17 มี.ค. เวลา 05:52 • ข่าว

ปมทรัมพ์ ไล่ทูตอาฟริกาใต้กลับประเทศภายใน 72 ชั่วโมง

เมื่อเรื่องการเมือง/เรื่องส่วนตัว คือเรื่องเดียวกัน
เคยได้ยินหลายคนพูดว่า คนเราอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน พาลจะเสียการหมด
แต่สำหรับกรณีนี้ ทั้งเรื่องงาน เรื่องการเมือง และ เรื่องส่วนตัว มันกลายเป็นเรื่องเดียวกันไปแล้ว เมื่อ รัฐบาลสหรัฐได้ไล่ อิบราฮิม ราซูล เอกอัคราชทูตอาฟริกาใต้ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กลับประเทศ เหตุเพราะแสดงความคิดเห็นเชิงเกลียดชังต่อสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะ ตัวผู้นำ โดนัลด์ ทรัมพ์ เป็นสำคัญ
1
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ได้โพสต์ข้อความลงบน X ยืนยันเจตนารมณ์ชัดเจนว่า นาย ราซูล ไม่เป็นที่ต้อนรับในประเทศอันยิ่งใหญ่ของเราอีกต่อไป โดยกล่าวหาว่า ทูตอาฟริกาใต้เป็นนักการเมืองที่สร้างความแตกแยกทางเชื้อชาติ, ปลุกกระแสเกลียดชังอเมริกา และ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมพ์ ดังนั้น เราจึงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกต่อไป นอกจากแทงบัญชีให้เขาเป็น "บุคคลอันไม่พึงประสงค์" ของสหรัฐ
1
นอกจากนี้ รูบิโอ ยังแนบลิงค์ ที่เผยแพร่คลิปสัมมนาออนไลน์ของท่านทูต อิบราฮิม ราซูล ที่พาดพิงถึงรัฐบาลทรัมพ์ในทางเสียหาย ไว้พิจารณาเป็นหลักฐาน และแจ้งให้ท่านทูตอาฟริกาใต้ออกจากสหรัฐ ภายใน 72 ชั่วโมงนับตั้งแต่วันเสาร์ที่ 15 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา
ฟากรัฐบาลอาฟริกาใต้ ออกมาแสดงความเห็นกับประเด็นนี้ทันทีว่า รู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุผิดใจทางการทูต แต่ทั้งนี้อาฟริกาใต้ยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐ
แต่จะรักษาอย่างไร ในเมื่อบรรยากาศระหว่างรัฐบาลทรัมพ์ 2 กับ อาฟริกาใต้ เริ่มต้นมาก็ตกหลุมอากาศกันไปหลายรอบแล้ว
เมื่อทรัมพ์ตัดกองทุน USAID และเงินช่วยเหลือที่ให้แก่อาฟริกาใต้ทั้งหมด โดยอ้างถึงกฎหมายเวนคืนที่ดินคนขาวในอาฟริกาใต้ ที่ทรัมพ์กล่าวหาว่าเป็นกฎหมายที่เลือกปฏบัติ ละเมิดสิทธิมนุษยชน (ของคนขาว) อย่างรุนแรง แม้รัฐบาลอาฟริกาใต้จะออกมาตอบโต้ว่า พวกเขาไม่ได้ยึดที่ดินของใครทั้งนั้น
2
แต่หลายคนมองว่า ที่ทรัมพ์ยกประเด็นนี้มาหาเรื่องตัดงบช่วยเหลือแก่อาฟริกาใต้ นั้นมาจากความแค้นส่วนตัวที่ไม่ใช่ของเจ้าตัวด้วย แต่เป็นของ อีลอน มัสก์ ผู้ที่เกิด และ เติบโตในกรุงพริทอเรีย ของอาฟริกาใต้ ซึ่งอีลอน มัสก์อยู่ในช่วงเหตุการณ์ที่มีการปฏิรูปเวนคืนที่ดินจากเศรษฐีที่ดินคนขาว ให้ตกเป็นของชาวพื้นเมืองผิวดำในปี 1994
1
ซึ่งก่อนหน้านั้น เศรษฐีที่ดินคนขาวที่มีประชากรเพียง 9% แต่ครอบครองที่ดินเกษตรเชิงพาณิชย์ในอาฟริกาใต้ถึง 73% ที่สร้างความไม่พอใจให้กับคนอาฟริกันในพื้นที่ นำไปสู่การลุกฮือไล่ที่คนผิวขาวอย่างรุนแรง ที่อีลอน มัสก์ เคยประนามว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนขาว
1
และเมื่อมีคนสนิท วงในที่มีความแค้นฝังใจ มาพูดเป่าหูทุกวัน ยังไม่นับการล็อบบี้ของกลุ่มธุรกิจ นายทุนคนผิวขาวในอาฟริกาใต้ ความแค้นมันก็ถ่ายทอดกันได้ เหมือนคายตะขาบ
1
แต่นั่นอาจไม่ใช่แค่ตะปูดอกเดียวที่สร้างความบาดหมางในความสัมพันธ์ระหว่าง ทรัมพ์ และ อาฟริกาใต้
เพราะ รัฐบาลอาฟริกาใต้ กำลังมีประเด็นร้อนแรงกับอิสราเอล เนื่องจากเป็นคนรับหนังหน้าไฟ (บรรลัยกัลป์) ยื่นฟ้อง เบจามิน เนทันยาฮู ต่อศาลอาญาโลก ในคดีฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่า
2
และยังมีเรื่องการที่ อาฟริกาใต้เป็นสมาชิกในกลุ่ม BRICS ที่เป็นประเทศเจ้าภาพในการจัดประชุมทำข้อตกลงที่จะก่อตั้งสกุลเงิน BRICS ขึ้นมาคานอำนาจกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ทรัมพ์เคยประกาศว่า ใครคิดจะตั้งเงินสกุลใหม่มาแข่งกับดอลลาร์ เตรียมเอาภาษี 100% ไปกินซ่ะ
2
ก็ไม่แปลกที่นักการเมือง หรือแม้แต่นักการทูตทางฝั่งอาฟริกาใต้จะมองว่า นี่เป็นการหาเรื่องกันด้วยความแค้นส่วนตัวล้วนๆ ไม่มีวัวปน
ส่วนการดีดเอกอัครราชทูตอาฟริกาใต้กลับประเทศ ก็เป็นความแค้นส่วนตัวเหมือนกัน ที่เห็นชัดเจนมาก มองจากยอดเขาเอเวอเรสต์ยังเห็น
ดังนั้น เรื่องงาน เรื่องการเมือง และ เรื่องส่วนตัว ล้วนเป็นเรื่องเดียวกัน มันแยกยาก ยิ่งซับซ้อนมาก ยิ่งยากแยก
1
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
1
แหล่งข้อมูล
โฆษณา