20 มี.ค. เวลา 15:35 • ความคิดเห็น
เรื่องราวของการสร้างบุญกุศลบารมีนั่น จะช่วยให้ทั้งกาย และจิต มีความสุข ถึวแม้ว่าจะอยู่สันโดษ กายนั้นก็เป็นกายของผู้ที่มีกรรม ต้องแก่เฒ่าชรา หลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วก็เรื่องราวที่ว่า อารมณ์นึกคิด ที่เกิดขึ้นภายในกายนั้นมันมาจากไหนบ้าง
เราก็เที่ยวหาตรงนั่นตรงนี้ หาที่วิญญาณทั้งหก ก็ไม่เจอะเจอ พอกายเรานิ่ง จิตเรานิ่งได้ เราก็ค่อยมองเห็นว่า อ้อ .ตรงนี้นี่เอง ที่เก็บบันทึกเรื่องราวของคำว่ากรรม พอกายนิ่ง จิตเรานิ่ง มีแสงรัตนำส่องลงมา จิตก็นิ่ง. เห็นอารมณ์นึกคิดเป็นกระแสลอยขึ้นมา ..อ้อ..อารมณ์ตัวนี้นี่แหละ ที่ทำให้จิตที่ยึดถือ มีการเคลื่อนไหว มีกายวาจาใจไปตามอารมณ์ ที่ไหลออกมา
..เมื่อธาตุทั้งสี่ ยังสะสมไปด้ายกรรม จิตนั่นก็ต้องเดิรไปตามกรรม สะสมกันต่อไป คราวนี้ ..หากเราหยุดที่กายนิางจิตเฉย ไม่ไปยึดอารมณ์ที่ไหลออกมา จเตเราก็ค่อยๆปลดเปลื้องอารมณ์กรรมไหบออกไป กายก็จะเบา ..ค่อยเบาบางไป เรื่อยๆ จิตก็ไม่ภาระ หรือ มีภาระก็อยู่ที่สติสัมปชัญญะของเรานั้นนิ่งเฉยปลดเปลื้อง อารมณ์มากเข้าไว้ จิตนั้นก็มีความสุข
คราวนี้ เรานำกายไปสร้างบุญกุศลมากเค้า กายกรรม นั่นก็เปลี่ยนเป็นกายบุญ เมื่อกายเป็นเกิดขึ้นจิตก็มีความสุข อาศัยอยู่กายที่เป็นบุญ กายบุญก็กายของเทพยดาอินทร์พรหม ยากได้กายบุญแบบนั้น ก็ต้องสร้างบุญกุศลขึ้นมาเอง ด้วยกายที่จ้ตตนอาศัย
เรื่องกายนิ่งจิตนิ่ง นั่น พูดง่าย..พระหลายพระองค์ท่านก็ชี้ให้ทำตรงนี้ ทำได้ ก็จะเกิดปัญญา ที่จะแก้ไข เรื่องราวของกรรม ด้วยจิตที่มีกายเป็นบุญ กายมีแต่กรรม สะสมกรรม เป็นกายกรรมมันทำไม่ได้ ท่านก็บอกว่าให้สร้างกายกรรม ให้เป็นกายบุญ พอกายเป็นบุญ ก็มานับพับเพียบ . จิตอยู่อาศัยในกายบุญ ก็นำกายบุนั้นมานั่งนิ่งได้
เมื่อจิตนั่นนิ่งได้ จิตก็สามารถพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ที่ลอยขึ้นมาจากธาตุทั้งสี่ได้ คราวนี้ จิตที่จะไปบรรลุธรรม (พระท่านบอกว่า จะเห็นเรื่องต่าง จากแสง เป็นสี เป็นภาพ เป็นเสียง อีกทั้งเหตุผลให้ รับรู้)
เรื่องกายนิ่ง จิตนิ่ง จิตเฉย เค้าฝึกหัดกันมาเป็นชาติๆ หลายชาติ ถึงจะทำได้ ฝึกหัดทำได้เลย ว่าทำได้มั้ย กายก็นิ่งจิตก็นิ่ง ไม่นึกคิดอะไรเลย
โฆษณา