13 มี.ค. เวลา 04:34 • ไลฟ์สไตล์

เปลี่ยน LTF เป็น Thai ESGX สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่คุณควรรู้

เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทย(SET index) ลดต่ำลงอย่างมาก ประกอบกับแรงเทขาย LTF เกิมที่ครบกำหนดแล้วคอยกดดันไม่ให้ดัชนีปรับตัวสูงขึ้น ทางคณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 อนุมัติการจัดตั้งกองทุน Thai ESG Extra โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นตลาดหุ้นไทยและส่งเสริมการลงทุนที่ยั่งยืน
ซึ่งกองทุนที่จัดตั้งใหม่นี้จะลงทุนในหุ้นที่เน้นความยั่งยืนใน SET และ ESG Bond โดยให้สิทธิลดหย่อนภาษี ซึ่งจะไม่นำไปรวมกับ RMF และ ThaiESG เดิม โดยแบ่งเป็น
  • ​วงเงินลดหย่อนส่วนที่ 1 สำหรับเงินใหม่
ในวงเงินลดหย่อนสูงสุด 30ของเงินได้ และไม่เกิน 300,000 บาท โดยมีระยะเวลาถือครอง 5 ปี
  • ​วงเงินลดหย่อนส่วนที่ 2 สำหรับเงิน LTF เดิม
ผู้ถือ LTF เดิม จะต้องเปลี่ยนหน่วยลงทุนทั้งหมดที่มีเป็น ThaiESGX จึงจะได้สิทธิลดหย่อนภาษี ปี 2568 เพิ่มอีกจำนวน 300,000 บาท และ ปี 2569-2572 อีกปีล่ะ 50,000บาท
โดยมีระยะเวลาถือครอง 5ปีเช่นกัน
ดังนั้น จากเงื่อนไขดังกล่าว กองทุน ThaiESGX จึงเหมาะกับ
  • 1.
    ​ผู้มีอายุน้อยกว่า 50 ปี หากอายุมากกว่า 50 ปี หรือสามารถลงทุนในระยะยาวได้ ไม่ต้องการขายกองทุนเพื่อเงินสดมาหมุนเวียน การเลือกซื้อ RMF อาจมีความเหมาะสมมากกว่าในแง่สินทรัพย์ลงทุนที่หลากหลายกว่า
  • 2.
    ​ผู้ต้องการสิทธิลดหย่อนภาษีส่วนเกินจาก RMF หรือ ThaiESG เดิม
  • 3.
    ​ผู้ถือครอง LTF ที่หมดอายุ โดยพิจารณาจาก
  • ​หากถือครอง LFT ไม่เกิน 500,000บาท ( ราคาปัจจุบัน) ควรสับเปลี่ยนทั้งหมดเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี
  • ​หากถือครอง LTF มากกว่า 500,000บาท อาจเลือกขายบางส่วน เพื่อมาซื้อ ThaiESGX ในวงเงิน 300,000 บาทพอ เพื่อให้เงินLTFที่เหลือไม่ต้องติดกำหนดถือครอง 5 ปี
เหล่านี้เป็นข้อมูลที่ผู้ถือ LTF ควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจเพื่อใช้วงเงิน LTF เดิมให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดย ThaiEGSX จะเริ่มขายในวันที่ 1 พค. ถึง 30 มิ.ย. 68 เป็นเวลา 2 เดือนเท่านั้น
โฆษณา