อัตราส่วนทางการเงินของหุ้นปันผล ที่นักลงทุนควรรู้ !!
หลายคนที่ต้องการสร้าง Passive Income หรือสร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว มักจะมองหาหุ้นปันผลไว้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่การหาหุ้นที่ปันผลอย่างสม่ำเสมอในอัตราที่เติบโตสักตัวก็เป็นเรื่องยากสำหรับนักลงทุนมือใหม่เช่นกัน
โดยส่วนใหญ่การหาหุ้นปันผลที่ดีจะไม่ได้ดูแค่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงเพียงอย่างเดียว แต่ควรจะพิจารณาควบคู่กับปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น ปัจจัยพื้นฐานดี งบการเงินแข็งแกร่ง เป็นต้น บางคนก็ใช้อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญประกอบการคัดเลือกหุ้นด้วย อย่างเช่น ค่า ROA, ROE, P/E, D/E, Net Profit
นอกจากอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญเหล่านั้นแล้ว ยังมีอัตราส่วนทางการเงินอีก 2 ตัวที่สามารถใช้วิเคราะห์หุ้นปันผลได้โดยเฉพาะ คือ Dividend Payout Ratio และ Dividend Yield
1. Dividend Yield หรืออัตราผลตอบแทนเงินปันผล
เป็นอัตราส่วนที่บอกว่า จะได้ผลตอบแทนในรูปปันผลมากน้อยแค่ไหนจากราคาหุ้น ซึ่งหุ้นปันผลที่ดีควรจะมีค่าสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของตลาด
สูตรคำนวณ
อัตราผลตอบแทนเงินปันผล (%) = (เงินปันผลต่อหุ้น ÷ ราคาหุ้น) x 100
เช่น
ราคาหุ้น 100 บาท ได้เงินปันผล 4.5 บาทต่อหุ้น
ดังนั้น อัตราผลตอบแทนเงินปันผล = (4.5 ÷ 100) x 100 = 4.5%
2. Dividend Payout Ratio หรืออัตราส่วนการจ่ายปันผล
เป็นอัตราส่วนที่บอกว่า บริษัทเอากำไรที่ทำได้มาจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นมากน้อยแค่ไหน ซึ่งค่านี้บ่งบอกถึงความตั้งใจในการจ่ายเงินปันผลของบริษัท ยิ่งค่านี้สูงแสดงว่าบริษัทมีการจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นมาก
สูตรคำนวณ
อัตราส่วนการจ่ายปันผล (%) = (เงินปันผลต่อหุ้น ÷ กำไรสุทธิต่อหุ้น) x 100
เช่น
กำไรสุทธิต่อหุ้น 10 บาท จ่ายเงินปันผล 3.5 บาท
ดังนั้น อัตราส่วนการจ่ายปันผล = (3.5 ÷ 10) x 100 = 35%
แปลว่า บริษัทนำ 35% ของกำไรสุทธิมาจ่ายเป็นเงินปันผลนั่นเอง
ทั้งนี้ ใครที่สนใจหุ้นปันผล อยากมีหุ้นในพอร์ตที่สามารถสร้างกระแสเงินสดให้สม่ำเสมอในระยะยาว อย่าเลือกเพียงเพราะหุ้นตัวนั้นจ่ายปันผลสูงๆ ในปีที่แล้ว เพราะในบางครั้งอาจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่เป็นเหตุให้จ่ายเงินปันผลสูงเพียงแค่ปีเดียว
ดังนั้นควรเลือกหุ้นที่มีประวัติการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแรงรองรับ เช่น บริษัทมีโอกาสเติบโต มีกำไรสุทธิโตสม่ำเสมอ เป็นต้น
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
