแลนด์
2
ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์และเคมีจากผลงานบุกเบิกในการค้นพบกัมมันตภาพรังสีและธาตุกัมมันตภาพรังสีในช่วงต้นศตวรรษที่ 20
นอกจากนั้น ยังมี สตานิสลาฟ อูห์ลาน( Stanislaw Uhlan )นักคณิตศาสตร์และนักฟิสิกส์ชาวโปแลนด์
1
ซึ่งมีบทบาทสำคัญในโครงการระเบิดปรมาณูลับของอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
รวมถึง โครงการแมนฮัตตัน และการประดิษฐ์ระเบิดไฮโดรเจนที่ตามมา
1
ในช่วงยุคคอมมิวนิสต์ โปแลนด์ฝึกอบรมวิศวกรนิวเคลียร์จำนวนมากเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เริ่มก่อสร้างด้วยความช่วยเหลือจากสหภาพโซเวียต
แต่ไม่เคยสร้างเสร็จ
1
และเมื่อปีที่แล้ว โปแลนด์อนุมัติแผนการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกภายใต้สัญญากับบริษัท Westinghouse Electric ของสหรัฐอเมริกา
ในสุนทรพจน์ของเขา ตุสก์ พูดถึงสถานการณ์ด้านความมั่นคงใหม่ที่เกิดจากการที่ทรัมป์พลิกกลับหลักการของนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ อย่างกะทันหัน
นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง “เราไม่สามารถปฏิเสธข้อเท็จจริงเหล่านี้ได้” เขากล่าว
“หากพูดกันตามตรง สถานการณ์ในโปแลนด์และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยูเครนในปัจจุบันยากลำบากกว่าเมื่อไม่กี่เดือนก่อน และเราต้องเผชิญกับข้อเท็จจริงนี้”
แต่ ตุสก์ ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์โดยตรง และกล่าวว่าการรักษา “ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดที่สุด” กับสหรัฐฯ ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ
นอกจากการพูดคุยเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ ตุสก์ยังกล่าวอีกว่าโปแลนด์จำเป็นต้องให้แน่ใจว่าชายวัยผู้ใหญ่ทุกคนต้องได้รับการ "ฝึกฝนในสถานการณ์สงคราม"
1
เขากล่าวว่าโปแลนด์จะขยายกองทัพ รวมถึงกำลังสำรอง เป็นประมาณ 500,000 นายมากกว่าขนาดปัจจุบันมากกว่าสองเท่า
1
และเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมเป็นร้อยละ 5 ของผลผลิตทางเศรษฐกิจ
แต่ ตุสก์ ตัดสินใจที่จะไม่ส่งทหารโปแลนด์ไปยูเครนที่ให้ "เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังสำรอง"
ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการปฏิเสธข้อเสนอของฝรั่งเศสที่ให้ประเทศต่างๆ ในยุโรปส่งทหารเข้าร่วมกองกำลังรักษาความปลอดภัยในอนาคต
1
หากความพยายามของสหรัฐฯ ในการไกล่เกลี่ยข้อตกลงสันติภาพประสบผลสำเร็จ
โดยทั่วไปแล้ว...โปแลนด์ก็ถือเป็นประเทศที่ใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป
โดยใช้จ่ายประมาณร้อยละ 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในปีที่แล้ว
ซึ่งมากกว่าร้อยละ 2 ของจำนวนเงินขั้นต่ำที่ประเทศสมาชิก NATO กำหนดไว้ถึงสองเท่า
“ผมขอพูดซ้ำอีกครั้งถึงสิ่งที่ดูเหลือเชื่อแต่เป็นความจริง ชาวยุโรป 500 ล้านคนกำลังขอร้องชาวอเมริกัน 300 ล้านคนให้ปกป้องเราจากชาวรัสเซีย 180 ล้านคน
1
ซึ่งไม่สามารถรับมือกับชาวอูเครน 40 ล้านคนมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว” ตุสก์ กล่าว
เขากล่าวเสริมว่ายุโรปมีวิธีการป้องกันตัวเอง
2
แต่จำเป็นต้อง “ขจัดจุดอ่อนสำคัญ” ซึ่งได้แก่ “การขาดเจตจำนงในการดำเนินการ ความไม่แน่นอน และบางครั้งถึงกับต้องเรียกว่า.....ความขี้ขลาด”
1
ยูเครนรัสเซีย
สหรัฐอเมริกา
russia
1 บันทึก
14
14
8
1
14
14
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย