14 มี.ค. เวลา 07:07 • ดนตรี เพลง

Spectrum: หมุดหมายสำคัญของ Jazz Fusion กับการปฏิวัติซาวด์และอัจฉริยภาพทางจังหวะของ Billy Cobham

หากพูดถึงอัลบั้มที่เป็นรากฐานของดนตรีแจ๊สฟิวชันอย่างแท้จริง "Spectrum" ของ Billy Cobham ที่ออกมาในปี 1973 ย่อมเป็นหนึ่งในหมุดหมายที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของแนวเพลงนี้ มันไม่เพียงแต่เป็นการเปิดตัวในฐานะศิลปินเดี่ยวของมือกลองที่เปี่ยมไปด้วยพลังหลังจากสร้างชื่อเสียงร่วมกับ Mahavishnu Orchestra แต่ยังเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าดนตรีฟิวชันสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดของแนวเพลงที่เคยมีมาได้อย่างไร
Cobham ไม่ได้เพียงแค่ผสมผสานแจ๊สและร็อกเข้าด้วยกันตามสูตรสำเร็จของยุค 70s เท่านั้น แต่เขาสร้างสรรค์เสียงที่มีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยพลัง และเปี่ยมด้วยไดนามิกที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงของอัลบั้ม ทำให้ "Spectrum" กลายเป็นหมุดหมายสำคัญที่นักดนตรีแจ๊สและร็อกต่างนำมาเป็นแรงบันดาลใจมาจนถึงปัจจุบัน
หนึ่งในองค์ประกอบที่ทำให้อัลบั้มนี้ยืนหยัดเหนือกาลเวลาคือความสามารถของ Cobham ในการสร้างสมดุลระหว่างความซับซ้อนทางเทคนิคกับอารมณ์ของดนตรี ดนตรีของเขาไม่ใช่เพียงแค่สนามโชว์ทักษะอันเหลือเชื่อของมือกลอง แต่เป็นการออกแบบเสียงที่มีความหลากหลายและความลึกซึ้งอย่างไม่ธรรมดา
ทุกเสียงกลองที่ถูกบรรเลงในอัลบั้มนี้ให้ความรู้สึกที่ไม่เพียงแต่เป็นจังหวะที่สนับสนุนเครื่องดนตรีอื่น ๆ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบหลักของดนตรีที่ขับเคลื่อนอารมณ์ไปข้างหน้า Cobham ใช้กลองเบสคู่ (Double Bass Drums) ได้อย่างชาญฉลาด ไม่ใช่เพื่อความเร็วหรือความรุนแรงเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อสร้างมิติใหม่ให้กับจังหวะและไดนามิกของเพลง ซึ่งเป็นสิ่งที่มือกลองฟิวชันรุ่นหลังหลายคนยึดถือเป็นแนวทาง
แต่ "Spectrum" ไม่ได้เป็นแค่โชว์ของ Cobham เพียงคนเดียว เขารวบรวมนักดนตรีระดับอัจฉริยะจากหลายสายมาเสริมทัพ โดยเฉพาะ Jan Hammer ที่นำเสียงคีย์บอร์ดที่มีเอกลักษณ์เข้ามาเพิ่มสีสันให้กับซาวด์ของอัลบั้ม ทำให้มันแตกต่างจากงานฟิวชันทั่วไป Hammer ไม่ได้เป็นเพียงนักคีย์บอร์ดที่ดี แต่เขายังเป็นนักดนตรีที่เข้าใจถึงแก่นของการทำให้ดนตรีลื่นไหลและซับซ้อนในเวลาเดียวกัน
เช่นเดียวกับ Tommy Bolin มือกีตาร์ผู้มีสไตล์การเล่นที่ร้อนแรงแต่เปี่ยมไปด้วยรายละเอียดและความละเอียดอ่อน โดยเฉพาะในเพลง "Quadrant 4" และ "Spectrum" ที่เสียงกีตาร์ของเขาเปรียบเสมือนพายุแห่งพลังงานที่ซัดกระหน่ำตลอดทั้งสองบทเพลงนี้
Lee Sklar มือเบสไฟฟ้าชื่อดัง ก็มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างโครงสร้างของซาวด์ที่แข็งแรง เขาไม่ได้เพียงแค่ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำกับจังหวะเท่านั้น แต่ยังเติมความมีชีวิตชีวาและความลื่นไหลให้กับเพลง ทำให้ไลน์เบสของ "Spectrum" มีเอกลักษณ์และสามารถสร้างอิทธิพลต่อแนวดนตรีฟังก์และร็อกในยุคต่อมา
นอกจากนี้ ยังมี Ron Carter มือเบสแจ๊สผู้เป็นตำนาน, Joe Farrell (ฟลูตและโซปราโนแซกโซโฟน), Ray Barretto (คองก้า), Jimmy Owens (ทรัมเป็ต) และ John Tropea (กีตาร์) ที่ร่วมกันสร้างสรรค์ความหลากหลายของเสียงที่ช่วยเพิ่มมิติให้กับอัลบั้มนี้ได้อย่างน่าทึ่ง เมื่อเรามองไปที่โครงสร้างของอัลบั้ม จะเห็นได้ว่า "Spectrum" เต็มไปด้วยเพลงที่มีคาแรกเตอร์แตกต่างกันไป แต่ยังคงอยู่ภายใต้แนวคิดเดียวกัน
อัลบั้มเปิดฉากขึ้นด้วย "Quadrant 4" ซึ่งเปรียบเสมือนการจุดชนวนพายุแห่งพลังงานที่ถาโถมเข้าใส่ผู้ฟังตั้งแต่วินาทีแรก นี่คือเพลงที่รวมเอาความดิบเถื่อนของร็อกและความซับซ้อนของแจ๊สเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เสียงกลองของ Cobham ระเบิดออกมาด้วยความดุดัน และกีตาร์ของ Tommy Bolin ก็เสริมพลังให้เพลงนี้กลายเป็นการแสดงพลังงานที่ไร้การควบคุม แต่เต็มไปด้วยศิลปะของการบรรเลงดนตรี นี่คือบทพิสูจน์ว่าฟิวชันสามารถเป็นได้ทั้งความเร่าร้อนและความลื่นไหลในเวลาเดียวกัน
ต่อจากนั้น "Spectrum" ซึ่งเป็นเพลงไตเติลของอัลบั้ม นำเสนอบรรยากาศที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง จากความดุเดือดของแทร็กแรก สู่เสียงที่มีความลึกซึ้งและเต็มไปด้วยองค์ประกอบของแจ๊สที่เด่นชัดขึ้น Cobham ใช้จังหวะที่คมชัดและมีไดนามิกสูง ร่วมกับเสียงเครื่องเป่าที่ช่วยเติมเต็มมิติของดนตรี และทำให้ผู้ฟังรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางผ่านอาณาเขตที่ไร้ขอบเขตของเสียงเพลง
เสียงคีย์บอร์ดของ Jan Hammer นำพาความรู้สึกที่กว้างขวางเข้ามาเสริม ทำให้เพลงนี้มีกลิ่นอายที่ชวนให้นึกถึง Mahavishnu Orchestra แต่ยังคงเอกลักษณ์ของตัวเองไว้อย่างเต็มที่
หนึ่งในเพลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากอัลบั้มนี้คือ "Stratus" ซึ่งเป็นแทร็กที่ได้รับการรีมิกซ์และนำไปใช้ในงานดนตรีอื่น ๆ มากที่สุด ด้วยไลน์เบสที่แข็งแกร่งและเต็มไปด้วยเสน่ห์ของ Lee Sklar มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากเพลงอื่น ๆ ในอัลบั้ม โครงสร้างเพลงที่ค่อย ๆ พัฒนาจากพื้นฐานที่เรียบง่ายไปสู่การระเบิดของซาวด์ที่เต็มไปด้วยพลัง ทำให้มันเป็นเพลงที่เข้าถึงง่ายที่สุดของอัลบั้มนี้ และกลายเป็นเพลงที่เปิดประตูให้ผู้ฟังที่ไม่ได้อยู่ในโลกของแจ๊สฟิวชันได้เข้ามาสัมผัสแนวเพลงนี้ได้ง่ายขึ้น
ในขณะที่ "Red Baron" นำเสนออารมณ์ที่แตกต่างออกไป ด้วยโครงสร้างที่ได้รับอิทธิพลจากฟังก์และแจ๊สแบบดั้งเดิมมากกว่า แต่ยังคงแฝงไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และพลังของฟิวชัน ไลน์เบสของเพลงนี้มีความลื่นไหลและเต็มไปด้วยจังหวะที่ชวนให้ขยับตาม ขณะที่เสียงคีย์บอร์ดและเครื่องเป่าช่วยยกระดับให้เพลงมีความลึกและความซับซ้อนที่น่าหลงใหลมากขึ้น
อีกหนึ่งเพลงที่แสดงให้เห็นถึงทักษะอันยอดเยี่ยมของ Cobham คือ "Taurian Matador" ซึ่งเต็มไปด้วยพลังของจังหวะที่ซับซ้อนและการเปลี่ยนแปลงไดนามิกอย่างต่อเนื่อง มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นภาคต่อของแนวทางดนตรีของ Mahavishnu Orchestra แต่ Cobham ได้เพิ่มมิติที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเข้าไป ทำให้เพลงนี้กลายเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงความสามารถในการเรียบเรียงดนตรีที่ไม่ธรรมดาของเขา
Mahavishnu Orchestra
ท่ามกลางพายุของพลังงานที่อัดแน่นอยู่ในอัลบั้มนี้ "To the Women in My Life" กลับนำเสนอความสงบและอ่อนโยนที่แตกต่างออกไป มันเป็นเพลงเปียโนบรรเลงที่เต็มไปด้วยความรู้สึก เป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผู้ฟังได้หยุดพักและสัมผัสกับความงามของดนตรีในแบบที่แตกต่างออกไป ก่อนที่อัลบั้มจะนำพากลับไปสู่พลังงานที่สูงขึ้นอีกครั้ง
ปิดท้ายด้วย "Le Lis" ซึ่งเป็นเพลงที่มีจังหวะที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับดนตรีละตินและฟังก์ มันเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า Cobham ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่ในขอบเขตของแจ๊สฟิวชันเท่านั้น แต่เขายังสามารถดึงเอาองค์ประกอบจากแนวดนตรีอื่น ๆ มาผสมผสานได้อย่างลงตัว เสียงเพอร์คัชชันที่อบอุ่นและการเรียบเรียงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาทำให้เพลงนี้เป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่สวยงามของอัลบั้ม
สิ่งที่ทำให้ "Spectrum" แตกต่างจากอัลบั้มฟิวชันอื่น ๆ ไม่ใช่แค่ความสามารถของ Cobham ในการตีกลอง แต่เป็นวิสัยทัศน์ของเขาในการสร้างสรรค์เสียงที่ไร้ขีดจำกัด และการเลือกนักดนตรีที่สามารถช่วยทำให้วิสัยทัศน์นั้นกลายเป็นความจริง อัลบั้มนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแสดงพลังทางเทคนิค แต่มันเป็นงานศิลปะที่มีความซับซ้อนและเต็มไปด้วยมิติที่สามารถดึงดูดผู้ฟังได้ในทุกระดับ
ความสำคัญของอัลบั้มนี้จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในช่วงเวลาที่มันถูกปล่อยออกมาในปี 1973 แต่มันยังส่งอิทธิพลต่อวงการดนตรีมาจนถึงปัจจุบัน ดนตรีของ Cobham เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักดนตรีรุ่นหลังมากมาย โดยเฉพาะในกลุ่มมือกลองที่ต่างยกให้เขาเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกแนวคิดใหม่ของการใช้กลองในดนตรีฟิวชัน และยังเป็นตัวอย่างของการที่ดนตรีฟิวชันสามารถพัฒนาไปไกลกว่าการเป็นเพียงการผสมผสานของสองแนวเพลง แต่เป็นการสร้างแนวดนตรีใหม่ที่เต็มไปด้วยพลังและอิสระในการแสดงออก
ในท้ายที่สุด "Spectrum" ไม่ได้เป็นเพียงแค่อัลบั้มเปิดตัวของ Billy Cobham แต่มันเป็นงานที่เปลี่ยนโฉมหน้าของดนตรีแจ๊สฟิวชันไปตลอดกาล และยังคงเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ดีที่สุดที่เคยมีมาในแนวนี้ หากคุณเป็นนักดนตรีที่กำลังมองหาแรงบันดาลใจ หรือนักฟังที่อยากเข้าใจถึงแก่นแท้ของฟิวชัน "Spectrum" คืออัลบั้มที่คุณต้องฟังสักครั้งในชีวิต มันคือบทพิสูจน์ของดนตรีที่ไร้พรมแดน และเป็นเสียงสะท้อนของยุคสมัยที่กล้าออกนอกกรอบเพื่อค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่มีขีดจำกัด
Cr. Allmusic
---
โฆษณา