27 มี.ค. เวลา 03:00 • สุขภาพ

ยาใหม่ส่อแววป้องกันอัลไซเมอร์ได้จริงหรือ? ไขข้อข้องใจจากงานวิจัยล่าสุด

โรคอัลไซเมอร์เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดหนึ่งที่พบบ่อยที่สุด ส่งผลกระทบต่อความจำ ความคิด และพฤติกรรมของผู้ป่วยอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนในที่สุดก็ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้
ลองนึกภาพว่าคนที่เรารักค่อยๆ ลืมเลือนเรื่องราวต่างๆ ลืมแม้กระทั่งชื่อของเรา มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายได้ และที่น่าเศร้าคือ ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคอัลไซเมอร์ให้หายขาดได้ ทำได้เพียงแค่ประคับประคองอาการเท่านั้น
แต่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พวกเขาพยายามค้นคว้าวิจัยเพื่อหาทางป้องกันและรักษาโรคนี้มาโดยตลอด
# ยาต้านอะไมลอยด์: ความหวังใหม่ในการป้องกันอัลไซเมอร์?
ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน The Lancet Neurology นักวิจัยได้ทำการทดลองยาชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "ยาต้านอะไมลอยด์" (anti-amyloid drug) ยาชนิดนี้มีเป้าหมายในการลดปริมาณโปรตีนอะไมลอยด์ (amyloid) ในสมอง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าโปรตีนอะไมลอยด์นี้เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ เหมือนกับว่าอะไมลอยด์เป็น "ขยะ" ที่สะสมในสมองจนทำให้เซลล์สมองทำงานผิดปกติและตายไปในที่สุด
การศึกษานี้เป็นการทดลองทางคลินิกในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคอัลไซเมอร์ตั้งแต่เนิ่นๆ เนื่องจากพวกเขามีพันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาจากครอบครัว ซึ่งพันธุกรรมนี้จะทำให้ร่างกายสร้างโปรตีนอะไมลอยด์มากเกินไป ผู้เข้าร่วมการทดลองบางส่วนได้รับยาต้านอะไมลอยด์ ในขณะที่บางส่วนได้รับยาหลอก (placebo) และนักวิจัยได้ติดตามอาการของพวกเขาเป็นระยะเวลานานหลายปี
ผลการศึกษาที่ออกมานั้นน่าประทับใจมากครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้เข้าร่วมที่ยังไม่มีอาการของโรคอัลไซเมอร์ในตอนเริ่มต้นการศึกษา และได้รับยาต้านอะไมลอยด์เป็นระยะเวลานานเฉลี่ยถึง 8 ปี พบว่ายาต้านอะไมลอยด์สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดอาการของโรคอัลไซเมอร์ได้ถึงประมาณ 50% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับยา พูดง่ายๆ ก็คือโอกาสที่พวกเขาจะพัฒนาไปเป็นโรคอัลไซเมอร์ลดลงไปครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
ศาสตราจารย์ Randall J. Bateman, MD ผู้อำนวยการการศึกษาจาก Washington University in St. Louis กล่าวว่า "ทุกคนในการศึกษาครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอัลไซเมอร์ และบางคนก็ยังไม่เป็น... สิ่งที่เราทราบก็คือ อย่างน้อยที่สุดก็สามารถชะลอการเกิดอาการของโรคอัลไซเมอร์ และทำให้ผู้คนมีชีวิตที่มีสุขภาพดีได้นานขึ้น"
ผลการศึกษานี้ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่สนับสนุน "สมมติฐานอะไมลอยด์" (amyloid hypothesis) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ว่าการสะสมของโปรตีนอะไมลอยด์ในสมองเป็นขั้นตอนแรกของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ และการกำจัดอะไมลอยด์หรือยับยั้งการสร้างอะไมลอยด์สามารถป้องกันการเกิดอาการของโรคได้
ยาต้านอะไมลอยด์ที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้มีชื่อว่า "แกนเทเนรูแมบ" (gantenerumab) ยาชนิดนี้เป็นยาที่อยู่ในระหว่างการทดลอง และยังไม่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในเชิงพาณิชย์ ในการทดลอง นักวิจัยพบว่ายาแกนเทเนรูแมบสามารถลดระดับอะไมลอยด์ในสมองของผู้เข้าร่วมการทดลองได้จริง และส่งผลให้ความเสี่ยงในการเกิดอาการของโรคอัลไซเมอร์ลดลง
อย่างไรก็ตาม มีข้อควรทราบเกี่ยวกับยาแกนเทเนรูแมบอยู่บ้างครับ ยาชนิดนี้อาจมีผลข้างเคียงที่เรียกว่า "ความผิดปกติของการสร้างภาพที่เกี่ยวข้องกับอะไมลอยด์" หรือ ARIA (amyloid-related imaging abnormalities) ซึ่งสามารถตรวจพบได้จากการสแกนสมอง ARIA อาจทำให้เกิดจุดเลือดออกเล็กๆ ในสมอง หรือสมองบวม
อัตราการเกิด ARIA ในกลุ่มที่ได้รับยาแกนเทเนรูแมบสูงกว่าในการทดลองเดิมเล็กน้อย (30% เทียบกับ 19%) ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่าเป็นผลมาจากการใช้ยาในปริมาณที่สูงขึ้นในการศึกษาครั้งนี้ แต่โดยรวมแล้ว ผลข้างเคียงส่วนใหญ่ของ ARIA ไม่รุนแรง และผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการใดๆ มีเพียงส่วนน้อยที่อาการรุนแรงจนต้องหยุดยา และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากผลข้างเคียงนี้
แม้ว่าผลการศึกษาเกี่ยวกับยาแกนเทเนรูแมบจะน่าตื่นเต้น แต่ก็ยังมีประเด็นที่เราต้องพิจารณาและศึกษาเพิ่มเติมอีกมาก ประการแรก การศึกษานี้เป็นการศึกษาในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นอัลไซเมอร์ตั้งแต่เนิ่นๆ เรายังไม่ทราบว่าผลลัพธ์นี้จะสามารถใช้ได้กับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ทั่วไปที่ไม่ได้มีพันธุกรรมผิดปกติหรือไม่ ประการที่สอง ยาแกนเทเนรูแมบเองก็ไม่ได้ถูกพัฒนาต่อแล้ว เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตตัดสินใจยุติการพัฒนาหลังจากผลการทดลองในระยะที่ 3 ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
อย่างไรก็ตาม การค้นพบครั้งนี้ได้เปิดประตูสู่การพัฒนายาต้านอะไมลอยด์ชนิดอื่นๆ เพื่อใช้ในการป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ปัจจุบันมีการทดลองยาต้านอะไมลอยด์ตัวใหม่อย่าง "เลคาเนแมบ" (lecanemab) และ "เรมเทอร์เนทูก" (remternetug) ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษา โดยเฉพาะยาเลคาเนแมบได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ในปี 2023 ให้ใช้ในการชะลอการเสื่อมของสมองในผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่มีอาการแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในการพัฒนายาเพื่อต่อสู้กับโรคนี้
ยาต้านอะไมลอยด์แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการชะลอหรือแม้กระทั่งป้องกันการเกิดอาการของโรคได้ หากได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่อาการจะปรากฏ นี่เป็นก้าวสำคัญในการต่อสู้กับโรคอัลไซเมอร์ และเป็นกำลังใจให้นักวิจัยทั่วโลกเดินหน้าพัฒนาแนวทางการป้องกันและรักษาโรคนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม เรายังต้องเผชิญกับความท้าทายอีกมากมาย เรายังต้องศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาต้านอะไมลอยด์ในระยะยาว รวมถึงการพัฒนายาที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และลดผลข้างเคียงให้น้อยลง นอกจากนี้ การเข้าถึงยาและการรักษาสำหรับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ทั่วโลกก็ยังเป็นประเด็นสำคัญที่เราต้องให้ความสนใจ
ในฐานะเภสัชกร ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจให้แข็งแรง หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์ หรือยาต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรนะครับ
**แหล่งอ้างอิง**
1. Bateman RJ, et al. Safety and efficacy of long-term gantenerumab treatment in dominantly inherited Alzheimer's disease: an open label extension of the phase 2/3 multicentre, randomised, double-blind, placebo-controlled platform DIAN-TU Trial, The Lancet Neurology (2025). www.thelancet.com/journals/lan … (25)00024-9/fulltext
2. Washington University in St. Louis. (2025, March 19). Anti-amyloid drug shows signs of preventing Alzheimer's dementia. medicalxpress. Retrieved from https://medicalxpress.com/news/2025-03-anti-amyloid-drug-alzheimer-dementia.html
โฆษณา