17 มี.ค. เวลา 11:26 • ข่าวรอบโลก

มิไซล์ 1,000 Km. ของยูเครน ไม่จบก็เจอกัน …

ยูเครนประสบความสำเร็จในการพัฒนาอาวุธของตัวเอง
จากพื้นฐานอาวุธเก่า คือ ขีปนาวุธ Neptune ที่มีมาตั้งแต่
ยุคโซเวียต และยังอยู่ในมือพวกเขาเป็นจำนวนมาก
เป็นโมเดลอาวุธของตัวเอง ซึ่งเซเลนสกี้โม้ว่า
ภายในหนึ่งปี เขามีเป้าหมายการผลิต 1 แสนลูก !
ก็เป็นตัวเลขที่ออกจะโม้เกินเบอร์ไปมาก
ก็ธรรมชาติสงครามข่าวสารแหละ อย่าไปเชื่อมาก…
แต่ถ้าเราคิดว่ามันเป็นการโมดิฟายของเก่า
ไม่ใช่การสร้างใหม่ทั้งหมด ปีละ 3,000-5,000 ลูก
เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ไม่ยากเลย
…พิสัย 1,000 กิโลเมตร ติดหัวรบได้ถึง 200 กิโลกรัม
บินต้ำ มีคุณสมบัติหลบหลีกเรดาร์ มีAI ช่วย ความเร็วมัคเศษ
มันอาจดูไม่หวือหวาน่ากลัว เหมือนไฮเปอร์โซนิครัสเซีย
แต่ด้วยความที่มันคล้าย Storm shadow ที่สร้างปัญหา
ให้รัสเซียมากมาตลอดจากคุณสมบัติพรางตัว
มันจึงน่ากังวลมากสำหรับรัสเซีย
โดยเฉพาะกับพลเรือน ที่ถ้าทางยูเครนหน้ามืดขึ้นมา
แล้วทำแบบรัสเซียบ้าง เพราะพิสัยมันได้ถึงมอสโคว์สบายๆ…
…ถ้าสหรัฐไม่ตัดความช่วยเหลือข่าวกรอง ไม่ตัดสตาร์ลิ้งค์
นี่จะเป็นอะไรที่ปูตินต้องกังวลอย่างยิ่ง ….
จริงๆแล้ว Neptune ไม่ใช่ของใหม่อะไร
มันเป็นอาวุธของยูเครนเองมาตั้งแต่ยุคโซเวียต
ต้องบอกว่าของยูเครน ไม่ใช่โซเวียต เพราะมันถูกพัฒนาขึ้น
เองโดยพวกเขา ภายใต้ร่มเงาของโซเวียตตอนนั้น
และยังผลิตมาต่อเนื่องจนถึงปี 2014 ที่พวกเขาแพ้ในไครเมียร์
แล้วโดนรัสเซียสั่งจำกัดอาวุธ
…ก็คล้ายๆ T-84 ที่ทบ. ใช้อยู่นั่นแหละ คือ เป็นของเวอร์ชั่น
ย่อยออกมา ที่ประเทศลูกของโซเวียตทำกันขึ้นมา …
1
ดังนั้น พวกเขาจึงมีมันอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก
และเริ่มนำกลับมาปัดฝุ่นใช้ในปี 2022 เมื่อรัสเซียบุก
1
มันยิงได้จากฐานแบบดั้งเดิม และถูกปรับให้ใช้ได้กับ
แท่นยิงจากตะวันตกได้ในภายหลัง
นี่จะทำให้พวกเขามีแท่นยิงเหลือเฟือ
เนื่องจากอาวุธพวกนี้ ตกค้างเป็นจำนวนมาก
ในยุโรปตะวันออก ที่ปัจจุบันอยู่ในนาโต้
และผลิตเพิ่มได้ไม่ยากนักหากต้องการ
ผลงานที่ลือลั่นที่สุดของ Neptune ชุดปรับปรุงก่อนนี้
คือการจมเรือธงทะเลดำของรัสเซีย คือ Moskva นั่นเอง…
ซึ่งตอนนั้นพิสัยมันแค่ 130 ไมล์(210 km.) เท่านั้น
แต่มันถูกพัฒนามาเรื่อยๆ จนได้พิสัยไกลถึง 650 ไมล์
หรือกว่าพันกิโลเมตรในปัจจุบัน
…และด้วยความที่มันปล่อยจากเครื่องบินรบได้ด้วย
การปล่อยลักษณะนั้นอาจยืดพิสัยได้มากถึง 1,300 กิโลเมตร
เลยทีเดียว ซึ่งนั่นมากพอจะโจมตียุทธศาสตร์สำคัญของรัสเซีย
ในภูมิภาคตะวันตกทั้งหมด…
…ถ้ามีสักพันสองพันลูก รัสเซียก็ปวดหัวแน่ๆล่ะ
เอาไมอยู่ทั้งหมดแน่ๆ ยิงหลักพัน เข้าสัก 1/3 นี่ก็วายวอดแล้ว
ปัจจุบัน ยูเครนใช้หลักนิยมในการประกาศประจำการอาวุธ
แบบเดียวกับตะวันตกและสหรัฐ ดังนั้นเบื้องต้นนี่ยังไงซะ
ก็ต้องมีเกิน 100-200 นั่นแหละ….
การลดข้อเสียเปรียบด้านพิสัยอาวุธ
เป็นสิ่งที่ยูเครนเรียกร้องมานาน กับผู้สนับสนุน
ความเกรงใจต่อรัสเซียของบรรดาพันธมิตร
ทำให้พวกเขาจำกัดพิสัยอาวุธบริจาคของตัวเองมาตลอด
และห้ามยูเครนใช้โจมตีเป้าหมายพลเรือนในรัสเซีย
แม้ภายหลัง อังกฤษ ฝรั่งเศส จะปล่อยให้ยูเครนใช้
Strom shadow ของพวกเขาต่อรัสเซียได้แบบเต็มที่ขึ้น
แต่ก็ลดสเปก ลดจำนวนของตัวเต็ม ที่ส่งไปอยู่ดี
และ storm shadow นั้นมีพิสัยราวๆ 500 กิโลเมตรบวกลบ
ด้วยปัจจัยต่างๆ มันจึงยังไม่สร้างความแตกต่างมากนัก
เนื่องจากยูเครนไม่มีกองทัพอากาศที่ดีพอ ที่จะเข้าไปปล่อย
ในระยะที่ได้เปรียบ ต่อยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่ลึกเข้าไปได้
Storm shadow กับ ATACMS นั้น มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม
ตามระยะของมัน ซึ่งเจ้าของผลิตภัณฑ์คืออังกฤษและสหรัฐ
อนุญาตให้ใช้เพื่อการป้องกันตัว ตัดกำลังแนวหน้าเท่านั้น
แต่หาก Long Neptune มีประสิทธิภาพตามอ้าง
มันจะเปลี่ยนสงครามเป็นอีกรูปแบบทีเดียว
…มันอาจไม่ใช่อะไรที่รัสเซียจะพลิกมาเป็นฝ่ายรับได้
แต่พวกเขาจะลำบากขึ้นมากในการป้องกันตัวเอง
และความได้เปรียบในแนวหน้าจะลดลงอย่างมาก ….
ยิงจากแท่นยิงแบบเก่ายุคโซเวียตก็ได้
มอสโคว์ จะต้องระวัง !
ด้วยขีปนาวุธพิสัยขนาดนี้
มันครอบคลุมไปได้ไกลถึงมอสโคว์แบบเหลือๆ
และเมื่อเป็นของยูเครนทำเอง มันจึงไม่ได้อยู่ภายใต้
เงื่อนไขใดๆแบบ ATACMS หรือ Storm shadow
ที่จริง มันค่อนข้างน่ากังวลกับทุกฝ่ายนั่นแหละ
แม้แต่กับยูเครนเองก็ด้วย
กับรัสเซีย ชีวิตประชาชนเขาอาจอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้น
เพราะที่ผ่านมา ยูเครนอาจมีการชิมลางบ้างกับการโจมตี
มอสโคว์ เพื่อหวังผลทางการเมือง ด้วยการให้คนรัสเซียรู้ตัว
ว่ากำลังอยู่ในสงคราม สงครามถึงบ้านคุณนะ ในทำนองนั้น
…แต่เพราะมันทำด้วยโดรน ที่ไม่สามารถบรรทุกหัวรบขนาดใหญ่นักได้ ส่วนมากก็ไม่เกิน 30 กิโลกรัม มันมีอานุภาพแค่
ระดับการทำลายเป้าหมายแบบเจาะจง ไม่ใช่วงกว้าง
ในลักษณะของขีปนาวุธ มอสโคว์จึงไม่เสียหายมากนัก…
ปัญหาคือ ถ้ายูเครนมองว่า จะเล่นแรงเพื่อกระตุกคนรัสเซีย
ให้รู้รสสงครามบ้าง โดยหวังผลจิตวิทยา มันอาจให้ผล
ที่ต่างกันไปคนละทาง และไม่พึงประสงค์กับยูเครนเองได้
สองทางคือ …
- คนรัสเซียรู้สึกว่า สงครามน่ากลัวหรือรู้สึกว่ารัฐบาล
ปูตินล้มเหลว แล้วโทษรัฐบาล สร้างปัญหาภายในขึ้นมา
- หรือคนรัสเซียอาจมองยูเครนเป็นศัตรูจริงๆไป
และสนับสนุนรัฐบาลปูตินเต็มที่ ให้ถล่มให้ราบกว่าที่เป็น
ถ้ายูเครนยิงใส่มอสโคว์ มันจะให้ผลกับสังคมรัสเซีย
หนึ่งในสองทางนี้แน่นอน
แต่ด้วยความชาตินิยมของชาวรัสเซียที่ปลูกฝังมา
ทางเลือกหลังนั้นจึงเป็นไปได้มากกว่า
1
และนี่คือหนึ่งในเหตุผล
ที่ยูเครนไม่ค่อยโจมตีเป้าหมายพลเรือนในรัสเซียนัก
เพราะไม่ต้องการทำลายความสัมพันธ์อันดี
ในระดับชาวบ้านที่มีมายาวนาน ในลักษณะของเครือญาติ
1
…ยูเครนหวังมาเสมอ ว่าความสัมพันธ์ลักษณะนี้ที่เคยมี
ซึ่งทำให้ทหารรัสเซียไม่อยากรบช่วงต้นสงคราม จะคงอยู่ต่อไป
เพื่อสักวันจะย้อนกลับไปเล่นงานปูตินทางการเมือง…
ปัจจุบันรัสเซียใช้ทหารจากตะวันออกไกลในแนวหน้า
ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์ทางเชื้อชาติกับยูเครนเป็นกำลังหลัก
ร่วมกับทหารเกาหลีเหนือ และเชเชน
เชื่อว่ายูเครนอาจไม่อยากขยายวงความขัดแย้ง
กับประชาชนชาวรัสเซียด้วยการโจมตีเป้าหมาย
พลเรือนในมอสโคว์ เพื่อผลทางจิตวิทยาระยะสั้น
แบบรัสเซียโจมตีเคียฟแน่ๆ
แต่มีความเป็นไปได้สูง ว่ายูเครนจะโจมตี คลังแสง
โรงไฟฟ้า โรงกลั่น โรงงานอาวุธของรัสเซียอย่างหนักหลังจากนี้
และด้วยอาวุธที่ประสิทธิภาพสูงขึ้น ความวายวอดมันก็
จะมากขึ้น ยิ่งถ้าคลังแสงระเบิด สภาพคงเละแน่ๆ
เช่นที่เกิดขึ้นแล้วกับโรงกลั่นน้ำมันใน Tuapse
ซึ่งไกลจากเขตยึดครองของยูเครนปัจจุบัน ออกไปราว
700 กิโลเมตร ในการทดสอบจริงของจรวดชนิดนี้
ไฟไหม้และระเบิดติดต่อกันยาวนานทีเดียว
(คลิปในลิงก์ข่าว)
ซึ่งมันสร้างความเสียหายให้กับโรงกลั่นอย่างรุนแรง
กว่าที่ยูเครนเคยทำด้วยโดรนหรือ Storm shadow หลายเท่า
นั่นอาจแสดงถึงหัวรบประสิทธิภาพสูงที่มันติดตั้งได้
ซึ่งแน่นอน ว่านั่นจะส่งผลกับกำลังบำรุงแนวหน้าของรัสเซีย…
ยูเครนปิดจุดอ่อนทุกพิสัย ด้วยอาวุธทำเองได้สำเร็จ ?
อาจยังเป็นเครื่องหมายคำถาม
และเร็วเกินไปที่จะบอกแบบนั้น
แต่ข่าวที่ออกมาล่าสุด คือยูเครนนั้นประสบความสำเร็จ
อย่างมากกับการพัฒนาโดรนที่ระยะพิสัยทำการ 300 ไมล์
หรือราวๆ 500 กิโลเมตร
สำเร็จในระดับที่ว่า ทางกองทัพสหรัฐสนใจนำไปใช้งาน !
การเรียกผู้พัฒนายูเครนเข้าไปเจรจาของกลาโหมสหรัฐ
น่าจะยืนยันผลงานของโดรนเหล่านี้ได้ดี
มีการเปิดเผยว่า อาวุธที่ยูเครนสร้างส่วนมาก
มันค่อนข้างเฉพาะตัวในการรับมือกับระบบป้องกัน
ของรัสเซียโดยเฉพาะ เช่น การบินต่ำ ซึ่งเป็นการเข้าจุดอับ
กับระบบ S300-400 ของรัสเซีย
มันก็มีประโยชน์กับสหรัฐ เมื่อศัตรูของพวกเขาส่วนมาก
ใช้ระบบเหล่านี้ของรัสเซีย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการ
และนั่นน่าจะรวมถึงพวกยุโรปตะวันตกด้วย
กรณีว่ายูเครน มีโดรนเหล่านี้มาอุดระยะ 500 กิโลเมตร
และมี Long Neptune เพื่อใช้ระยะ 1000 กิโลเมตร
ก็เท่ากับว่ายูเครนมีอาวุธระยะไกลใช้ในทุกพิสัยนั่นเอง
…มันจะช่วยพวกเขาได้มาก ในการป้องกันตัว…
และรัสเซียไม่มีทางรู้เลย ว่าในอนาคต
…มันจะแบกหัวรบอะไรมาถล่มพวกเขาได้บ้าง….
1
ระบบป้องกันรัสเซียดีไหมนั้นเรื่องหนึ่ง
แต่มันแทบไม่ใช่ประเด็น
เพราะความใหญ่ของรัสเซียเอง นั่นแหละที่เป็นจุดอ่อน
รัสเซียมีขนาดพื้นที่ที่ใหญ่เกินกว่าระบบของพวกเขา
จะครอบคลุมได้ และปัญหาทางกายภาพนี้ไม่มีทางแก้ได้
อาจเป็นไปได้ว่า ด้วยอาวุธพิสัยไกลเหล่านี้ของยูเครน
จะบีบให้รัสเซียต้องถอยระบบป้องกันออกจากแนวหน้า
บ้างเป็นบางส่วน เพื่อปัองกันแนวหลัง
นี่อาจเป็นเป้าหมายสูงสุดของยูเครนเลยทีเดียว
เพราะนั่นเท่ากับเปิดทางให้เครื่องบินรบที่มีไม่มากของพวกเขา
ขึ้นปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในพื้นที่สมรภูมิ
S300 400 อาจพลาท่าบ่อยครั้งกับจรวดตะวันตกหรือโดรน
แต่มันให้ผลดีมากกับอากาศยานของยูเครน
มันสอย F16 , MIC 29 , SU27-30 ของยูเครนที่รับ
บริจาคมาได้ตลอดเวลา ทำให้ยูเครนไม่สามารถสนับสนุน
ทางบกได้มากเท่าที่ควรจะเป็น จนเสียเปรียบมากในสมรภูมิ
การกดดันให้รัสเซียถอนระบบเหล่านี้กลับไปป้องกันตัว
มันจะช่วยยูเครนในพื้นที่สมรภูมิได้มาก
และอาจกดดันให้รัสเซียต้องเอาเครื่องบินขึ้นมาต่อตี
ซึ่งถ้ายูเครนสร้างความเสียหายในส่วนนี้ได้
มันจะมีผลทางจิตวิทยาต่อรัสเซียอย่างมากทีเดียว…
สงครามอสมมาตรในลักษณะที่เป็นอยู่ตอนนี้
ชัยชนะของยูเครน ย่อมหมายถึงการรักษาพื้นที่
ไว้ได้ใหมากที่สุด การโจมตีรัสเซียจริงๆ ไม่ใช่เป้าหมาย
และนั่นคือการท้าทายปูติน ที่เสี่ยงเกินไป
ขีปนาวุธตัวนี้ ดูแล้วมีเพื่อตัดกำลังบำรุง และการสนับสนุน
แนวหน้าของรัสเซียเป็นหลัก ทั้งทางบก และน้ำ
มันจะกันเรือรบรัสเซียออกไปได้ จนไกลกว่าพิสัยยิงสนับสนุน
และกดดันให้รัสเซียไม่สามารถใช้ท่าเรือในไครเมียร์ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา
เมื่อเป็นแบบนั้น เขตพื้นที่ยึดครองเบ็ดเสร็จของรัสเซีย
อาจกลับมาสู่พื้นที่ ที่ไม่มีการครอบครองแน่นอนอีกครั้ง
มันจะมีผลเมื่อขึ้นโต๊ะเจรจาจริงๆอย่างแน่นอน
สถานการณ์ที่ทอดเวลายาวออกมา
ส่งผลให้ยูเครนสามารถพัฒนาความสามารถของตัวเองได้
นี่คือหนึ่งในสิ่งที่รัสเซียพลาดที่สุดในสงครามครั้งนี้
การสนับสนุนจากตะวันตกยังคงจำเป็นสำหรับยูเครน
แต่การทำเองได้มากขึ้น ย่อมสร้างภาระที่กดดันทางการเมือง
ต่อพันธมิตรของพวกเขาน้อยลงเรื่อยๆ
ในระยะยาว มันจะเป็นผลดีทางการเมืองและการเจรจา
เพื่อยุติสงครามที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เคยเขียนมาแล้ว ว่าไม่ว่าสงครามจะจบแบบไหน
ยูเครนจะถูกสถานการณ์บีบให้เป็นรัฐแสนยานุภาพ
เป็นประเทศผลิตอาวุธ เพื่อใช้เอง และกอบกู้เศรษฐกิจ
สิ่งที่กองเชียร์รัสเซียไทยมักพูดเสมอ คือรัสเซียต้องรบ
เพราะกลัวนาโต้เอาจรวดมาตั้งจ่อ มันชัดเจนแล้วว่าไร้สาระ
เพราะสุดท้ายที่เป็น ยูเครนจะแพ้หรือชนะ เข้าหรือไม่เข้านาโต้
พวกเขาก็มีขีปนาวุธที่จ่อคอหอยตัวเองอยู่ดี
และด้วยศักยภาพด้านบุลากรของยูเครนที่ทำงาน
อยู่กับบริษัทค้าอาวุธ และเทคโนโลยีต่างๆทั่วโลกอยู่เยอะ
…ไม่มีหลักประกันอะไรให้รัสเซียได้ว่า
วันหนึ่งอาวุธของยูเครน จะไม่ติดหัวรบนิวเคลียร์
หรืออะไรที่แย่กว่านั้น แล้วเล็งไปที่มอสโคว์…
…กับนาโต้ Dirty bomb อาวุธเคมีคงไม่มี
แต่ถ้ากับยูเครน มันไม่แน่ ถ้าพวกเขาเข้าตาจน
บางทีเป็นนาโต้ซะยังดีกว่าสำหรับรัสเซีย…
ถ้าพูดเรื่องยูเครนเข้าหรือไม่เข้านาโต้เป็นประเด็นหลัก
ของรัสเซียในอ้างความชอบธรรมในปกป้องตัวเอง
กลัวมีจรวดมาตั้งหน้าบ้าน…
มาถึงวันนี้ ก็ต้องบอกว่าเป้าหมายนั้นล้มเหลวแล้วสิ้นเชิง…
…เพราะที่สุด คุณก็ยังโดนจรวดจ่อคอหอยอยู่ดีนั่นเอง…
ปล. ล่าสุดทรัมป์เรียกเจรจาพรุ่งนี้ ต้องดูต่อว่าไง
อาวุธลักษณะนี้ มีผลกับการเจรจาค่อนข้างมากครับ
ข้อมูลอ้างอิง ข่าว คลิป
Sink of Moskva
โฆษณา