Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
aomMONEY
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
19 มี.ค. เวลา 13:00 • หนังสือ
หนังสือ 10 เล่มที่เศรษฐีพันล้านแนะนำให้อ่านตำราที่พวกเขายกให้เป็นหัวใจของความสำเร็จ
“การอ่านหนังสือ” คือนิสัยอย่างหนึ่งของเศรษฐีและคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มีเหมือนกันไม่ว่าอยู่ตรงไหนของโลกและทำงานด้านไหนก็ตาม ซึ่งเชื่อว่าหลายคนก็อยากรู้ว่าหนังสือที่คนเหล่านั้นอ่านมีเล่มไหนที่น่าสนใจบ้าง แต่การจะไปค้นหาข้อมูลหรือสอบถามเศรษฐีผู้ร่ำรวยแต่ละคนนั้นว่ามีหนังสืออะไรที่อยากแนะนำให้อ่านบ้างก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ริชาร์ด รีด (Richard Reid) และ อนุรัก แรมดาสัน (Anurag Ramdasan) จึงสร้างเว็บไซต์ “Most Recommended Books” เพื่อมาตอบคำถามนี้ รวบรวมลิสต์หนังสือที่คนที่มีอิทธิพลทางด้านต่าง ๆ แนะนำ แยกเป็นลิสต์ เป็นหมวดหมู่ ตามบุคคล เพื่อให้ค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น
วันนี้เราจะมาดูหนังสือ 10 เล่มที่เศรษฐีพันล้าน (Billionaires) แนะนำให้อ่านกัน
➡️1. Sapiens : A Brief History of Mankind (เซเปียนส์ ประวัติย่อมนุษยชาติ)
“คุณไม่มีทางโน้มน้าวให้ลิงมอบกล้วยกับคุณได้โดยสัญญาว่ามันจะได้กล้วยอย่างไม่จำกัดหลังจากตายขึ้นสวรรค์ของลิง”
● ยูวาล โนอา ฮารารี่ (Yuval Noah Harari)
เล่มนี้อาจจะไม่ต้องแนะนำอะไรกันมากเพราะโด่งดังมาก ๆ อยู่แล้ว บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่ของมนุษย์นับตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นลิงไร้หางที่ไร้ซึ่งความสำคัญใด ๆ จนมาเป็นผู้ครอบครองโลกอย่างในทุกวันนี้ ซึ่งหนังสือเล่มนี้เขียนได้อย่างน่าติดตาม มีการเล่าเรื่องที่สนุกและเห็นภาพชัดเจน เศรษฐีพันล้านที่แนะนำเล่มนี้ก็มีทั้ง ริชาร์ด แบรนสัน (Richard Branson), เรย์ ดาลิโอ (Ray Dalio), บิล เกตส์ (Bill Gates) และ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg)
หนังสือเล่มนี้บรรยายประวัติศาสตร์ ตั้งแต่มนุษย์กลุ่มแรกไปจนถึงการปฏิวัติทางปัญญา เกษตรกรรม และวิทยาศาสตร์ ผู้เขียนสำรวจว่าเหตุการณ์ปัจจุบันหล่อหลอมสังคมมนุษย์ สัตว์และพืชรอบตัวเรา และแม้แต่บุคลิกภาพของเราอย่างไร มันทำให้เราสงสัยว่าเรามีความสุขมากขึ้นรึเปล่าเมื่อประวัติศาสตร์ค่อย ๆ ดำเนินไปเรื่อย ๆ พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่บรรพบุรุษของเรามาจนถึงตอนนี้ และสิ่งที่เราทำในตอนนี้จะมีอิทธิพลต่ออนาคตยังไง
2
➡️2. Principles: Life and Work
“ยิ่งใหญ่ดีกว่าห่วยแตก และห่วยแตกก็ดีกว่าครึ่ง ๆ กลาง ๆ เพราะอย่างน้อยห่วยแตกก็ทำให้ชีวิตมีรสชาติ”
● เรย์ ดาลิโอ (Ray Dalio)
หนังสือเล่มนี้แนะนำโดยเศรษฐีพันล้านอย่าง ดรูว์ ฮิวสตัน (Drew Houston), แจ็ค ดอร์ซีย์ (Jack Dorsey), ดัสติน มอสโควิส (Dustin Moskovitz) และโฮเวิร์ด มาร์ค (Howard S. Marks)
เรย์ ดาลิโอ คือผู้ก่อตั้งบริษัทการลงทุน Bridgewater Associates ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ในหนังสือเล่มนี้เขาก็ได้แบ่งปันสิ่งที่ได้เรียนรู้ตลอดอาชีพการงานที่โดดเด่น
หลักการที่เขาใช้พัฒนาตัวเอง ขัดเกลาความคิดมาตลอด 40 ปี เพื่อสร้างผลลัพธ์อันโดดเด่นในสายอาชีพการงานและชีวิต นอกจากนี้ เขาให้เหตุผลว่าชีวิต การจัดการ เศรษฐกิจ และการลงทุนสามารถจัดระบบเป็นกฎและเข้าใจได้เป็นข้อ ๆ และทำตามได้จริง ๆ
➡️3. High Output Management [ยังไม่มีแปลไทย]
4
“ความจริงก็คือว่าถ้าคุณไม่รู้ว่าต้องการอะไร คุณก็ไม่มีทางจะได้มันมา”
● แอนดรูว์ โกรฟ (Andrew Grove)
หนังสือเล่มนี้แนะนำโดยเศรษฐีพันล้านอย่าง ไบรอัน อาร์มสตรอง (Brian Armstrong), ไบรอัน เชสกี (Brian Chesky), รอน คอนเวย์ (Ron Conway) และ แลร์รี เอลลิสัน (Larry Ellison)
ทักษะที่สำคัญในการเริ่มต้นและดำเนินธุรกิจ ซึ่งถือว่าเป็นศิลปะของการเป็นผู้ประกอบการก็คือเรื่อง “การจัดการ” หนังสือ High Output Management ซึ่งโกรฟพัฒนาขึ้นจากประสบการณ์การทำงานในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำแห่งหนึ่งของอเมริกา เหมาะสำหรับ CEO, ผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัป, ผู้จัดการฝ่ายขาย, นักบัญชี, ที่ปรึกษา และใครก็ตามที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องการบริหารงานธุรกิจ
เป็นหนังสือที่นำเสนอแนวทางปฏิบัติในการแก้ไขสถานการณ์ธุรกิจที่เกิดขึ้นจริงและช่วยให้เราทำงานได้ดียิ่งขึ้น ผู้เขียนได้อธิบายเทคนิคต่างๆ ในการสร้างทีมที่มีประสิทธิผลสูงและวิธีการสร้างแรงจูงใจที่นำไปสู่ประสิทธิภาพสูงสุดด้วย
➡️4. Atlas Shrugged [ยังไม่มีแปลไทย]
“ความขัดแย้งไม่มีอยู่จริง เมื่อใดก็ตามที่คุณคิดว่าคุณกำลังเผชิญกับความขัดแย้ง ให้ตรวจสอบสมมติฐานต่าง ๆ ของคุณแล้วจะพบว่าหนึ่งในนั้นไม่ถูกต้อง”
● ไอน์ แรนด์ (Ayn Rand)
นวนิยายเล่มนี้แนะนำโดย มาร์ค คิวบาน (Mark Cuban), อีลอน มัสก์ (Elon Musk), ปีเตอร์ ธีล (Peter Thiel) และ อีแวน วิลเลียมส์ (Ev Williams)
ไอน์ แรนด์ นักเขียนชาวรัสเซียอเมริกันที่มีชื่อเสียงจากการเขียนนิยายและการพัฒนาระบบปรัชญาวัตถุพิสัย (Objectivism) ที่พรรณนาถึง “แนวคิดของมนุษย์ในฐานะวีรบุรุษ โดยมีความสุขเป็นจุดมุ่งหมายทางศีลธรรมของชีวิต”
หนังสือเล่มนี้เป็นนวนิยายแนวดิสโทเปียเกี่ยวกับสหรัฐอเมริกาในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำยาวนาน ภัยพิบัติทางอุตสาหกรรม และราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ที่ซึ่งทางรถไฟกลายเป็นรูปแบบการขนส่งที่คนคุ้นเคยมากที่สุด ซึ่งเธอได้ทดสอบแนวคิดแบบวัตถุพิสัยในนวนิยายเรื่องนี้ผ่านเรื่องราวอุบัติเหตุครั้งใหญ่บนเส้นทางรถไฟที่ใหญ่ที่สุดของเมือง ทำให้โครงเรื่องเต็มไปด้วยอุบาย ดราม่า ความรัก และความขัดแย้งทางการเมือง
➡️5. The Hard Thing About Hard Things (เมื่อไม่มีเส้นทางที่ง่ายในการทำธุรกิจ)
“สิ่งที่ยากมันยากเพราะไม่มีคำตอบหรือสูตรสำเร็จที่ง่าย มันยากเพราะอารมณ์ของคุณขัดแย้งกับตรรกะ มันยากเพราะคุณไม่รู้คำตอบและไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือโดยไม่แสดงความอ่อนแอออกมาได้”
● เบน โฮโรวิตซ์ (Ben Horowitz)
เล่มนี้แนะนำโดย แลร์รี เพจ (Larry Page), คีธ ราบัวส์ (Keith Rabois), ปีเตอร์ ธีล และ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก
โฮโรวิตซ์ร่วมก่อตั้ง Netscape และ Oswear ภายหลังถูกซื้อโดยบริษัท Hewlett Packard ในราคากว่า 1,500 ล้านเหรียญ และก่อตั้งบริษัท Andreessen Horowitz ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนที่มีสินทรัพย์ 28,200 ล้านเหรียญ โดยบริษัทของเขาก็จะช่วยวิเคราะห์ปัญหาที่ผู้นำทุกคนเผชิญหน้าและแชร์ความเชี่ยวชาญเรื่องการจัดการ เข้าซื้อ/ขาย และดูแลบริษัทเทคโนโลยี
หนังสือเล่มนี้จะเป็นการแชร์บทเรียนจากประสบการณ์ที่เขาพบเจอมา ตั้งแต่การปลดพนักงานที่เป็นเพื่อนกันออก การทำลายคู่แข่งทางการค้า และเรียนรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะขายบริษัท นอกจากนี้เราก็จะได้เรียนรู้ว่าไม่มีเส้นทางที่ง่ายในการทำธุรกิจเลยแต่ก็ยังมีวิธีจัดการกับมันได้อยู่ และจะขอความช่วยเหลือโดยไม่แสดงความอ่อนแอได้ยังไงกัน
➡️6. Poor Charlie’s Almanack [ยังไม่มีแปลไทย]
เล่มนี้แนะนำโดย มาร์ค อันดรีสเซ่น (Marc Andreessen), วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffet), แพทริก คอลลิสัน (Patrick Collison), ดาเนียล เอ็ค (Daniel Ek), บิล เกตส์ และ ดรูว์ ฮิวสตัน (Drew Houston)
เรื่องราวของหุ้นส่วนที่ยาวนานทางธุรกิจของบัฟเฟตต์ที่บริษัท Berkshire Hathaway หนังสือเล่มนี้รวบรวมเนื้อหาภูมิปัญญาของ ชาร์ลี มังเกอร์ (Charles Munger) มีทั้งสุนทรพจน์ บทเรียน ข้อมูลเชิงลึก เอกสารอ้างอิง และเรื่องส่วนตัว รวบรวมและเรียบเรียงโดย ปีเตอร์ คอฟแมน (Peter Kaufman) มีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับธุรกิจ การลงทุน และชีวิต พร้อมด้วยอารมณ์ขันเล็กน้อยแถมมาด้วย นอกจากนี้ยังมีทักษะทางจิตวิทยาที่จำเป็นเพื่อให้การลงทุนง่ายขึ้นด้วย
1
➡️7. Blitzscaling (รุกเร็ว โตไว ด้วยกลยุทธ์ธุรกิจสายฟ้าแลบ)
3
เล่มนี้แนะนำโดย ไบรอัน เชสกี, วิโนต โคส์ลา (Vinod Khosla), เชอริล แซนด์เบิร์ก (Sheryl Sandberg), เอริก ชมิดต์ (Eric Schmidt) และ ฉางเผิง จ้าว (Changpeng Zhao)
รีด ฮอฟฟ์แมน (Reid Hoffman) ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง
SocialNet.com
และ LinkedIn ได้อธิบายถึงไอเดียของการสร้างธุรกิจให้โตอย่างรวดเร็วที่เรียกว่า “Blitzscaling” โดยอธิบายว่าไม่ใช่แค่การเพิ่มรายได้และฐานลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการปรับขนาดและช่วยให้องค์กรทำงานในระดับสูงในขณะที่เผชิญกับการเติบโตที่รวดเร็วมากยังไงด้วย บิล เกตส์ ก็มาเขียนแนะนำหนังสือเล่มนี้ด้วย
➡️8. Only the Paranoid Survive (ผู้ตื่นตัวเท่านั้นที่อยู่รอด - มีแปลไทยแต่หายากแล้ว)
“เราอยู่ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีรวดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เกิดคลื่นที่แผ่ขยายออกไปสู่ทุกอุตสาหกรรม อัตราการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลกระทบต่อคุณไม่ว่าคุณจะทำงานอะไรก็ตาม”
● แอนดรูว์ โกรฟ
เล่มนี้แนะนำโดย มาร์ค อันดรีสเซ่น, เจมี ดิมอน (Jamie Dimon), บิล เกตส์, สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs), วิโนต โคส์ลา และ ชาร์ลี มังเกอร์
เคยคิดไหมครับว่าจะทำอย่างไรถ้าต้องปรับเปลี่ยนบริษัทของคุณในชั่วข้ามคืนเพื่อปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น?
ในหนังสือ “ผู้ตื่นตัวเท่านั้นที่อยู่รอด” โกรฟอดีตซีอีโอของบริษัท Intel อธิบายว่าบริษัทต่างๆ ต้องเตรียมพร้อมและเฝ้าระวังอันตรายที่อาจมาจากทุกมุม เพราะการจับตาดูไม่เพียงพออีกต่อไป
➡️9. The Innovator’s Dilemma (วิกฤตนวัตกร - มีแปลไทยแต่ก็หายากเช่นกัน)
“ในการประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ผู้จัดการที่ดีต้องมีทักษะไม่เพียงแค่ในการเลือก ฝึกอบรม และจูงใจคนที่เหมาะสมสำหรับงานที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังต้องเลือก สร้าง และเตรียมองค์กรที่เหมาะสมสำหรับงานด้วย”
● เคลย์ตัน คริสเตนเซน (Clayton M. Christensen)
สำหรับเล่มนี้มีเศรษฐีพันล้านที่แนะนำคือ มาร์ค เบนิออฟ (Mark Benioff), เจฟฟ์ เบโซส์ (Jeff Bezos), มาร์ค คิวบาน, ดรูว์ ฮิวสตัน, สตีฟ จอบส์ และ อีแวน วิลเลียมส์
วิกฤตนวัตกรอธิบายถึงวิธีการที่ธุรกิจจะใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เต็มที่อย่างไร รวมไปถึงอธิบายเหตุผลว่าเหตุใดบริษัทที่ประสบความสำเร็จทำทุกอย่างได้ถูกต้อง แต่สุดท้ายกลับสูญเสียความเป็นผู้นำในตลาดหรือหายไปโดยสิ้นเชิงได้ด้วย
➡️10. Play Nice But Win (ยังไม่มีแปลไทย)
1
“หากคุณต้องการคงไว้ซึ่งความเป็นเลิศในระยะยาว คุณควรหาระบบที่ใช้งานได้ดี ใครๆ ก็วิ่งเร็วได้แป๊บหนึ่ง แต่คุณไม่สามารถวิ่งได้นานถึงสี่สิบปี”
● ไมเคิล เดลล์ (Michael Dell)
เล่มนี้แนะนำโดย บิล เกตส์, เรย์ ดาลิโอ, ริชาร์ด แบรนสัน, มาร์ค เบนิออฟ, เชอริล แซนด์เบิร์ก และ เอริก ชมิดต์
นี่คือเรื่องราวของ ไมเคิล เดลล์ ที่ดรอปเอาต์จากมหาวิทยาลัยกลางคัน สร้างธุรกิจธพีซีจนสำเร็จและยิ่งใหญ่ 30 ปีต่อมาหลังจากวันที่ตัดสินใจเริ่มทำธุรกิจ ณ จุดสูงสุดของความสำเร็จในฐานะผู้ก่อตั้งและผู้นำของ Dell Technologies เขาก็พบว่าตัวเองต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของบริษัท สิ่งที่เขาจะทำต่อจากนั้นถ้าไม่สำเร็จก็คงไม่มีทางกลับมาได้อีกแล้ว
หนังสือ Play Nice But Win เป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นการต่อสู้สามครั้งของ Dell Technologies ครั้งแรกตอนที่เปิดตัว ครั้งที่สองคือการทำให้มันเติบโต และครั้งสุดท้ายเพื่อการเปลี่ยนแปลง นี่เป็นครั้งแรกที่เดลล์ได้เปิดเผยช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของวิวัฒนาการของบริษัทท่ามกลางอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว - และตัวเขาเองด้วย ที่ต้องเติบโตขึ้นในฐานะซีอีโอของบริษัท
เรื่องราวมีความอารมณ์ขันและความอ่อนน้อมถ่อมตน เขาเล่าถึงที่ปรึกษาที่แสดงให้เห็นถึงวิธีเปลี่ยนความหลงใหลให้กลายเป็นธุรกิจ คู่แข่งที่กลายมาเป็นเพื่อน ศัตรู หรือทั้งสองอย่าง และธุรกิจอื่น ๆ ที่คอยพยายามจ้องงับจุดอ่อนของบริษัท สิ่งที่เกิดขึ้นคือวิสัยทัศน์ระยะยาวที่ส่งเสริมความสำเร็จของเขา ที่เชื่อว่าท้ายที่สุดเทคโนโลยีคือเรื่องของคนและศักยภาพของพวกเขา
หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวการเอาชีวิตรอดที่พิสูจน์ว่า ใครก็ตามที่มีความเข้าใจเทคโนโลยีและขวนขวายในการเป็นผู้ประกอบการอาจสร้างสิ่งที่ยอดเยี่ยมได้ แต่การจะสร้างบางสิ่งที่ยั่งยืนต้องการผู้นำด้วย
#aomMONEY #หนังสือ #เศรษฐี #ความสำเร็จ #แนวคิด #การเงิน #การลงทุน
83 บันทึก
41
49
83
41
49
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย