12 มี.ค. เวลา 17:40 • ประวัติศาสตร์
กาญจนบุรี

ย้อนรอยเมืองกาญจน์ ผ่านตำนานที่ไม่เคย

เดินทางสู่เมืองกาญจน์ สถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวจากอดีต ผ่านมุมมองใหม่ที่คุณอาจไม่เคยรู้จัก จากสะพานข้ามแม่น้ำแควจนถึงสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ที่ยังคงความทรงจำไว้ในทุกก้าว ย้อนกลับไปสัมผัสตำนานที่ยังคงตราตรึงในเมืองกาญจน์ รอให้คุณได้สัมผัส
นักศึกษาสาขาการจัดการการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยศิลปากร
สวัสดีค่ะทุกท่าน เมื่อไม่นานมานี้มีโอกาสได้แวะเวียนไปเที่ยวที่จังหวัดกาญจนบุรี เป็นทริปสั้น ๆ 2 วัน 1 คืนมาค่ะ เลยอยากมาบอกเล่าประสบการณ์สำหรับท่านที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวที่เมืองกาญจน์หรือหากท่านใดที่ต้องการดื่มด่ำไปกับประวัติศาสตร์ ที่แห่งนี้ ณ เมืองกาญจน์ เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่เราขอแนะนำค่ะ
ถ้ำกระแซ / ทางรถไฟสายมรณะ
บริเวณทางรถไฟสายไทย-พม่า ปากทางเข้าถ้ำกระแซ มองออกไปเป็นวิวแม่น้ำแควน้อย
ถ้ำกระแซในกาญจนบุรีเป็นจุดหมายที่ผสมผสานความงามของธรรมชาติเข้ากับประวัติศาสตร์อย่างลงตัว เมื่อเดินทางมาถึง คุณจะรู้สึกตื่นเต้นทันทีจากร้านของที่ระลึกและบรรยากาศรอบ ๆ ทางรถไฟสายมรณะที่แสนจะสวยงามแต่ก็ให้ความรู้สึกเสียวไปในตัว
- สัมผัสความเป็นธรรมชาติ: เดินชมเส้นทางรถไฟที่ทอดตัวเลียบหน้าผา มองลงไปเห็นแม่น้ำแควที่ไหลช้า ๆ ให้ความรู้สึกทั้งสงบและท้าทาย
- กิจกรรมและความหลากหลาย: ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปเก็บความทรงจำ ไหว้พระในถ้ำที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ หรือชิมอาหารบุฟเฟ่ต์ในร้านใกล้เคียงที่มีของคาวและหวานครบครัน
- ความสะดวกสบาย: จุดถนนและป้ายข้อมูลที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวเข้าใจเรื่องราวและเส้นทางเดินทางไปยังจุดต่าง ๆ อย่างชัดเจน
แนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว:
ถ้าคุณชอบผจญภัยและอยากสัมผัสประวัติศาสตร์ไปพร้อมกับวิวทิวทัศน์สุดอลังการ ถ้ำกระแซเป็นตัวเลือกที่น่าลอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนรักการถ่ายรูปและชื่นชอบบรรยากาศแบบ “ย้อนอดีต” ที่นี่ไม่เพียงแต่ให้ความรู้สึกตื่นเต้นจากความสูงของรางรถไฟเท่านั้น แต่ยังเผยเรื่องราวในอดีตที่น่าสลดใจและทรงคุณค่าอีกด้วย
บรรยากาศภายในถ้ำกระแซ มีอุโมงค์เล็ก ๆ ภายในถ้ำ และหินงอกหินย้อยที่สวยงาม
ถ้ำกระแซมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างมาก เนื่องจากในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่นี่เคยเป็นที่พักของเชลยศึกและกรรมกรชาวเอเชียที่ถูกเกณฑ์มาเพื่อสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะระหว่างไทยและพม่า
- ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2: ทางรถไฟสายมรณะถูกสร้างขึ้นในช่วงที่ญี่ปุ่นต้องการเชื่อมต่อเส้นทางยุทธศาสตร์ผ่านประเทศพม่า โดยใช้แรงงานของเชลยศึกและแรงงานท้องถิ่นอย่างหนักหน่วง
- ความยากลำบากและความสูญเสีย: บริเวณที่ถ้ำกระแซตั้งอยู่ ถือเป็นส่วนที่สร้างขึ้นได้ยากที่สุด เนื่องจากต้องสร้างเลียบหน้าผาและเหนือแม่น้ำแคว ซึ่งส่งผลให้มีการเสียชีวิตอย่างมากมายในอดีต
- สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในถ้ำ: ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานไว้ เป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธาและเป็นจุดไหว้พระสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน เพื่อรำลึกถึงความทุกข์และความยิ่งใหญ่ในอดีต
มรดกที่ยังคงส่งต่อ:
แม้เวลาจะผ่านไป แต่เรื่องราวและความทรงจำของถ้ำกระแซยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักท่องเที่ยวในทุกยุคทุกสมัย เมื่อมองจากปากถ้ำไปยังเส้นทางรถไฟ คุณจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามพร้อมกับร่องรอยของอดีตที่ยังคงอยู่ในทุกๆ ซอกมุม
ข้อมูลเพิ่มเติม:
- ที่อยู่: ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
- เวลาเปิดให้เข้าชม: 07.00-17.00 น. (ฟรีค่าเข้าชม)
ถ้ำกระแซไม่เพียงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อถ่ายรูปเก็บความทรงจำเท่านั้น แต่ยังเป็นหน้าต่างสู่ประวัติศาสตร์อันลึกซึ้งของสมัยสงครามที่ย้ำเตือนให้เรานึกถึงความกล้าหาญและความทุกข์ยากในอดีต จึงไม่แปลกใจเลยถ้าสถานที่แห่งนี้ยังคงดึงดูดใจนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
สะพานข้ามแม่น้ำแคว
สัมผัสประวัติศาสตร์และวิวสุดอลังการ
สะพานข้ามแม่น้ำแควเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่สำคัญที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรี และเป็นสัญลักษณ์ของเส้นทางรถไฟสายมรณะจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ความยาวของสะพานประมาณ 300 เมตร เชื่อมต่อสองฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ ทอดตัวเป็นโครงเหล็กสีดำโดดเด่นกลางน้ำ
สิ่งที่น่าตื่นเต้นเมื่อมาเยือน
- เดินบนรางรถไฟ: ไฮไลท์ของที่นี่คือการได้เดินบนรางรถไฟพร้อมชมวิวแม่น้ำแคว นักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามสะพานได้ และยังมีจุดพักยืนหลบรถไฟเป็นระยะ
- จุดเด่นของสะพาน: ตัวตอม่อของสะพานที่ 4-5 จะมีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมคางหมู แตกต่างจากตอม่ออื่น ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการซ่อมแซมในช่วงสงคราม
- ถ่ายรูปวิวสุดปัง: ช่วงเช้าอากาศสดชื่น มีแสงแดดอ่อน ๆ และช่วงเย็นสามารถชมพระอาทิตย์ตกกระทบผืนน้ำ เป็นภาพที่งดงามและเหมาะแก่การเก็บภาพความประทับใจ
ร้านค้าและของที่ระลึก
บริเวณรอบสะพานเต็มไปด้วยร้านขายของฝาก เช่น เสื้อลายช้าง, พวงกุญแจ, แม่เหล็กติดตู้เย็นรูปสะพาน และของกินท้องถิ่นที่มีราคาย่อมเยาให้เลือกซื้อ
เทศกาลสำคัญ
ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคมของทุกปี จะมี “งานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว” ซึ่งจัดแสดงแสง สี เสียง จำลองเหตุการณ์ในอดีต พร้อมด้วยตลาดและกิจกรรมต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสบรรยากาศยุคสงคราม
หัวรถไฟที่อยู่ใช้งานจริงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่ไม่ไกลจากสะพานข้ามแม่น้ำแคว
สะพานข้ามแม่น้ำแควเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายมรณะ (Death Railway) ที่สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่น มีเป้าหมายสร้างทางรถไฟจาก สถานีชุมทางหนองปลาดุก จังหวัดราชบุรี ไปยังเมืองทันบูซายัค ประเทศเมียนมา เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ในการขนส่งกำลังพลและอาวุธไปโจมตีเมียนมาและอินเดีย
ความโหดร้ายของการก่อสร้าง
- ใช้แรงงานเชลยศึกพันธมิตรและกรรมกรชาวเอเชียหลายหมื่นคน
- เชลยศึกต้องเผชิญกับการทำงานหนัก ภาวะขาดแคลนอาหาร โรคภัยไข้เจ็บ และการทารุณกรรม
- มีคำกล่าวว่า “หนึ่งไม้หมอนของรางรถไฟ เท่ากับหนึ่งชีวิตที่สูญเสีย”
การโจมตีและการบูรณะ
สะพานแห่งนี้เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2486 ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2487 ทหารสัมพันธมิตรได้โจมตีสะพานด้วยการทิ้งระเบิด ทำให้ช่วงกลางของสะพานถูกทำลาย และหลังสงครามจบลง รัฐบาลไทยได้ซื้อต่อจากอังกฤษและบูรณะขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2489
ข้อมูลเพิ่มเติม
- ที่อยู่: ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
- เวลาเปิดให้เข้าชม: 06.00 – 19.00 น.
- โทร: การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 0-2621-8701 ต่อ 5202
สะพานข้ามแม่น้ำแควไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นอนุสรณ์ของความเจ็บปวดในอดีต และเป็นเครื่องเตือนใจถึงบทเรียนจากสงครามที่ไม่อาจลืมเลือน
สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก
สถานที่รำลึกถึงผู้กล้าแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2 สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก หรือที่ชาวเมืองกาญจนบุรีเรียกว่า “ป่าช้าอังกฤษ” เป็นสถานที่รำลึกถึงเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรที่เสียชีวิตระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวไทยได้อุทิศพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นที่พักพิงสุดท้ายของเหล่าทหารเพื่อเป็นเกียรติแก่ความเสียสละของพวกเขา
สุสานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง โดยเป็นสถานที่ฝังศพเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรที่เสียชีวิตระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะ พื้นที่สุสานมีขนาด 17 ไร่ และมีศพทหารถูกฝังอยู่มากถึง 6,982 หลุม
แม้ว่าชาวบ้านจะเรียกที่นี่ว่า “ป่าช้าอังกฤษ” แต่แท้จริงแล้วสุสานแห่งนี้เป็นที่ฝังศพของเชลยศึกจากหลายประเทศ เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ และนิวซีแลนด์
เมื่อเดินเข้าประตูสุสาน นักท่องเที่ยวจะพบซุ้มอุโมงค์ที่มีข้อมูลทางประวัติศาสตร์และจารึกข้อความว่า:
“THE LAND ON WHICH THIS CEMETERY STANDS THE GIFT OF THE THAI PEOPLE FOR THE PERPETUAL RESTING PLACE OF THE SAILORS SOLDIERS AND AIRMEN WHO ARE HONOURED HERE”
(แผ่นดินซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งสุสานนี้เป็นสมบัติของประชาชนชาวไทย ได้อุทิศให้เป็นสถานที่พักตลอดกาลสำหรับทหารเรือ ทหารบก และทหารอากาศ ผู้ซึ่งได้รับเกียรติ ณ ที่นี่)
จุดเด่นของสุสานดอนรัก
1. บรรยากาศที่สงบและร่มรื่น
- สุสานถูกจัดแต่งอย่างเรียบร้อย มีสนามหญ้าและดอกไม้ที่ได้รับการดูแลอย่างดี
- หลุมศพแต่ละหลุมมีแผ่นทองเหลืองจารึกชื่อ อายุ สังกัด และคำไว้อาลัยที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตเลือกให้
2. สถานที่สำคัญภายในสุสาน
- สมุดรายชื่อทหารและสมุดเยี่ยมชมสุสาน – ตั้งอยู่ตรงทางเข้าด้านซ้ายมือ
- หลุมศพอนุศาสนาจารย์ Alexander Dean – ทหารอาสาสมัครจากออสเตรเลีย ตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนที่ 1 แถว J หลุมที่ 23
- อัฐิทหาร 300 นายที่เสียชีวิตจากอหิวาตกโรค – อยู่บริเวณซ้ายสุดของสุสาน
- “ไม้กางเขนแห่งความเสียสละ” – ตั้งอยู่กลางสุสาน สร้างขึ้นเพื่อเชิดชูชาวคริสต์ที่ถูกฝังที่นี่
- “ศิลาแห่งความทรงจำ” – ตั้งอยู่ข้างไม้กางเขน เพื่อรำลึกถึงทหารทุกนายที่เสียชีวิตในสงคราม
- “อนุสรณ์กาญจนบุรี” – สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงทหารอินเดีย 11 นาย ตั้งอยู่ตรงทางเข้าสุสานด้านขวามือ
บรรยากาศภายในสุสานดอนรัก มีความร่มรื่นและเงียบสงบ
วันรำลึกถึงทหารสัมพันธมิตร
สุสานดอนรักเป็นสถานที่จัดงานรำลึกถึงเหล่าทหารที่จากไปในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีพิธีสำคัญของประเทศต่าง ๆ ได้แก่:
- Anzac Day (25 เมษายน): พิธีรำลึกของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
- Armistice Day (5 พฤษภาคม): พิธีรำลึกของเนเธอร์แลนด์
- Remembrance Day (11 พฤศจิกายน): พิธีรำลึกของอังกฤษ
ข้อควรปฏิบัติในการเยี่ยมชมสุสาน
- ห้ามเดินข้ามหลุมศพ
- รักษาความสงบและให้เกียรติสถานที่
- ห้ามถ่ายภาพที่ไม่เหมาะสม หรือทำพฤติกรรมล้อเลียน
- ห้ามส่งเสียงดังหรือวิ่งเล่นภายในสุสาน
- ห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มเข้าไปรับประทาน
ข้อมูลเพิ่มเติม
- ที่อยู่: 284/66 ถนนแสงชูโต ตำบลบ้านใต้ อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
- เวลาเปิดให้เข้าชม: 08.00 – 17.00 น.
โทรศัพท์ติดต่อ:
- สุสานดอนรัก: 034-511-500
- ททท. กาญจนบุรี: 0-3451-1200, 0-3451-2800
- สนง. การท่องเที่ยวและกีฬา กาญจนบุรี: 034-520-335
สถานที่ใกล้เคียงที่น่าสนใจ
- พิพิธภัณฑ์ทางรถไฟไทย-พม่า: จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับทางรถไฟสายมรณะและประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 (เปิดเวลา 09.00-17.00 น.)
สุสานดอนรักไม่ใช่เพียงสถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นอนุสรณ์สถานแห่งประวัติศาสตร์ที่สะท้อนถึงความโหดร้ายของสงครามและการเสียสละของเหล่าทหารที่จากไป
วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) & พิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเชลยศึก
ทริปกาญจนบุรีครั้งนี้ เรามีโอกาสได้ไปเยี่ยมชม วัดไชยชุมพลชนะสงคราม หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดใต้” และ พิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเชลยศึก ซึ่งตั้งอยู่ติดกัน
วัดไชยชุมพลชนะสงคราม หรือ วัดใต้
วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้)
เมื่อมาถึงวัดใต้ เราได้เริ่มต้นด้วยการ ถวายสังฆทานและพรมน้ำมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นเดินชม หุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่เปลี่ยน และรับฟังบรรยายเกี่ยวกับประวัติของวัด
บรรยากาศภายในวัดร่มรื่น สงบ และเต็มไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะและประวัติศาสตร์ เนื่องจากตั้งอยู่ริมแม่น้ำแคว วัดแห่งนี้เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก
จุดเด่นของวัดใต้
- พระอุโบสถและภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่สวยงามและละเอียดอ่อน
- “เรือเทวดา” สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นภายในวัด เดิมใช้เป็นเมรุเผาศพของอดีตเจ้าอาวาส และกลายเป็นสิ่งดึงดูดใจให้ผู้คนมาเยี่ยมชม
- พระเจดีย์เก่าแก่ ซึ่งกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน
- เวลาเปิดให้เข้าชม: 08.00 – 17.00 น.
พิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเชลยศึก (The JEATH War Museum)
บรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเชลยศึก
หลังจากไหว้พระเสร็จ เราได้เดินไปชม พิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเชลยศึก ซึ่งตั้งอยู่ติดกับวัดใต้
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 โดย เจ้าคุณพระเทพปัญญาสุธี เจ้าอาวาสวัดไชยชุมพลชนะสงคราม พิพิธภัณฑ์นี้สร้างขึ้นเพื่อ บันทึกความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 และการสร้างทางรถไฟสายมรณะ
JEATH เป็นคำย่อของประเทศเชลยศึกหลักที่ถูกเกณฑ์มาสร้างทางรถไฟ ได้แก่
J = Japan (ญี่ปุ่น)
E = England (อังกฤษ)
A = Australia (ออสเตรเลีย)
T = Thailand (ไทย)
H = Holland (เนเธอร์แลนด์)
สิ่งที่น่าสนใจภายในพิพิธภัณฑ์
- ห้องจัดแสดงภาพถ่ายและเอกสารเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2
- ภาพถ่ายและภาพวาดเหตุการณ์สงคราม รวมถึงสภาพความเป็นอยู่ของเชลยศึก
- เรื่องราวเกี่ยวกับการระบาดของโรคและการลงโทษนักโทษสงคราม
- ห้องแสดงอาวุธและเครื่องใช้สมัยสงคราม
- อาวุธยุทโธปกรณ์ เช่น ปืน มีด หมวก ขวดน้ำ เสื้อผ้า และระเบิด
- อาคารจำลองค่ายเชลยศึก
- จำลองที่พักและสภาพความเป็นอยู่ของเชลยศึกที่ถูกใช้แรงงานสร้างทางรถไฟสายมรณะ
- ทางรถไฟสายมรณะ (Death Railway)
- พื้นที่จัดแสดงเกี่ยวกับทางรถไฟที่ถูกสร้างขึ้นโดยเชลยศึก และเป็นสัญลักษณ์ของการเสียสละที่เกิดขึ้นในช่วงสงคราม
พิพิธภัณฑ์นี้เป็นสถานที่ที่ช่วยให้เราเข้าใจถึงความโหดร้ายของสงครามและการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดของเชลยศึก
ข้อมูลเพิ่มเติม
- ที่ตั้ง: ถนนไชยชุมพล ตำบลบ้านใต้ อำเภอเมืองกาญจนบุรี
- เวลาเปิดให้เข้าชม: 08.00 – 18.00 น.
เบอร์โทรติดต่อ
- วัดไชยชุมพลชนะสงคราม: 034-511-500
- พิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเชลยศึก: 034-512-500
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กาญจนบุรี: 0-3451-1200, 0-3451-2800
แนะนำเพิ่มเติม
- ควรมาเที่ยวช่วงเย็นเพราะอากาศค่อนข้างร้อน
- ถ่ายรูปได้ แต่ควรให้เกียรติสถานที่
- ห้ามจับต้องสิ่งของจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์
วัดใต้และพิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเชลยศึก เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ ทำบุญและเรียนรู้ประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ไปพร้อมกัน บรรยากาศของวัดให้ความรู้สึกสงบ ขณะที่พิพิธภัณฑ์ช่วยให้เราเข้าใจถึงอดีตที่สำคัญของประเทศไทยและโลก
หากใครมีโอกาสมาเที่ยวกาญจนบุรี ขอแนะนำวัดใต้และพิพิธภัณฑ์สงครามอักษะเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาด
ปราสาทเมืองสิงห์
บรรยากาศ ณ อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ ถึงแม้อากาศจะอบอ้าวแต่ได้สัมผัสถึงความงดงามของร่องรอยศิลปะที่ยังคงเหลือไว้ให้ได้ชม
สำรวจอารยธรรมเขมรแห่งเดียวในกาญจนบุรีปราสาทเมืองสิงห์ หรือ อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ เป็นโบราณสถานสำคัญที่สะท้อนถึงอิทธิพลของศิลปะเขมรในภาคตะวันตกของไทย ซึ่งพบได้ไม่บ่อยนัก โบราณสถานแห่งนี้เป็นศาสนสถานในพุทธศาสนานิกายมหายาน สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรเขมร
ไฮไลท์ของปราสาทเมืองสิงห์
- ระบบนำชมอัจฉริยะ: นักท่องเที่ยวสามารถสแกน QR Code ในแต่ละจุดเพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับโบราณสถานได้ในหลายภาษา
- พิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม: มีการจัดแสดงวัตถุโบราณที่ขุดค้นพบ เช่น เครื่องมือเครื่องใช้โบราณ ชิ้นส่วนสถาปัตยกรรม และศิลปวัตถุเขมร
- โบราณสถานหมายเลข 1: เป็นปราสาทประธาน มีพระพุทธรูปนาคปรก พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และนางปรัชญาปารมิตา ที่งดงามและทรงคุณค่า
- หลุมขุดค้นโบราณคดี: ค้นพบโครงกระดูกหญิง 2 คน พร้อมเครื่องประดับและเครื่องใช้โบราณ แสดงให้เห็นว่าที่นี่เคยเป็นชุมชนสำคัญก่อนประวัติศาสตร์
บรรยากาศโดยรอบ
พื้นที่โบราณสถานตั้งอยู่ริมแม่น้ำแควน้อย ล้อมรอบด้วยภูเขา ทำให้มีทิวทัศน์ที่สวยงามและเงียบสงบ เหมาะแก่การเดินชมและถ่ายภาพ
หลุมขุดค้นที่พบโครงกระดูกมนุษย์ ซึ่งอยู่ห่างจากโบราณสถานหมายเลข 1 พอสมควร
ปราสาทเมืองสิงห์เป็นศาสนสถานในศิลปะแบบบายน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากเขมร โดยสร้างขึ้นในยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่อเป็นศูนย์กลางทางศาสนาและการปกครองของชุมชนในแถบนี้
ลักษณะทางสถาปัตยกรรม
- ผังเมืองสี่เหลี่ยมผืนผ้า: มีคูเมือง คันดิน และกำแพงศิลาแลงล้อมรอบ
โบราณสถานหลัก:
- หมายเลข 1: ปราสาทประธาน มีปรางค์ ระเบียงคด และกำแพงแก้ว
- หมายเลข 2: ลักษณะคล้ายหมายเลข 1 แต่พังลงมามาก และเคยเป็นที่ขุดพบเทวรูป
- หมายเลข 3: โบราณสถานนอกกำแพงแก้ว คาดว่าเคยเป็นฐานเจดีย์
- หมายเลข 4: อาคารศิลาแลง กำลังอยู่ระหว่างบูรณะ
จากการขุดค้นของกรมศิลปากร พบหลักฐานที่เชื่อมโยงกับการค้าระหว่างอินเดียและสุวรรณภูมิ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเมืองสิงห์ในฐานะศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมในอดีต
ข้อมูลเพิ่มเติม
- ที่อยู่: ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
- เวลาเปิดให้เข้าชม: 07.30 – 16.30 น.
ค่าเข้าชม:
- คนไทย 20 บาท
- ชาวต่างชาติ 100 บาท
- โทร: 0-3452-8456-7, 0-3467-0264-5
หากคุณชื่นชอบประวัติศาสตร์และโบราณคดี ปราสาทเมืองสิงห์คือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนกาญจนบุรี
เขาแหลมสกายวอล์ค กาญจนบุรี
รีวิวประสบการณ์เที่ยวเขาแหลมสกายวอล์คหลังจากไหว้พระและเที่ยวพิพิธภัณฑ์เสร็จ เราเดินทางต่อไปยัง “เขาแหลมสกายวอล์ค” แลนด์มาร์กใหม่ของกาญจนบุรี
บรรยากาศรอบ ๆ สกายวอล์ค
เราไปถึงประมาณ 11:30 น. สิ่งแรกที่เจอคือ ร้านอาหารและของกินมากมาย ทั้งของคาว ของหวาน เราแวะกิน ก๋วยเตี๋ยวเรือโก๊ศักดิ์ อิ่มอร่อยในราคา 95 บาท ก่อนเดินทางขึ้นไปชมวิว
การขึ้นสกายวอล์ค
ชำระค่าตั๋ว 60 บาท หลังจากซื้อตั๋วแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้ ที่คลุมรองเท้า เพื่อป้องกันพื้นกระจกเป็นรอย และพาเราขึ้น ลิฟต์ไปชั้น 4 ซึ่งเป็นจุดชมวิวหลัก เมื่อออกจากลิฟต์ สิ่งที่เห็นคือ วิวพาโนรามาของแม่น้ำแคว ที่ไหลทอดยาวออกไป พร้อมด้วยสถานที่สำคัญมากมาย เช่น
- ชุมชนริมน้ำ ที่สะท้อนวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น
- วัดถ้ำเขาแหลม ที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางธรรมชาติ
- สะพานพระสังฆราช สะพานสวยที่เชื่อมเส้นทางสำคัญของเมือง
- หอพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวรฯ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัด
ช่วงเวลาที่แนะนำ
- กลางวัน (11:00 - 14:00 น.) – นักท่องเที่ยวน้อย แสงสวย มองเห็นวิวได้ชัดเจน
- เย็น (16:30 - 17:00 น.) – ได้บรรยากาศพระอาทิตย์ตกดิน และแสงแดดอ่อน ๆ สวยงาม
เปิดประสบการณ์สัมผัสความเสียวอย่างคุ้มค่าราคา 60 บาทมาก ๆ เพราะวิวหลักล้านจริง ๆ
Skywalk กาญจนบุรี ตั้งอยู่ริม แม่น้ำแควใหญ่ ใกล้กับ ศาลหลักเมืองกาญจนบุรี เดิมบริเวณนี้เคยเป็น จุดลงเรือชมแม่น้ำสองสี แต่ปัจจุบันได้รับการพัฒนาเป็นจุดชมวิวบนสะพานกระจกที่ยาวถึง 150 เมตร และสูง 12 เมตร จากพื้นถนน
จุดเด่นของ Skywalk กาญจนบุรี
- พื้นกระจกใส แข็งแรง ทนทาน ให้ความรู้สึกเหมือนเดินลอยฟ้าเหนือแม่น้ำ
- วิว 3 แม่น้ำบรรจบกัน – จุดชมวิวแห่งนี้สามารถมองเห็น แม่น้ำแควใหญ่, แม่น้ำแควน้อย, และ แม่น้ำแม่กลอง มาบรรจบกันเป็นจุดเดียว
ข้อมูลเพิ่มเติม
- ที่ตั้ง: 24/16 ถนนสองแคว ตำบลบ้านใต้ อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
- เวลาเปิด-ปิด: 09:00 - 17:00 น. (ทุกวัน)
- ค่าตั๋วเข้าชม: 60 บาท สำหรับค่ารองเท้าเมื่อใช้เสร็จสามารถนำกลับได้
- ที่จอดรถ: อยู่ตรงข้ามกับสกายวอล์ค
เบอร์โทรติดต่อ:
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กาญจนบุรี 0-3451-1200, 0-3451-2800
แนะนำ
- มาเที่ยวช่วงเช้าหรือเย็นเพื่อเลี่ยงอากาศร้อน
- พกแว่นกันแดดและหมวก
- ใส่รองเท้าสบาย ๆ เพราะต้องเดินเยอะ
ค่าตั๋ว 60 บาท ถือว่าคุ้มค่ามาก! ใครมาเที่ยวกาญจนบุรีต้องแวะให้ได้!
เขาแหลมสกายวอล์ค เป็นจุดชมวิวที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนกาญจนบุรี ด้วยวิว พาโนรามาของแม่น้ำแควและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ รวมถึงพื้นกระจกใสที่ให้ความรู้สึกหวาดเสียวและตื่นเต้น
และนี่ก็เป็นจุดเช็คอินที่เรามาป้ายยาให้ทุกท่านที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวที่กาญจนบุรี ที่หากมีโอกาสควรไปสักครั้ง เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและยังเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในเราได้เรียนรู้และศึกษาอีกด้วย
โฆษณา