18 มี.ค. เวลา 02:44 • ความคิดเห็น
เราลองพิจารณาดูนะ ค่อยๆ อยู่นิ่งๆ ทำจิตเฉย ท่องพุทโธๆ ก็ได้ ..หลับตาแล้ว มองเห็นอะไรมั้ย ..มันเหมือนคนตาบอด เอ้า ..หลับตาแล้ว เสียงรอบข้างก็เข้ามาที่หู หูเราก็ได้ยินเสียงนั้น เสียงนี้ เราปิดหูไม่ได้ เราก็พูดขึ้นมา ..พุทโธ .ๆ ให้หูเราได้ยิน เสียงของตัวเอง (เราไม่ได้พูดตำหนิติเตียนด่าว่าใคร กำลังพูด คำว่าพุทโธๆ )
..พอลืมตา เราก็เห็น ภาพนั้นภาพนี้ ที่อยู่ตรงหน้าเรา เห็น .เห็นต้นไม้ ..จ้ตเราก็ไปอยู่ที่ต้นไม้ ..ต้นไม้นี้สวย ต้นไม้นี้ไม่สวย จิตก็ยึดต้นไม้นั้น มีวิตกวิจารณ์ ยึดต้นไม่้ หันไปมองหมาแมว จิตก็ไปยึดหมาแมว คิดว่าหมาแมว มันกินรึยัง มันน่าสงสาร ..เดี๋ยวจะเอาอาหารขนมไปให้เสียหน่อย..จิตมันไปอยู่กับหม่กับแมว ยึดหมาแมวมาเป็นอารมณ์
คราวนี้ เราก็นั่งมาใคร่ครวญ วิญญาณทั้งหกของเราที่ไปสัมผัสเรื่องนั่นเรื่องนี้เป็นเหมือนหัวเรือ ..ที่เรานั่งพ่ยเรืออยู่ในลำเรือ เรือนี้ต่อมาด้วยธาตุทั้งสองของพ่อแม่ ที่ธาตุดินน้ำลมไฟ ที่ขอพ่อแม่ ให้เรามาเกิดมาอาศัย .เราก็ใช้กายนี้ พายเรือไปตามแม่น้ำลำคลอง ตามสานของกระอารมณ์กรรม ที่ไหลมา
.เราพายเรือแวะ ..เอานาไปจับจ้อง ..เอาหูไปฟัง .ผู้คนเค้ากำลัง ทะเยอทะยาน แบ่งแยก แบ่งพรรคพวก แย่งชิงผลประโยชน์ อวดอ้างอะไรต่างๆ ..ก็เหมือนเราเอาหัวเรือ ลำเรือ ไปจอดในที่เค้า ..กำลัง .. วุ่นวาย สับสน ฝุ่นตลบ ..ฝุ่นนั้น ก็กระจายมาปกคลุมทั้งกาย ทั่วทั้งลำเรือ เมื่อเรามีกายวาจาใจ เกิดขึ้น ไม่พอใจพอใจ อะไรต่างๆ มันเกิดขึ้นในลำเรือ ..จิตเราก็ต้องสกปรกเลอะเทอะไปกับสิ่งที่เรือนั้นกายนั้น เสมือนไปจอดอยู่สถานที่ เป็นโคลนตม
เมื่อเราเปลื่อนสถานที นั่งเล่น ฟังเพลง เล่นเกม ..มันก็เพียงเป็นหัวเรือ หันไปเกยตื่น อยู่ที่สถานที่ที่จิตนั้นกำลังหลงใหล อารมณ์ก็เปลี่ยน จิตก็ไปอยู่กับเกม กับเสียงเพลง .หลงใหลไปกับอารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น
.. มีพระองค์หนึ่งท่านบอกว่า ..จงจำไว้ ..เค้าให้สังขารใช้ เราใช้ทำอะไร ..วันหนึ่งต้องออกจากสังขาร เราใช้ทำอะไร สิ่งที่เราใช้สังขารนี้ เค้าก็จะนำพาจิตเราไป .สมมุติว่าเราไปนิสัยโหดร้าย ธาตุทั้งสี่ก็นำพาไปขอพ่อแม่ ที่โหดร้าย ..ขอพ่อแม่ที่เป็นเสือสิงโต เป็นเจ้าป่า ธาตุทั้งสี่ก็จำนำพาไปหาพ่อแม่ตามนิสัยเวรกรรม ที่เราใช้อารมณ์ ..เยี่ยงอย่าง เหมือนรูปสัตว์ที่ตาเราเห็น ..มันทำอะไรกัน ..
โฆษณา