18 มี.ค. เวลา 02:09 • การศึกษา

เด็กประถมจะกลายเป็นกองทัพ AI รุ่นใหม่ เมื่อจีนเร่งสปีดเด็กสู่สนามแข่งขัน AI โลก

ตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา โรงเรียนประถมและมัธยมทั่วปักกิ่งได้นำ AI เข้าไปในหลักสูตร ไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมงต่อปี เด็กเล็กๆ จะได้เรียนทั้งวิธีใช้เครื่องมือเทคโนโลยีล้ำๆ และจริยธรรมด้าน AI
คณะกรรมการการศึกษาเทศบาลนครปักกิ่งประกาศว่า โรงเรียนสามารถเพิ่มหลักสูตร AI เข้าไปในวิชาที่มีอยู่แล้ว หรือแยกเป็นวิชาเฉพาะก็ได้ พร้อมวางแผนพัฒนาหลักสูตรระยะยาวหลายปี
จีนหวังว่าการฝึกเด็กๆ เหล่านี้จะทำให้ประเทศเข้มแข็งในสงคราม AI ระดับโลก โดยเฉพาะหลังจาก DeepSeek สร้างความฮือฮาในวงการเทคโนโลยี
เมื่อธันวาคมที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการจีนคัดเลือกโรงเรียน 184 แห่งทั่วประเทศเป็นโรงเรียนนำร่องหลักสูตร AI Huai Jinpeng รัฐมนตรีกระทรวงฯ บอกว่า AI จะเป็นกุญแจสำคัญของระบบการศึกษาจีนในอนาคต
โรงเรียนในปักกิ่งพยายามทำซ้ำตามแบบอย่างของมหาวิทยาลัย Zhejiang ในหางโจว ที่ผลิตยอดฝีมือระดับโครตเทพอย่าง Liang Wenfeng (DeepSeek) และ Wang Xingxing (Unitree) เมืองหลวงของจีนอาจเห็นการพุ่งทะยานของนวัตกรรมสุดล้ำ ถ้าหากสามารถก้าวทันประเทศอื่นที่กำลังเพิ่ม AI เข้าไปในหลักสูตรเหมือนกัน
จีนไม่ได้เป็นประเทศเดียวที่ถวิลหาการครองโลกด้วย AI ประเทศอื่นๆ ก็ไม่ยอมแพ้ในเรื่องนี้
รัฐบาลเอสโตเนียจับมือกับ OpenAI ด้วยการส่ง ChatGPT Edu เวอร์ชันพิเศษสำหรับการศึกษา ให้นักเรียนมัธยมปลายและครูทั่วประเทศ เริ่มตั้งแต่กันยายนปีนี้ ครอบคลุมทั้งการช่วยเหลือทางเทคนิค งานบริหาร การสอน และการวางแผนบทเรียน
2
ประธานาธิบดี Alar Karis ของเอสโตเนียกล่าวว่า “เรากำลังเปิดศักราชใหม่ในการพัฒนาระบบการศึกษา AI กำลังเปลี่ยนโลกอย่างถาวรแล้ว และทุกภาคส่วนรวมถึงการศึกษาต้องปรับตัว”
1
แคนาดาและเกาหลีใต้ก็ไม่น้อยหน้า พวกเขาอัดเทคโนโลยีขั้นสูงเข้าสู่การศึกษาระดับ K-12 ใช้ตำราดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI และโปรแกรมให้ครูใช้ AI ในห้องเรียน
โรงเรียนเอกชนในสหราชอาณาจักรไปไกลถึงขั้นเปิดห้องเรียน “ไร้ครู” มีนักเรียนประมาณ 20 คนใช้ชุดหูฟัง Virtual Reality กับแพลตฟอร์ม AI เรียนแทนการฟังจากครูที่เป็นมนุษย์
ส่วน McGraw Hill ยักษ์ใหญ่การศึกษาของอเมริกาไม่ยอมแพ้ เปิดตัวเครื่องมือ genAI สองตัวสำหรับห้องเรียนในปี 2024 ทั้ง AI Reader และ Writing Assistant
แม้ว่า AI จะเนื้อหอมเป็นอย่างมากในวงการการศึกษา บริษัทและหน่วยงานรัฐก็ยังระแวงการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป
1
เทคโนโลยีเหล่านี้มีความเทพในการเป็นครูส่วนตัวฟรีๆ ที่เข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ก็มีด้านมืดที่น่าสะพรึงกลัวเช่นกัน
องค์การสหประชาชาติเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยของเด็ก แนะนำให้ใช้เครื่องมือที่เหมาะสม มีแนวทางชัดเจน ให้ “ความเป็นมนุษย์” เป็นหัวใจของหลักสูตร และจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ
Dylan Arena หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ข้อมูลและ AI ของ McGraw Hill กล่าวในการสัมภาษณ์กับ Fortune ว่า “ความไว้วางใจในแบรนด์เราสูงมาก ความเสี่ยงใหญ่สุดไม่ใช่การเคลื่อนไหวช้าเกินไปในเรื่อง AI แต่เป็นการเคลื่อนไหวเร็วเกินไป”
การนำ AI เข้าสู่ห้องเรียนไม่ใช่แค่การเพิ่มเครื่องมือใหม่ แต่เป็นการปฏิวัติการเรียนรู้ทั้งระบบดังนี้
ข้อที่ 1 : การเรียนรู้เฉพาะบุคคลกำลังกลายเป็นความจริง AI สามารถปรับเนื้อหาและวิธีสอนให้เหมาะกับเด็กแต่ละคน ลดช่องว่างการเรียนรู้ เพิ่มโอกาสให้เด็กทุกคนอย่างทั่วถึง
ข้อที่ 2 : ทักษะที่จำเป็นกำลังเปลี่ยนไป การคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการร่วมงานกับ AI กำลังกลายเป็นพื้นฐานสำคัญ แทนที่การท่องจำหรือการคำนวณ
ข้อที่ 3 : บทบาทของครูและห้องเรียนกำลังแปรเปลี่ยน ครูอาจกลายเป็นผู้อำนวยความสะดวกการเรียนรู้มากกว่าผู้ถ่ายทอดความรู้ ห้องเรียนอาจเป็นพื้นที่ทำโครงงาน แก้ปัญหาร่วมกัน และพัฒนาทักษะสังคมมากกว่าแค่ฟังบรรยาย
1
การแข่งขัน AI ในห้องเรียนระดับโลกไม่ใช่แค่การเร่งเด็กให้เรียนเทคโนโลยี แต่เป็นการวางรากฐานอนาคตของประเทศและเศรษฐกิจโลก ประเทศใดที่เตรียมเยาวชนให้เข้าใจและทำงานกับ AI ได้ดีก็จะได้เปรียบในระยะยาว
ท่ามกลางการแข่งขันดุเดือดในการเพิ่ม AI เข้าไปในโรงเรียน มีคำถามสำคัญที่ต้องคิดก็คือ เราจะรักษาสมดุลระหว่างเทคโนโลยีและความเป็นมนุษย์ได้อย่างไร?
การศึกษาที่มีคุณภาพไม่ได้หมายถึงแค่เทคโนโลยีล้ำสมัย แต่รวมถึงการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ ความเห็นอกเห็นใจ และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งแม้แต่ AI โครตเทพที่สุดก็ยังทดแทนไม่ได้อย่างสมบูรณ์
ในขณะที่จีนกำลังฝึกเด็กประถมให้คุ้นเคยกับ AI แบบจัดเต็ม ประเทศอื่นๆ ก็กำลังหาวิธีเตรียมเยาวชนเข้าสู่โลกที่ AI กำลังขีดชะตาอนาคตของประเทศเช่นเดียวกัน
ความสำเร็จระยะยาวอาจไม่ได้อยู่ที่ใครสอน AI ได้เร็วที่สุดหรือมากที่สุด แต่อยู่ที่ใครผสมผสานมันเข้ากับการพัฒนาความเป็นมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ความท้าทายของระบบการศึกษาทั่วโลกคือการใช้พลัง AI ปลดล็อกศักยภาพเยาวชน โดยไม่ทิ้งทักษะความเป็นมนุษย์
มองในมุมนี้ สงคราม AI ในห้องเรียนไม่ควรเป็นแค่การแข่งขันระหว่างประเทศ แต่เป็นความร่วมมือสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับทุกคน
การตัดสินใจของจีนในการส่ง AI เข้าโรงเรียนประถมอาจเป็นกลยุทธ์ชาญฉลาดในการแข่งขันระดับโลก แต่ความสำเร็จที่แท้จริงจะวัดจากคุณภาพพลเมืองรุ่นใหม่
1
ไม่ใช่แค่ความสามารถทางเทคโนโลยี แต่รวมถึงความสามารถในการใช้เทคโนโลยีอย่างมีวิจารณญาณและมีจริยธรรมเพื่อแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนของโลกเราในอนาคต
บทเรียนจากประเทศต่างๆ ที่เริ่มผนวก AI เข้ากับการศึกษาจะเป็นประโยชน์มหาศาลในการพัฒนาแนวทางที่เหมาะสมสำหรับการศึกษาในอนาคต
ในขณะที่เด็กจีนวัย 6 ขวบกำลังเรียนรู้การใช้แชทบอทและเครื่องมือ AI เด็กไทยส่วนใหญ่ยังห่างไกลจากโอกาสแบบนี้มาก
ระบบการศึกษาไทยยังคงติดกับดักการท่องจำ การสอบวัดผล และหลักสูตรที่ปรับตัวช้า ทำให้เด็กไทยอาจตามหลังในการแข่งขันโลกอนาคต
ถึงเวลาที่ผู้ปกครอง ครู และผู้กำหนดนโยบายต้องตื่นตัวและลงมือทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่เด็กไทยจะตกขบวนรถไฟแห่งอนาคต
1
เราอาจไม่จำเป็นต้องทำเหมือนจีนทุกอย่าง แต่เราควรถอดบทเรียนและปรับใช้ให้เหมาะกับบริบทไทย สร้างระบบการศึกษาที่เตรียมเด็กไทยให้พร้อมสำหรับโลกที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงทุกอย่างอย่างรวดเร็ว
หากรัฐบาลไทยและภาคเอกชนร่วมมือกันอย่างจริงจัง เราอาจเห็นการพัฒนาหลักสูตร AI ที่เข้าถึงได้สำหรับเด็กไทยทุกคน ไม่ใช่แค่โรงเรียนนานาชาติหรือโรงเรียนในเมืองใหญ่
1
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการตามทันเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของการเตรียมเยาวชนไทยให้พร้อมสำหรับการทำงานและใช้ชีวิตในโลกที่ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกอาชีพและทุกแง่มุมของชีวิต
เด็กไทยไม่ควรเป็นเพียงผู้บริโภคเทคโนโลยี AI จากต่างประเทศ แต่ควรได้รับการเตรียมพร้อมให้เป็นผู้สร้างและกำหนดอนาคตของเทคโนโลยีเหล่านี้ด้วย
ประเทศไทยมีโอกาสเรียนรู้จากตัวอย่างทั้งดีและไม่ดีของประเทศอื่นๆ เพื่อพัฒนาแนวทางที่เหมาะสมสำหรับการศึกษาไทย
ความท้าทายไม่ใช่แค่การเอาเทคโนโลยีเข้ามาในห้องเรียน แต่เป็นการปรับทั้งระบบคิด วิธีสอน และเป้าหมายของการศึกษาให้สอดคล้องกับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
หากเราทำได้สำเร็จ เด็กไทยจะไม่เพียงตามทันเพื่อนร่วมโลก แต่อาจมีโอกาสนำในบางด้านด้วยความคิดสร้างสรรค์และมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์
ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนของสังคมไทยจะต้องร่วมกันผลักดันการปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ เพื่อให้แน่ใจว่าลูกหลานของเราจะเติบโตขึ้นในโลกที่พวกเขาสามารถควบคุมเทคโนโลยี ไม่ใช่ถูกเทคโนโลยีควบคุม
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา