21 มี.ค. เวลา 10:50 • ท่องเที่ยว

ร้านค้ารายย่อย​ ขอเงินสดในญี่ปุ่น

ในญี่ปุ่นมีโพสต์บนโซเชี่ยลของร้านขายพิซซ่าร้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในย่านฟุนาบาชิ ชื่อร้าน Pizzeria Bar Trico สาขาฟุนาบาชิ โดยที่เจ้าของร้านโพสต์ว่า
“หากจ่ายเป็น Cashless (รูดด้วยการ์ด) จะถูกหักค่าธรรมเนียม เหนื่อยเหลือเกิน… ลูกค้าที่จ่ายเป็นเงินสดนี้ผมเห็นเป็นพระเจ้าเลยทีเดียว”
เนื่องจากร้านพิซซ่าร้านนี้เป็นร้านราคาย่อมเยา อิทธิพลของค่าธรรมเนียมจึงมหาศาลยิ่งนัก
ค่าธรรมเนียมของบัตรเครดิตอยู่ที่ 3.24%
ค่าธรรมเนียมของการจ่ายด้วย QR Code อย่าง PayPay อยู่ที่ 1.98%
ซึ่งค่าธรรมเนียมเหล่านี้ เป็นฝั่งทางร้านรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ซึ่งมีบริหารอยู่สามสาขา ค่าธรรมเนียมของcashlessพุ่งอยู่ที่ 300,000 เยนต่อเดือน
“สินค้าราคา 1000 เยน มีค่าวัตถุดิบอยู่ที่ 40% ค่าแรงคนอยู่ 20%ปลายๆ หักค่าไฟค่าแก๊ส กำไรของทางสาขาอยู่ไม่ถึง 10% หากได้มาสัก 100 เยนก็ยังดี แต่ยิ่งถูกหักไปอีก 30 เยนก็เยอะเหมือนกัน ค่าธรรมเนียมนี้แพงยิ่งกว่าค่าเช่าบ้านของตัวเองอีก เป็นจำนวนเงินที่เยอะพอจะทำได้อีกหนึ่งสาขาเลยทีเดียว”
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศตั้งเป้าหมายให้มีการชำระเงินแบบ cashless อยู่ที่ 40% เพื่อเป็นมาตรการต้อนรับชาวต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 39.3% โดยที่อนาคตตั้งเป้าจะไปให้ถึง 80% เหมือนกับสากลโลก
แล้วทำไมถึงมีค่าธรรมเนียม? เนื่องจากมีผู้ประกอบการเกี่ยวข้องกับการชำระเงินหลายคน จึงเกิดค่าใช้จ่ายตรงนี้
ด้วยกระแสของ cashless นั้นยากที่จะต่อต้านได้ ร้านเล็กๆ เหล่านี้จำเป็นที่ต้องขึ้นราคาเพื่อที่จะไม่ให้เลขเป็นตัวแดงครับ
โพสต์บนโซเชี่ยลนี้ถูกยกมาเขียนเป็นบทความ ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญและบุคคลทั่วไปมาแสดงความคิดเห็นดังนี้
“เงินสดไม่ได้หมายความว่าไม่มีราคาที่ต้องจ่าย อย่างเช่นเวลาเคลียร์เคาน์เตอร์เก็บเงิน หรือการป้องกันขโมย” (IT Journalist)
”การต่อต้านกระแสของ cashless เป็นเรื่องยาก เพราะอะไร เพราะว่ามันสะดวกสำหรับผู้ใช้” (Economist)
“คนรู้จักผมทำร้านตัดผมและร้านกาแฟ เขาบอกผมว่าช่วยจ่ายเป็นเงินสดให้หน่อย ตอนนี้เลยจ่ายแต่เงินสด” (บุคคลทั่วไป)
ราวๆ นี้ครับ เส้นทางของกระแส Cashless ในญี่ปุ่นคงต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ๆ ครับ
แปลโดย วสุ มารุมุระ
ภาพประกอบ WALK on CLOUD
โฆษณา