Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ณัฐมาคุย
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
16 มี.ค. เวลา 09:16
วิศวกรรมใครคิดว่าไม่สำคัญ
ผมบอกพี่ Bankie Tharachai ไปว่าจะเขียนถึงเรื่องนี้ให้ฟัง แล้วลืม
พอมีอุบัติเหตุการก่อสร้างที่ ถ.พระราม 2 เลยนึกขึ้นได้ว่าลึมไปแล้ว
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ Hyatt Regency Hotel ใน Kansas City ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1981 เป็นหนึ่งในกรณีศึกษาที่ดังมากๆ ในวงการวิศวกร เพราะอุบัติเหตุในครั้งนี้เกิดขึ้นในโรงแรม และมีผู้เสียชีวิตมากถึง 114 คน และมีผู้บาดเจ็บ 216 คน ซึ่งนับเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวของโครงสร้างที่ร้ายแรงที่สุดเป็นอันดับสองในสหรัฐอเมริกา จนเกิดเหตุการณ์ 9-11 ขึ้น
อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างที่มีการเต้นรำน้ำชาอยู่ที่ห้องโถงของโรงแรม และมีคนดูส่วนหนึ่งดูอยู่จากทางเดินในโรงแรมที่เชื่อมโรงแรมจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง
ซึ่งบนชั้น 2 มีคนประมาณ 40 คน และชั้น 3 มีคนเกิน 40 คน ส่วนชั้น 4 มีคนอยู่บนนั้นประมาณ 15-20 คน รวมประมาณ 100 คนเศษ ในวันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคมนั้น มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 1,600 คน จู่ๆ เวลา 19:05น. ก็มีคนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแตก ดังมาจากชั้น 4 ตัวสะพานเชื่อมขยับหล่นลงมาหลายนิ้ว ก่อนที่จะสะพานดังกล่าวจะหล่นลงมาบนสะพานชั้นสอง และหล่นลงไปยังงานชั้นล่าง
เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากอบกู้นานกว่า 14 ชั่วโมง ท่ามกลางซากเหล็ก คอนกรีต และแก้วจำนวนมาก จนผู้คนต้องเอาเครน บูม และอุปกรณ์ต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่กัน ระบบ sprinkler ก็ได้รับความเสียหาย จนน้ำไหลออกมาจำนวนมาก และท่วมเข้าพื้นที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ก็ต้องตัดไฟ เพื่อระวังไม่ให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ และไฟฟ้าลัดวงจร การช่วยเหลือจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก ท่ามกลางความมืด และน้ำจำนวนมาก
สะพานทางเดินนั้นถูกก่อสร้างขึ้นมาทีหลัง ซึ่งมีสามชั้นด้วยกัน คือ ชั้น 2,3,4 โดยที่ชั้น 2 และชั้น 4 นั้นอยู่ในแนวเดียวกัน ส่วนชั้นสามอยู่เหลื่อมๆ กัน ซึ่งในการออกแบบนั้น สะพานทางเดินดังกล่าวยาวประมาณ 37 เมตร หนัก 29 ตัน และเพื่อให้สวยงาม สะพานทางเดินดังกล่าวถูกออกแบบไม่ให้มีเสาด้านล่าง แต่ถูกแขวนจากด้านบน โดยมีโครงสร้างเหล็กครอสบีมที่เอาเหล็กรูปตัว C สองชิ้นมาเชื่อมกัน และมีแกนเหล็กที่ห้อยลงมาจากเพดานด้านบนเป็นตัวรับน้ำหนัก และใช้น็อตขันด้านล่างเพื่อรับน้ำหนักของสะพานทางเดินดังกล่าว
ในการออกแบบนั้น เนื่องจากสะพานชั้น 2 และชั้น 4 อยู่ในแนวเดียวกัน วิศวกรจึงออกแบบให้ใช้แกนเหล็กในการรับน้ำหนักของสะพานชั้น 2 และชั้น 4 ด้วยกัน เป็นแนวแกนเหล็กยาว ทะลุผ่านโครงสร้างของทั้ง 2 ชั้น และต่างก็มีน็อตในการรับน้ำหนักของตัวเอง
แต่ระหว่างการเตรียมการก่อสร้าง วิศวกรของบริษัทเหล็กนำเสนอว่า แกนเหล็กยาวขนาดนั้นน่าจะสร้างยาก และการต๊าบเกลียวตรงกลางเส็นเหล็กมันทำได้ยาก และไม่สะดวก ทางวิศวกรจึงยื่นขอเปลี่ยนแปลงแบบ โดยเปลี่ยนเป็นการใช้เส็นเหล็กสองเส้น เส้นแรกเชื่อมจากเพดานมาถึงชั้น 4 และเส้นที่สองเชื่อมระหว่างชั้น 4 มาชั้น 2
ใครๆ ฟังดู ก็คงรู้สึกว่ามันไม่แตกต่างกัน ซึ่งทางวิศวกรที่ออกแบบก็ไม่ได้คิดอะไรมาก และอนุมัติการแก้แบบไป แต่ที่ไหนได้ ที่มันเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบที่มีผลมากๆ
ในแบบแรก น็อตตัวแรกที่ชั้น 4 นั้นรับน้ำหนักเพียงตัวสะพานของชั้น 4 เท่านั้น แต่ในแบบที่สอง มันกลายเป็นว่าน็อตที่ชั้น 4 นั้น รับน้ำหนักของทั้งชั้น 2 และชั้น 4 ไปด้วยกัน ซึ่งการออกแบบในเวลากำหนดให้ safety factor อยู่ที่ 60% พอเปลี่ยนแปลงแบบก็เลยทำให้น็อตตัวดังกล่าวตั้งรับน้ำหนักมากถึง 120% ของโหลดเลยทีเดียว และส่งผลทำให้เกิดอุบัติเหตุอย่างที่ไม่ควรเกิดในที่สุด
ถ้านึกไม่ออก ลองนึกภาพว่า น็อตเป็นนักปีนเขา ในเคสแรก นักปีนเขาสองคนเกาะเชือกเส้นเดียวกัน แต่มีจุดเกี่ยวกันคนละจุด กับในเคสที่สอง นักปีนเขาคนแรกเกาะเชือกเส้นแรกเอาไว้ แล้วมีนักปีนเขาคนที่สองมาห้อยแขวนตัวเองไว้กับนักปีนเขาคนแรกผ่านเชือกอีกเส้นนึง คุณว่าสองเคสนี้มีกันไหม
อยากให้ลองไปฟัง Tom Grady เล่าถึงเหตุการณ์นี้กันครับ
เยี่ยมชม
youtube.com
The Disaster That Changed Engineering: The Hyatt Regency Collapse
Today’s guest video is from Grady at Practical Engineering! Go subscribe: https://www.youtube.com/user/gradyhillhouseThe Hyatt Regency Hotel collapse was a d…
ใครจะคิดว่า แค่เปลี่ยนวิธีการสร้างเพียงนิดเดียว มันจะส่งผลได้เยอะขนาดนี้ จนเกิดเป็นโศกนาฏกรรมไปได้
6 บันทึก
8
2
1
6
8
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย