19 มี.ค. เวลา 03:09 • การศึกษา

หลักปฏิบัติ/ทางเพื่อพ้นทุกข์

# 1. บทนำ
ในศาสนาพุทธหลักธรรม เรื่อง "ทุกข์" ถือเป็นหัวใจสำคัญ และเป็นความจริงประการแรกในอริยสัจ ๔
คำว่า "ทุกข์" ในบริบทของพระพุทธศาสนา มีความหมายที่ลึกซึ้งและกว้างขวางกว่าความรู้สึกเจ็บปวดทางกายหรือความเศร้าโศกทางใจเพียงอย่างเดียว แม้ว่า "ทุกข์ (กาย)" จะหมายถึงความไม่สบายทางร่างกายและความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดจากการสัมผัสทางกาย และโดยทั่วไป "ทุกข์" อาจหมายถึง ความไม่สบายกายและไม่สบายใจที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ในระดับที่ลึกซึ้งกว่านั้น "ทุกข์" หรือ "ทุกฺข" ในภาษาบาลีหมายถึง สภาพที่ทนอยู่ในสภาพเดิมได้ยาก สภาวะนี้ครอบคลุมถึงสังขารทั้งปวง หรือขันธ์ ๕ ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองทุกข์
นักวิชาการและผู้ปฏิบัติธรรมในปัจจุบัน ได้อธิบายความหมายของ "ทุกข์" ในหลากหลายแง่มุม บางครั้งถูกแปลว่า "ความทุกข์" (suffering) แต่ในหลายบริบทก็ถูกเน้นย้ำว่าเป็น "ความไม่พึงพอใจ" (unsatisfactoriness) หรือ "ความไม่สบาย" (discontentment) ที่แทรกซึมอยู่ในทุกสภาวะของชีวิต ความไม่พึงพอใจนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประสบการณ์ด้านลบ แต่ยังรวมถึงความสุขที่ไม่ยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถควบคุมได้
ความเข้าใจในธรรมชาติที่แท้จริงของทุกข์ จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการแสวงหาหนทางแห่งการหลุดพ้น
รายงานฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายหลักปฏิบัติสำคัญในพระพุทธศาสนา ที่นำไปสู่การพ้นจากทุกข์ โดยจะเน้นที่อริยสัจ ๔ และมรรคมีองค์ ๘ ซึ่งเป็นแก่นธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้เพื่อเป็นแนวทางในการดับทุกข์อย่างถาวร
# 2. ความเข้าใจในธรรมชาติของทุกข์ (ทุกขัง)
ความทุกข์ในทางพระพุทธศาสนา มีความหมายที่ครอบคลุมประสบการณ์ต่างๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บป่วย ความแก่ ความตาย ความเศร้าโศก การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก หรือความปรารถนาที่ไม่สมหวัง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอาการของทุกข์ที่ปรากฏให้เห็นได้ชัดเจน
นอกจากนี้ พระพุทธศาสนายังได้จำแนกทุกข์ออกเป็น ๓ ประเภทหลัก เพื่อให้เข้าใจถึงความซับซ้อนของสภาวะนี้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
1) ประเภทแรก คือ ทุกขทุกข์ (Dukkha-dukkha) หรือทุกข์โดยตรง ซึ่งหมายถึง ความรู้สึกไม่สบายกายและไม่สบายใจโดยทั่วไป เช่น ความเจ็บปวด ความป่วยไข้ หรือความทุกข์ทางอารมณ์ ทุกข์ประเภทนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องประสบ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่
2) ประเภทที่สอง คือ วิปริณามาทุกข์ (Viparinama-dukkha) หรือทุกข์อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลง หมายถึง ความทุกข์ที่เกิดขึ้นเมื่อความสุขหรือสิ่งที่น่าพึงพอใจเปลี่ยนแปลงไปและไม่สามารถคงอยู่ได้ตลอดไป เนื่องจากทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนตกอยู่ภายใต้กฎแห่งความไม่เที่ยง (อนิจจัง) ความสุขจึงเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน เมื่อความสุขนั้นหมดไปจึงนำมาซึ่งความรู้สึกไม่พอใจหรือเป็นทุกข์ได้
3) ประเภทที่สาม คือ สังขารทุกข์ (Sankhara-dukkha) หรือทุกข์อันเกิดจากสภาวะที่ถูกปรุงแต่ง หมายถึง ความไม่สมบูรณ์และความไม่เที่ยงแท้ที่แทรกซึมอยู่ในทุกสรรพสิ่ง ที่มีปัจจัยปรุงแต่ง ในระดับที่ลึกซึ้งที่สุด สังขารทุกข์เกี่ยวข้องกับความยึดมั่นในขันธ์ ๕ ซึ่งเป็นองค์ประกอบของความเป็นตัวตน เนื่องจากขันธ์ ๕ มีความไม่เที่ยงและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การเข้าไปยึดมั่นในสิ่งเหล่านี้จึงนำมาซึ่งความทุกข์
ความสัมพันธ์ระหว่างทุกข์กับ ขันธ์ ๕ เป็นประเด็นสำคัญในการทำความเข้าใจธรรมชาติของทุกข์ ขันธ์ ๕ ประกอบด้วย รูป (ร่างกายและสสาร) เวทนา (ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือเฉยๆ) สัญญา (ความจำและการรับรู้) สังขาร (ความคิดและการปรุงแต่งทางจิต) และวิญญาณ (ความรู้แจ้ง)
พระพุทธเจ้าทรงสรุปว่าโดยย่อแล้ว ทุกข์ก็คืออุปาทานขันธ์ หรือขันธ์ ๕ ที่ถูกยึดมั่น นั่นหมายความว่า ความทุกข์ไม่ได้มาจากภายนอกตัวเราเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกิดจากการที่เราเข้าไปยึดมั่นในองค์ประกอบต่างๆ ของความเป็นตัวเรา ซึ่งมีความไม่เที่ยงและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
การตระหนักว่าขันธ์ ๕ เป็นสภาพที่ทนอยู่ในสภาพเดิมได้ยากและเป็นที่ตั้งแห่งความทุกข์ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการแสวงหาหนทางพ้นทุกข์
# 3. กรอบแนวคิดพื้นฐาน: อริยสัจ ๔
อริยสัจ ๔ เป็นหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และแสดงเป็นครั้งแรก หลักธรรมนี้เปรียบเสมือนกระบวนการวินิจฉัยและรักษาโรค โดยเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจปัญหา (ทุกข์) ค้นหาสาเหตุของปัญหา (สมุทัย) ตระหนักถึงความเป็นไปได้ของการดับปัญหา (นิโรธ) และสุดท้ายคือการปฏิบัติตามหนทางเพื่อดับปัญหานั้น (มรรค)
3.1 ทุกข์ (ทุกขอริยสัจ)
อริยสัจข้อแรก คือ ทุกข์ ซึ่งเป็นการยอมรับความจริงว่า ชีวิตนั้นเต็มไปด้วยความไม่พึงพอใจและความทุกข์ในรูปแบบต่างๆ พระพุทธเจ้าทรงแจกแจงลักษณะของทุกข์ไว้มากมาย เช่น ความเกิดเป็นทุกข์ ความแก่เป็นทุกข์ ความเจ็บเป็นทุกข์ ความตายเป็นทุกข์ ความเศร้าโศก ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ความไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา และโดยสรุปคือ ความยึดมั่นในขันธ์ ๕ เป็นทุกข์
การตระหนักถึงความจริง ข้อนี้ไม่ใช่การมองโลกในแง่ร้าย แต่เป็นการเผชิญหน้ากับความเป็นจริงของชีวิตอย่างตรงไปตรงมา เพื่อที่จะสามารถหาวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้
3.2 สมุทัย (ทุกขสมุทัยอริยสัจ)
อริยสัจข้อที่สอง คือ สมุทัย ซึ่งหมายถึง สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ พระพุทธเจ้าทรงชี้ว่า สาเหตุหลักของทุกข์คือ ตัณหา หรือความอยาก ตัณหามี ๓ ประเภทหลัก คือ กามตัณหา (ความอยากในกามารมณ์) ภวตัณหา (ความอยากเป็นโน่นเป็นนี่) และวิภวตัณหา (ความอยากไม่เป็นโน่นเป็นนี่) ความอยากเหล่านี้เป็นผลมาจาก อวิชชา (ความไม่รู้) ซึ่งทำให้เราเข้าใจผิดเกี่ยวกับธรรมชาติของความเป็นจริง และนำไปสู่ความยึดมั่นในสิ่งที่ไม่ยั่งยืน
ความเพลิดเพลินและความกำหนัดในอารมณ์ต่างๆ ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดตัณหาและนำไปสู่ความทุกข์
3.3 นิโรธ (ทุกขนิโรธอริยสัจ)
อริยสัจข้อที่สามคือ นิโรธ ซึ่งหมายถึง ความดับทุกข์ ภาวะแห่งการดับทุกข์นี้คือ นิพพาน ซึ่งเป็นสภาวะที่ตัณหาดับไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีความยึดมั่น ไม่มีความเศร้าโศก และเป็นอิสระจากวงจรของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย นิโรธไม่ใช่เพียงแค่การบรรเทาทุกข์ชั่วคราว แต่เป็นการดับทุกข์อย่างถาวรด้วยการละทิ้งตัณหาและความยึดมั่นทั้งปวง
การเข้าถึงนิโรธ เป็นเป้าหมายสูงสุดของการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา
3.4 มรรค (ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ)
อริยสัจข้อที่สี่คือ มรรค ซึ่งหมายถึง หนทางหรือข้อปฏิบัติที่นำไปสู่การดับทุกข์ หนทางนี้คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ หรือ มรรคมีองค์ ๘ ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่เป็นระบบและครอบคลุมทุกด้านของการดำเนินชีวิต มรรคมีองค์ ๘ ประกอบด้วย สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ
การปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘ อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ จะนำไปสู่การดับตัณหาและความทุกข์ในที่สุด
ความสัมพันธ์ระหว่างอริยสัจ ๔ กับกิจที่ต้องปฏิบัติในแต่ละข้อมีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจหลักธรรมนี้ ทุกข์ควรกำหนดรู้ (ปริญญา) สมุทัยควรละ (ปหานะ) นิโรธควรทำให้แจ้ง (สัจฉิกิริยา) และมรรคควรเจริญให้มาก (ภาวนา)
ตารางต่อไปนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างอริยสัจ ๔ และกิจที่ต้องปฏิบัติ:
อริยสัจ (ภาษาไทย) | อริยสัจ (แปลอังกฤษ) | กิจ (ภาษาไทย) | กิจ (แปลอังกฤษ)
ทุกข์ The Truth of Suffering | ปริญญา | To be fully understood
สมุทัย The Truth of the Origin of Suffering | ปหานะ | To be abandoned
นิโรธ The Truth of the Cessation of Suffering | สัจฉิกิริยา | To be realized
มรรค The Truth of the Path to the Cessation of Suffering | ภาวนา | To be developed
# 4. หนทางสู่ความหลุดพ้น: มรรคมีองค์ ๘
มรรคมีองค์ ๘ เป็นหนทางปฏิบัติที่เป็นขั้นตอนและบูรณาการ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติสามารถดับทุกข์ได้อย่างแท้จริง หนทางนี้แบ่งออกเป็น ๓ หมวดหลัก คือ ปัญญา (Wisdom) ศีล (Ethical Conduct) และสมาธิ (Mental Discipline)
4.1 ปัญญา (Wisdom)
หมวดปัญญาประกอบด้วยหลักปฏิบัติ ๒ ข้อแรก ซึ่งเน้นการพัฒนาความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับธรรมชาติของความเป็นจริงและทุกข์
— สัมมาทิฏฐิ (Right Understanding): หมายถึงความเข้าใจที่ถูกต้องในอริยสัจ ๔ และธรรมชาติของทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ และหนทางไปสู่ความดับทุกข์ การมีสัมมาทิฏฐิเป็นพื้นฐานสำคัญในการปฏิบัติธรรม เพราะจะช่วยให้เรามองเห็นความเป็นจริงตามที่มันเป็น ไม่ถูกครอบงำด้วยความเข้าใจผิดหรือความหลง
— สัมมาสังกัปปะ (Right Thought): หมายถึงความคิดที่ถูกต้องและเป็นกุศล ได้แก่ ความคิดที่ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง และความคิดที่ประกอบด้วยเมตตา กรุณา และการไม่เบียดเบียน การฝึกคิดในทางที่ถูกต้องจะช่วยชำระจิตใจให้บริสุทธิ์จากอกุศลและความคิดที่เป็นเหตุแห่งทุกข์

4.2 ศีล (Ethical Conduct)
หมวดศีลประกอบด้วยหลักปฏิบัติ ๓ ข้อถัดมา ซึ่งเน้นการควบคุมพฤติกรรมทางกาย วาจา และการประกอบอาชีพให้อยู่ในครรลองของความดีงามและไม่เบียดเบียนผู้อื่น
— สัมมาวาจา (Right Speech): หมายถึงการพูดจาที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ ได้แก่ การพูดความจริง การพูดด้วยความสุภาพและอ่อนโยน การพูดในสิ่งที่สร้างสรรค์และก่อให้เกิดความสามัคคี และการไม่พูดจาส่อเสียด ยุยง หรือหยาบคาย
— สัมมากัมมันตะ (Right Action): หมายถึงการกระทำที่ถูกต้องและไม่เบียดเบียนผู้อื่น ได้แก่ การไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ และไม่ประพฤติผิดในกาม **การกระทำที่ถูกต้องเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความสงบสุขทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น
—สัมมาอาชีวะ (Right Livelihood): หมายถึงการประกอบอาชีพที่ถูกต้องและไม่ผิดศีลธรรม ไม่เบียดเบียนผู้อื่น หรือก่อให้เกิดความทุกข์แก่สัตว์และเพื่อนมนุษย์ **การมีอาชีพที่สุจริตเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องตามหลักธรรม

4.3 สมาธิ (Mental Discipline)
หมวดสมาธิประกอบด้วยหลักปฏิบัติ ๓ ข้อสุดท้าย ซึ่งเน้นการฝึกฝนจิตใจให้มีสมาธิ มั่นคง และเกิดปัญญา
—สัมมาวายามะ (Right Effort): หมายถึงความเพียรพยายามที่ถูกต้องในการละอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว และป้องกันไม่ให้อกุศลธรรมใหม่เกิดขึ้น รวมถึงการสร้างกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด และรักษาและพัฒนาให้กุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วเจริญยิ่งขึ้น
— สัมมาสติ (Right Mindfulness): หมายถึงการมีสติระลึกรู้ในปัจจุบันขณะอย่างต่อเนื่อง โดยการสังเกตความคิด ความรู้สึก สภาวะทางกาย และสภาวะทางจิตใจ โดยไม่ตัดสินหรือเข้าไปยึดมั่น **การฝึกสัมมาสติจะช่วยให้เราเห็นความเป็นจริงของสิ่งต่างๆ อย่างชัดเจน
— สัมมาสมาธิ (Right Concentration): หมายถึงการมีจิตใจที่ตั้งมั่นและมีสมาธิแน่วแน่ในอารมณ์เดียว การฝึกสมาธิจะช่วยให้จิตใจสงบจากความวุ่นวายและความคิดฟุ้งซ่าน และเป็นพื้นฐานในการพัฒนาปัญญาและญาณทัสนะ.
ตารางต่อไปนี้ สรุปองค์ประกอบของมรรคมีองค์ ๘ และหมวดธรรมที่เกี่ยวข้อง
องค์มรรค (ภาษาไทย) | องค์มรรค (แปลอังกฤษ) | หมวดธรรม
สัมมาทิฏฐิ Right Understanding ปัญญา (Wisdom)
สัมมาสังกัปปะ Right Thought ปัญญา (Wisdom)
สัมมาวาจา Right Speech ศีล (Ethical Conduct)
สัมมากัมมันตะ Right Action ศีล (Ethical Conduct)
สัมมาอาชีวะ Right Livelihood ศีล (Ethical Conduct)
สัมมาวายามะ Right Effort สมาธิ (Mental Discipline)
สัมมาสติ Right Mindfulness สมาธิ (Mental Discipline)
สัมมาสมาธิ Right Concentration สมาธิ (Mental Discipline)
# 5. การทำงานร่วมกันของหลักธรรม
ความเข้าใจในเรื่องทุกข์ อริยสัจ ๔ และมรรคมีองค์ ๘ เป็นระบบที่บูรณาการและทำงานร่วมกันอย่างเป็นเหตุเป็นผล การตระหนักถึงความจริงของทุกข์ (ทุกขอริยสัจ) เป็นแรงจูงใจให้เราแสวงหาสาเหตุของทุกข์ (ทุกขสมุทัยอริยสัจ) เมื่อทราบถึงสาเหตุแล้ว เราจึงมุ่งมั่นที่จะดับสาเหตุนั้น (ทุกขนิโรธอริยสัจ) โดยการปฏิบัติตามหนทางที่พระพุทธเจ้าทรงชี้แนะ (ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ)
การปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ อย่างสม่ำเสมอจะนำไปสู่การพัฒนาปัญญา ศีล และสมาธิ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไปในการชำระล้างจิตใจจากกิเลส ตัณหา และอวิชชา เมื่อความเข้าใจผิดและความยึดมั่นในสิ่งที่ไม่เที่ยงคลายลง ความทุกข์ก็จะลดน้อยลงจนกระทั่งดับไป
นอกจากนี้ หลักกรรม (Karma) ยังมีบทบาทสำคัญในการทำความเข้าใจวงจรของทุกข์ กรรมคือการกระทำทั้งทางกาย วาจา และใจ ซึ่งส่งผลให้เกิดวิบากหรือผลของการกระทำนั้นๆ การกระทำที่เป็นกุศลจะนำมาซึ่งผลที่ดีและความสุข ในขณะที่การกระทำที่เป็นอกุศลจะนำมาซึ่งผลที่ไม่ดีและความทุกข์ การเข้าใจในหลักกรรมจึงเป็นแรงจูงใจให้เราประพฤติในสิ่งที่ถูกต้องตามหลักศีลธรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมรรคมีองค์ ๘ และนำไปสู่การลดละความทุกข์ในที่สุด
# 6. บทสรุป
หลักปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ในพระพุทธศาสนาสรุปได้ คือ การทำความเข้าใจในธรรมชาติของทุกข์ ยอมรับความจริงตามหลักอริยสัจ ๔ และปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘ อย่างจริงจังและต่อเนื่อง
การเริ่มต้นด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง (สัมมาทิฏฐิ) นำไปสู่ความคิดที่ถูกต้อง (สัมมาสังกัปปะ) และแสดงออกเป็นการกระทำที่ถูกต้องทั้งทางกาย วาจา และการประกอบอาชีพ (สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ) ควบคู่ไปกับการฝึกฝนจิตใจให้มีความเพียรที่ถูกต้อง (สัมมาวายามะ) มีสติระลึกรู้ในปัจจุบัน (สัมมาสติ) และมีสมาธิตั้งมั่น (สัมมาสมาธิ) จะนำไปสู่การดับตัณหาและความยึดมั่น ซึ่งเป็นสาเหตุของความทุกข์ทั้งปวง
การปฏิบัติตามหลักธรรมเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอและด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้ จะเป็นหนทางที่นำไปสู่ความสงบสุขที่แท้จริง และการหลุดพ้นจากวงจรแห่งความทุกข์ หรือนิพพานในที่สุด.
# อ้างอิง : แหล่งข้อมูลที่ใช้ในรายงานฉบับนี้
ทุกข์ - วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
รู้จัก ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค พื้นฐานหลักธรรมของพระพุทธศาสนา - ไทยรัฐออนไลน์
What is Dukkha? : r/Buddhism - Reddit
“ทุกข์” ในศาสนาพุทธ
ค้นคำว่า ทุกข์ ในพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ - 84000 พระ ธรรมขันธ์
ทุกข์(ธรรมที่ควรรู้)
Duḥkha - Wikipedia
Dukkha | Suffering, Impermanence, Four Noble Truths - Britannica
What Is Dukkha? Understanding Suffering in Buddhism - Insight Timer
Topics Connected with Buddhism: Topic 7: Dukkha | PLC - Pariyatti Learning Center
Three Kinds of Dukkha Explained - Lion's Roar
The Five Aggregates - Spirit Rock Meditation Center
Five Aggregates | Buddhism.net
Introduction -2 – The Three Categories Of Suffering | Pure Dhamma
Skandha - Wikipedia
What does it mean when the Buddha says "In short, the five clinging aggregates are suffering." : r/Buddhism - Reddit
Buddhism's Three Types of Suffering (What Are They?) - Mindworks Meditation
แก่นที่มาหลักธรรม "อริยสัจ 4" ความหมายคืออะไร พร้อมตัวอย่างการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
อริยสัจ 4 - วิกิพีเดีย
อริยสัจ ๔ - มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
อริยสัจ 4 กับการพัฒนาองค์การ the four noble truths and organization development - มหาวิทยาลัยธนบุรี
Basics of Buddhism - PBS
Introduction to Buddhism | FSI - SPICE - Stanford
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
The Four Noble Truths: the essence of Buddhism - University of Hawaii System
The Four Noble Truths - Spirit Rock Meditation Center
An Explanation of the Four Noble Truths and a Public Talk to Begin His Holiness the Dalai Lama's Visit to New Zealand
#ชีวิตสำคัญที่เป้าหมาย วิธีคิด และการกระทำ
โฆษณา