15 มี.ค. เวลา 14:57 • การศึกษา
IT Why

ทำไมโค้ดถึงมีความเร็วที่ต่างกัน

โดย
ภาษาโค้ดแต่ละภาษามีความเร็วในการทำงานไม่เท่ากัน ซึ่งมีผลต่อการทำงานอย่างมาก การเลือกใช้ภาษาที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ
2
  • ​ปัจจัยที่มีผลต่อความเร็วของโค้ด
☆ ระดับของภาษา
○ ภาษาโปรแกรมระดับต่ำ (เช่น C, C++) จะทำงานได้เร็วกว่า เนื่องจากใกล้ชิดกับฮาร์ดแวร์มากกว่า
○ ภาษาโปรแกรมระดับสูง (เช่น Python, JavaScript) จะทำงานได้ช้ากว่า เนื่องจากต้องผ่านการแปล หรือ ตีความก่อน
☆ การคอมไพล์ หรือ ตีความ
○ ภาษาคอมไพล์ (เช่น C++, Java) จะถูกแปลเป็นโค้ดเครื่องก่อนการทำงาน ทำให้ทำงานได้เร็วกว่า
○ ภาษาตีความ (เช่น Python, JavaScript) จะถูกแปลทีละบรรทัดขณะทำงาน ทำให้ทำงานได้ช้ากว่า
☆ การจัดการหน่วยความจำ
○ ภาษาที่จัดการหน่วยความจำด้วยตนเอง (เช่น C++) จะให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า แต่ต้องระมัดระวังเรื่องข้อผิดพลาด
○ ภาษาที่มีการจัดการหน่วยความจำอัตโนมัติ (เช่น Python, Java) จะสะดวกกว่า แต่มีค่าใช้จ่ายด้านประสิทธิภาพ
☆ ไลบรารี และ เฟรมเวิร์ก
1
○ ไลบรารี และ เฟรมเวิร์กที่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างดี จะช่วยให้โค้ดทำงานได้เร็วขึ้น
  • ​ผลกระทบต่อการทำงาน
○ ประสิทธิภาพ
ภาษาที่เร็วกว่าเหมาะสำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น การพัฒนาเกม, ระบบปฏิบัติการ หรือ การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่
○ ความเร็วในการพัฒนา
ภาษาที่ง่ายต่อการเรียนรู้ และ ใช้งาน จะช่วยให้พัฒนาซอฟต์แวร์ได้รวดเร็วขึ้น เหมาะสำหรับงานที่ไม่ต้องการประสิทธิภาพสูงมากนัก
○ ความเหมาะสมกับงาน
ภาษาแต่ละภาษามีจุดแข็ง และ จุดอ่อนต่างกัน การเลือกใช้ภาษาที่เหมาะสมกับลักษณะงาน จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • ​วิธีเลือกใช้ภาษา
○ พิจารณาความต้องการของงาน
ต้องการประสิทธิภาพสูง, ความเร็วในการพัฒนา หรือความเหมาะสมกับลักษณะงาน
○ ศึกษาจุดแข็ง และ จุดอ่อนของแต่ละภาษา
เลือกภาษาที่มีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ความต้องการของงาน
○ พิจารณาความพร้อมของทรัพยากร
เลือกภาษาที่มีชุมชนผู้ใช้ที่แข็งแกร่ง และ มีไลบรารี/เฟรมเวิร์กที่หลากหลาย
○ ทดสอบและเปรียบเทียบ ลองเขียนโค้ดด้วยภาษาต่างๆ และ เปรียบเทียบประสิทธิภาพ เพื่อหาภาษาที่เหมาะสมที่สุด
✏️ Shoper Gamer
  • ​ทำไมต้องมี Framework 👇
1
Credit :
👇
  • ​https://www.youtube.com/watch?v=pGugKa2WC1c
  • ​https://m.pantip.com/topic/37137612

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา