15 มี.ค. เวลา 12:59 • การเมือง
ซีแอตเทิล

🔥 เมื่ออเมริกากลายเป็น “ตัวร้าย” โลกกำลังแตกขั้วใหม่ เกมใหญ่จีน-อเมริกากำลังเปิดฉาก!

อเมริกาเคยเป็นเจ้าภาพใหญ่ของโลก ผู้ชูธงประชาธิปไตยและสร้างเครือข่ายพันธมิตรไว้แน่นหนา ทว่าไม่กี่ปีมานี้ เหมือนมีคลื่นยักษ์เขย่าเวทีระหว่างประเทศ มิตรใกล้ไกลหันหลัง และภาพลักษณ์ “เพื่อนแท้” ของอเมริกาดูจะพังทลาย ชนิดที่ว่าเอากาวแปะไว้ก็อาจไม่ไหวแล้ว
ใครจะไปคิดว่าวันนึง ประเทศในยุโรปจะพร้อมใจกันพูดว่า “อเมริกาน่ะหรือ ก็ไม่ต่างอะไรกับพี่เบิ้มจอมแหกคอก” แรกๆ ก็ช็อก ตามด้วยงง สุดท้ายเปลี่ยนเป็นความรังเกียจขั้นสุด เหมือนสูญสิ้นความเชื่อใจที่เคยปลูกสร้างมากว่าทศวรรษ หลายคนเปรียบเทียบว่า สำหรับยุโรปแล้ว นี่คือ “9/11” ในเวอร์ชันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อเมริกากลายเป็น “ภัยคุกคาม” และยุโรปต้องหันมาพัฒนาศักยภาพตนเองอย่างจริงจัง
กระแส “ไม่ปกติ” แผ่กระจาย จีนก็เดินเกมแปลก สะสมทองคำเกินรอบ แหกสูตรที่เคยซื้อเป็นระบบทุกๆ 3 ปี พอมาคราวนี้ ผ่านรอบเก่าไปแค่ครึ่งปี ก็โผล่มาจัดอีกชุดใหญ่ จนคนอดถามไม่ได้ จีนกำลังทำอะไรกันแน่ หรือว่าในฉากหลังมันมีอะไรสั่นสะเทือนมากกว่าที่ตาเห็น ขณะเดียวกัน ฟากอเมริกาเองก็เตรียมเช็กทองคำสำรองใน Fort Knox แบบครั้งใหญ่รอบแรกตั้งแต่ปี 1953 แถมว่าอาจจะ “ตีมูลค่า” ใหม่ด้วย ใครๆ ก็อดคิดไม่ได้ว่ามหากาพย์ทองนี้ อาจเป็นแค่จิ๊กซอว์เล็กๆ ของมหาศึกทางเศรษฐกิจที่กำลังจะปะทุ 🏆💥
หันกลับมาดูขั้วอำนาจเดิม อย่าง NATO หลายฝ่ายร่ำลือว่าองค์กรนี้อาจถึงคราวอวสาน เพราะหลังจากประธานาธิบดีคนก่อนหน้าของอเมริกา (ที่ทั้งช็อกและปั่นป่วนไปพร้อมกัน) ทำท่าทำทางเหยียบพันธมิตรอยู่หลายปี จนบรรดาประเทศในยุโรปเริ่มรู้สึกว่าต้องยืนได้ด้วยสองเท้าของตัวเอง การพยายามรักษาสันติภาพแบบหลังสงครามโลกครั้งที่สองก็ดูเหมือนเลื่อนลอยสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มองว่ามันเหมือนเล่านิทานยุคโบราณไปเสียแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น “ตะวันตก” ในฐานะคอนเซ็ปต์ที่ผูกความเป็นอเมริกาเข้ากับยุโรป ก็เหมือนจะถูกตัดขาด ทรัมป์เคยเบนสายตาไปซบผู้นำผู้แข็งกร้าวบางราย แล้วตั้งป้อมใส่พันธมิตรที่เคยเป็นเสาหลักด้านการปกครองแบบเสรี อารมณ์เหมือนเปลี่ยนทีมกลางรายการ คนดูงงเป็นไก่ตาแตก 🐣
ยุโรปเองเลยต้องกลายเป็น “พระเอกเดินเดี่ยว” ที่อาจพลิกฟื้นอำนาจตน น่าสนใจว่าเยอรมนีเริ่มลงทุนด้านการทหาร ฝรั่งเศสมีข้าราชการผู้มากฝีมือ และอังกฤษก็ขึ้นชื่อว่าฮึดสู้ทุกครั้งเมื่อโดนบีบคั้น หลายๆ คนมองว่าถ้ามีของดีอยู่ในมือ โอกาสที่ยุโรปจะรวมพลังสร้างความยิ่งใหญ่ของตัวเองก็ยังพอมี
ยังไม่พอ ยังมีประเด็นเรื่องนิวเคลียร์ที่อาจผุดโผล่ในประเทศที่เราคาดไม่ถึง ตั้งแต่โปแลนด์ ไปจนถึงญี่ปุ่น เพราะเมื่ออเมริกาไม่ยอมเป็น “ร่ม” เหมือนเดิม ใครๆ ก็หันมาคิดเรื่อง “การป้องกัน” ตัวเองมากขึ้น สถานการณ์โลกเลยอาจกลายเป็นสนามให้สองยักษ์ใหญ่ จีนกับอเมริกา ซุ่มประลองกำลังดึงพันธมิตร แต่ถ้าทั้งคู่ดันกลายเป็น “สองยักษ์คลั่ง” ประเทศอื่นๆ ก็ต้องหันมาถ่วงดุลด้วยการเล่นละครสองหน้า
อย่างไรก็ดี เราเคยเห็นวงล้อประวัติศาสตร์ที่หมุนไปมาหลายรอบ อเมริกาเองขึ้นๆ ลงๆ ระหว่าง “นโยบายโดดเดี่ยว” กับ “นโยบายแทรกแซง” บางจังหวะก็อินสุดๆ กับแนวคิดเสรีประชาธิปไตย แล้วจู่ๆ ก็กลับหลังหันเป็นปากเสียงแนวชาตินิยมสุดขั้ว สุดท้ายเมื่อความวุ่นวายมาแตะจุดเดือด ก็มักจะมี “คลื่นตีกลับ” ก่อให้เกิดพลังสร้างสรรค์ครั้งใหม่อยู่เสมอ
ดังนั้น จุดที่น่าจับตาคือ เส้นเลือดหล่อเลี้ยงอเมริกามาตลอดแท้จริงคือ “ความสัมพันธ์” ไม่ใช่การบีบบังคับ ทรัมป์อาจจะคว้าบางชัยชนะมาได้ด้วยการขู่เข็ญ แต่สัมพันธ์ใจคนก็แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ราวกับเป็นแก้วที่ตกจากตึกสูง เมื่อถึงวันที่อเมริกาจะฟื้นใหญ่ สายไปไหมที่เพื่อนร่วมวงจะยังเหลียวมาเชื่อใจ หรือสุดท้ายแล้ว เครือข่ายเดิมจะกระจุย จีนเป็นใคร อเมริกาเป็นใคร เราทั้งหลายกำลังจะเห็นฉากยักษ์ใหญ่พิสดารกว่าที่เคย ระวังตัวกันไว้หน่อยก็ดี เพราะดีกรีความระอุกำลังพุ่งสูงเหมือนอุณหภูมิในเตาเผาเหล็กก็ไม่ปาน 🔥✨
งานนี้จะจบลงอย่างไร ไม่มีใครรู้ ทุกฝ่ายเหมือนกำลังรอตีฆ้องปลุกมังกรตนเอง จีนซื้อทองไม่หยุด อเมริกาเช็กทองครั้งมโหฬาร ทำเอาหลายคนเริ่มเห็นเค้าลางของ “สงครามค่าเงิน” หรือโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ที่กำลังผลิบาน ติดตามใกล้ชิดกันเถอะ เพราะหากเกมหมากรุกโลกกระดานนี้ถูกพลิกตาเดียว ทุกคนอาจต้องปรับตัวครั้งใหญ่ ชนิดที่ไม่มีคำว่า “ปกติ” ในพจนานุกรมอีกต่อไปเลยก็เป็นได้ ⏰⚡️
โฆษณา