The Future of Recycling
🌏 ในโอกาส “วันรีไซเคิลโลก (Global Recycling Day)” ซึ่งตรงกับวันที่ 18 มีนาคมของทุกปี ก่อตั้งโดย Global Recycling Foundation เพื่อสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้ประชากรทั่วโลกได้เห็นถึงความสำคัญของการรีไซเคิล ส่งเสริมให้ประชากรโลกลดขยะและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
รวมทั้งอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอย่างจำกัดผ่านการนำวัสดุที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ และได้รับการยอมรับจากองค์การสหประชาชาติ (United Nations) และ The Bureau of International Recycling เมื่อปี พ.ศ. 2561 จึงได้จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองให้กับความสำคัญของการรีไซเคิลตั้งแต่นั้นมาเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่าและสร้างสมดุลด้วยการนำกลับมาใช้ใหม่ด้วยกระบวนการทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม
แล้วเราจะทำอย่างไร...เมื่อประชากรโลกยังคงเพิ่มขึ้นอยู่ สวนทางกับจำนวนทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด ข้อมูลจาก Statista ได้รายงานไว้ว่า ปัจจุบันประชากรโลกมีจำนวนกว่า 8 พันล้านคน และคาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 หมื่นล้านคนภายในปี 2080
ตัวเลขนี้ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจในหลากหลายมิติ หากพูดถึงด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติจะสะท้อนถึงความต้องการใช้ทรัพยากรที่เพิ่มขึ้น หรือเรียกได้ว่าเป็น ระบบเศรษฐกิจแบบเส้นตรง (Linear Economy) ที่มีการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด มาผลิตเป็นสินค้าและบริการ เมื่อใช้แล้วก็จะกลายเป็นของเสียหรือขยะ ไม่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีก
ปัญหาการใช้ทรัพยากรที่เกินขนาดเช่นนี้ กลายเป็นโจทย์ท้าทายที่หลายภาคส่วนให้ความสำคัญ จนเกิดเป็นแนวคิดการทำ “เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)” ที่ภาคการผลิตจะต้องมีการวางแผนและมีกระบวนการนำทรัพยากร วัสดุ และผลิตภัณฑ์ที่เหลือจากการผลิตและบริโภคทั้งหมด กลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ เพื่อให้เกิดของเสียและใช้ทรัพยากรใหม่ให้น้อยที่สุด โดยหนึ่งในแนวทางที่น่าสนใจ ก็คือ #การรีไซเคิล เพราะนอกจากจะเป็นวิธีการจัดการขยะเหลือทิ้งอย่างมีประสิทธิภาพ ยังเป็นแนวทางที่ช่วยแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างยั่งยืน
♻️ ด้วยความที่ทุกวันนี้เทคโนโลยีต่างๆ มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา กระบวนการรีไซเคิลจึงมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาให้ตอบโจทย์คนในสังคมและอุตสาหกรรมมากขึ้น NIA จึงได้รวบรวม #เทรนด์แห่งอนาคต ของการคัดแยกขยะและการรีไซเคิลที่น่าสนใจจากบริษัทชั้นนำที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีคัดแยกและรีไซเคิล มาให้ผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพที่สนใจร่วมสำรวจไปพร้อมๆ กัน ซึ่งจะมีเทรนด์อะไรที่น่าติดตามบ้าง ตามไปดูกัน
1. Deep Learning เมื่อปัญญาประดิษฐ์มีบทบาทในการคัดแยกขยะที่ซับซ้อนขึ้น
จากเดิมที่ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI สามารถคัดแยกขยะพื้นฐานได้ เช่น การคัดแยกตามประเภทหรือสีของวัสดุโดยใช้ระบบเซนเซอร์ แต่เมื่อเทคโนโลยีมีการพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงสามารถวิเคราะห์ขยะจากหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่สี แต่รวมถึงขนาด รูปร่าง และโครงสร้างของวัสดุ ทำให้กระบวนการคัดแยกมีความแม่นยำสูง ลดข้อผิดพลาดจากการคัดแยกโดยมนุษย์ และช่วยให้วัสดุที่ผ่านการคัดแยกสามารถเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. ติดตามขยะแบบ Real Time พร้อมระบุข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ
บทบาทของปัญญาประดิษฐ์ และ Cloud Computing ถือว่ามีส่วนสำคัญในการวิเคราะห์และเพิ่มความโปร่งใสในการคัดแยกขยะของโรงงานอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น บริษัทแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ มีการใช้ AI ตรวจสอบและรายงานข้อมูลของขยะบนสายพายแบบ Real Time โดยไม่เพียงวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน แต่ยังสามารถระบุถึงมูลค่า แบรนด์ผู้ผลิต และปริมาณก๊าซเรือนกระจก ซึ่งช่วยให้ข้อมูลจากกระบวนการรีไซเคิลถูกนำไปใช้ต่อยอดในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
3. European Packaging & Packaging Waste Regulation เป้าหมายใหม่ของบรรจุภัณฑ์ในปี 2025
European Packaging & Packaging Waste Regulation (PPWR) คือ กฎระเบียบด้านบรรจุภัณฑ์และขยะบรรจุภัณฑ์ของสหภาพยุโรป กำลังเข้ามาปรับมาตรฐานของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อย่างเข้มงวดขึ้น ด้วยกำหนดให้ 70% ของบรรจุภัณฑ์ ต้องสามารถนำมารีไซเคิลได้
ซึ่งกฎระเบียบนี้ทำให้ภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการจำหน่ายหรือเข้าสู่ตลาดยุโรปจำเป็นต้องวางแผนปรับตัวอย่างเร่งด่วน แต่สิ่งนี้ก็จะมีผลดีในเชิงการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงที่จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุน รวมถึงช่วยให้ราคาของวัสดุรีไซเคิลมีความเสถียรอีกด้วย
4. อะลูมิเนียมรีไซเคิลที่มีคุณภาพสูงจะกลายเป็นวัตถุที่อุตสาหกรรมต้องการ
อะลูมิเนียม คือวัสดุที่ได้รับความนิยมในแวดวงการผลิตมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้าง ชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์ไฟฟ้า และบรรจุภัณฑ์ต่างๆ แต่ด้วยกระบวนการผลิตที่มีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามาก จึงมีการเปลี่ยนมาใช้ “อะลูมิเนียมรีไซเคิล” ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ต่ำกว่าอะลูมิเนียมทั่วไปถึง 95% นอกจากนี้ยังช่วยลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิต ลดความจำเป็นในการขุดเหมืองแร่และมลพิษที่เกิดจากการขนส่งวัสดุ
5. การให้ความสำคัญกับวัสดุรีไซเคิลใหม่ๆ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก
แม้ว่าในปัจจุบันวัสดุหลายอย่างจะถูกนำมาพัฒนาในกระบวนการรีไซเคิลเป็นจำนวนมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีวัสดุอื่นๆ ที่ยังไม่ถูกนำมาเข้ากระบวนการเหล่านี้ เช่น ไม้ เสื้อผ้า หรือสิ่งทอต่างๆ ซึ่งอาจเกิดจากข้อจำกัดของเทคโนโลยีในปัจจุบัน หรือกำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนากระบวนการรีไซเคิล ดังนั้นการศึกษาและคอยพัฒนาสิ่งเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ จึงมีความสำคัญอย่างมากต่ออนาคตของการรีไซเคิล รวมถึงทำให้วัสดุเหลือทิ้งต่างๆ กลับมามีคุณค่าได้อีกครั้ง
🗑️ จะเห็นได้ว่าในบรรดากระบวนการรีไซเคิลทั้งหมดนั้น มีจุดร่วมสำคัญคือการ #คัดแยกขยะ เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปใช้งานต่อ ซึ่งสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ก็ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งสถาบันการศึกษาอย่างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL) และภาคเอกชนโดยกลุ่ม TRUE และผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจ Circular Economy ได้แก่ Oklin, Circular, Refun และ Recycoex
ดำเนินโครงการ “สถานีฉลาดทิ้งและนวัตกรรมเครื่องรับขยะอัจฉริยะ: Waste Wise Station” ที่ย่านนวัตกรรมปุณณวิถี เพื่อเป็นต้นแบบในการจัดการขยะเมืองด้วยนวัตกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ และพัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์ปัญหาสิ่งแวดล้อมและขยายโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน
👍🏻 สถานีฉลาดทิ้ง ได้รวบรวม 5 นวัตกรรมเครื่องรับขยะอัจฉริยะจากผู้ประกอบการไทย โดยเป็นจุดรวมนวัตกรรมคัด-แยก-ทิ้ง ขยะในเมือง ที่ช่วยให้การทิ้งขยะ เป็นเรื่องสนุก และได้ประโยชน์ เพื่อร่วมกันสร้างสังคมรีไซเคิลที่ยั่งยืน ลดขยะ ลดคาร์บอน พร้อมเปิดโอกาสให้องค์กร นักลงทุน และผู้ประกอบการที่สนใจในธุรกิจ ESG & Circular Economy ได้มาพบปะสร้างเครือข่ายร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศไทยให้มีความยั่งยืนต่อไป
สำหรับใครที่สนใจทดลองนำขยะไปรีไซเคิลที่ “สถานีฉลาดทิ้ง: Waste Wise Station” กับนวัตกรรมเครื่องรับขยะอัจฉริยะทั้ง 5 เครื่อง สามารถไปใช้งานได้แล้วที่ย่านนวัตกรรมปุณณวิถี ชั้น 1 True Digital Park (West)
อ้างอิงข้อมูลจาก:
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
