⚠️ Breaking: FED คงดอกเบี้ยตามคาด มองลดดอกเบี้ยเท่าเดิม แม้เงินเฟ้อสูงขึ้น
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.25%-4.5% ติดต่อกันเป็นครั้งที่สอง เนื่องจากกังวลว่าเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว แต่เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ระบุว่า ปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จึงยังไม่รีบปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย และรอดูผลกระทบที่ชัดเจนก่อน
🎯 สถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุด:
- Fed ปรับประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปีนี้ลงมา โดยมองว่าจะเติบโตช้าลงเหลือ 1.7% จากเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 2.1%
- คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) ปีนี้ปรับสูงขึ้นเป็น 2.8% จากเดิมที่เคยประเมินไว้ที่ 2.5%
- อัตราการว่างงานปลายปีนี้จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.4% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 4.3%
นอกจากนี้ Fed ยังส่งสัญญาณว่าอาจลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% (สองครั้ง ครั้งละ 0.25%) ในปีนี้ แต่เจ้าหน้าที่หลายคนยังมองว่าควรลดดอกเบี้ยไม่เกินหนึ่งครั้ง เพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมาย แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวก็ตาม
⚠️ ปัจจัยสำคัญที่สร้างแรงกดดัน:
- นโยบายการค้าและการเรียกเก็บภาษีของทรัมป์ที่เปลี่ยนแปลงบ่อย สร้างความกังวลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัว และอาจทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นชั่วคราว
- ผู้บริโภคเริ่มใช้จ่ายน้อยลง และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลงอย่างชัดเจน
- ตลาดหุ้น S&P 500 ปรับลดลงกว่า 10% ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์
🏦 แผนการลดขนาดงบดุล (Balance Sheet):
Fed ตัดสินใจลดวงเงินการปล่อยให้พันธบัตรรัฐบาลหมดอายุโดยไม่ซื้อใหม่ จากเดิมเดือนละ 25,000 ล้านดอลลาร์ เหลือ 5,000 ล้านดอลลาร์ แต่ยังคงวงเงินสำหรับตราสารหนี้ที่มีสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (MBS) ไว้ที่ 35,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน
การปรับครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อลดแรงกดดันต่อตลาดเงิน ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงเจอข้อจำกัดเรื่องเพดานหนี้สิน
🎙️ ส่วนในช่วง Q&A ของพาวเวลล์ มีประเด็นสำคัญดังนี้ค่ะ
👉🏻 พาวเวลล์ยอมรับว่ามาตรการภาษีนำเข้าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจแล้ว และถูกนำมาพิจารณาในการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ
👉🏻 คาดว่าผลกระทบของภาษีนำเข้าต่อเงินเฟ้อน่าจะเป็นเพียงภาวะชั่วคราว แต่ย้ำว่ามีความไม่แน่นอนสูงเกี่ยวกับประเด็นนี้
👉🏻 นายพาวเวลล์ยังปฏิเสธข้อกังวลที่ว่าการคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวกำลังเพิ่มขึ้น และยืนยันว่าเฟดจะไม่รีบดำเนินการก่อนที่ข้อมูลเชิงลึกจะบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง เขาย้ำว่าข้อมูลจริงในปัจจุบันยังแข็งแกร่งอยู่
👉🏻 จากกราฟ Dot plot พบว่ายังคงมีการคาดการณ์ปรับลดดอกเบี้ยสองครั้งในปีนี้ แต่ทิศทางโดยรวมดูเป็นท่าทีที่เข้มงวดขึ้นมากเมื่อเทียบกับการคาดการณ์ในเดือนธันวาคม โดยขณะนี้มีกรรมการ 8 รายมองว่าจะมีการลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวหรือไม่มีเลย และมีกรรมการเพียง 2 รายที่มองว่าดอกเบี้ยจะลดลงถึงสามครั้ง
👉🏻 เฟดจะชะลอการลดปริมาณหลักทรัพย์ในงบดุล (quantitative tightening) ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป โดยพาวเวลล์กล่าวว่าการตัดสินใจนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากคณะกรรมการ แม้ว่านายคริส วอลเลอร์ หนึ่งในกรรมการเฟดจะแสดงความเห็นต่างในเรื่องงบดุล แต่ก็สนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้
🎯 คหสต. จากแอดบิวตี้
ภาพที่คนกังวลกันก่อนหน้านี้คือ การลดดอกเบี้ยที่น้อยลงของเฟด ซึ่งสุดท้ายในวันนี้ไม่เกิดขึ้นค่ะ ตลาดดูค่อนข้างพอใจกับการประชุมในวันนี้ และดูเหมือนว่าจะเป็น Fed Day ที่ดีสุดในรอบหลายปีเลยทีเดียว
อีกประเด็นคือ เฟดยังมองว่าผลกระทบจากภาษีนำเข้ายังเป็นแบบ one time off หรือ ครั้งเดียวจบ ทำให้มีผลต่อภาวะเงินเฟ้อแค่ชั่วคราวค่ะ และเฟดอาจไม่จำเป็นต้องปรับนโยบายการเงินจากประเด็นนี้ เพราะ 1. ผลกระทบต่อเงินเฟ้อหายไปเองได้ กับ 2. นโยบายการเงินมี lag อยู่แล้ว ถ้ามีการปรับนโยบาย (เช่นขึ้นดอกเบี้ย) ผลกระทบต่อเงินเฟ้อและเศรษฐกิจมีโอกาสเกิดขึ้นหลังเงินเฟ้อหายไปแล้วนั่นเอง ดังนั้นสรุปคือ ตอนนี้เฟดมองข้ามผลกระทบจากภาษีการค้าไปก่อน
พาวเวลล์ย้ำอีกว่า เงินเฟ้ออาจสูงขึ้นจากภาษีนำเข้า แต่ก็บอกได้ยากว่ามาจากตรงนี้เท่าไหร่ และมาจากเรื่องอื่นๆ อีกเท่าไหร่ ดังนั้นขอดูตัวเลขจริงๆ ดีกว่า
ส่วนเหตุผลที่ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อขึ้น การเติบโตลดลง แต่ยังลดดอกเบี้ย 2 ครั้งเท่าเดิมคือ ทั้ง 2 ปัจจัยหักล้างซึ่งกันและกัน (เงินเฟ้อขึ้น บอกให้ลดดอกเบี้ยช้าลง แต่เศรษฐกิจโตน้อยลง บอกให้ลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น สรุปคือเป็น 0 นั่นเอง)
เรื่องตลาดหุ้นร่วง เฟดบอกว่ามีผลทำให้ภาวะการเงินตึงตัวแหละ แต่ยังไม่กังวลในตอนนี้ สิ่งที่เฟดกังวลคือถ้ามันตึงตัวนานเงินไปต่างหาก ดังนั้นบอกกลายๆ ว่าจะมี FED Put นะ ถ้าตลาดหุ้นซึมนานเกินไปค่ะ
คำแนะนำคือ ใครที่ซื้อไปแล้ว ไม่ต้องรีบซื้อเพิ่ม เพราะเรายังเหลือ ภาษีตอบโต้ กันอีกทีในวันที่ 2 เมษายนนี้ค่ะ
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
