21 มี.ค. เวลา 22:24 • ท่องเที่ยว

Egypt (04) ปริศนาไอยคุปต์ : เทพเจ้าแห่งอารยธรรมอียิปต์โบราณ

คงไม่มีอารยธรรมโบราณใด ที่ผูกพันกับความเชื่อเรื่องเทพเจ้าที่หลากหลายเท่าชาวอียืปต์โบราณ และยังคงมีปริศนาไอยคุปต์โบราณที่ยังไม่เปิดเผย ให้ค้นหาคำตอบเสมอมาไม่ว่าจะผ่านมากี่พันปี ..
หลายความเชื่อและตำนานยังคงถูกส่งต่อ คลุมเครือ เช่นเดียวกับตำนานแห่ง เทพเจ้าอียิปต์โบราณ ที่เกี่ยวเนื่องกับการสร้างโลกและการปกครองโลกหลังความตาย
ในตำนาน เทพเจ้าอียิปต์โบราณ นั้นมีความเชื่อว่า เทพเจ้าอวตารมายังโลกมนุษย์คลับคล้ายกับความเชื่อแบบฮินดูของชาวอินเดีย เช่น “เทพโอซิริส” อวตารลงมาเป็นมนุษย์และเป็นกษัตริย์ปกครองอียิปต์จนรุ่งเรืองร่มเย็น แต่ถูก “เทพเซธ” น้องชายขี้อิจฉาทำอุบายฆ่าและตามไปหั่นศพทิ้งทั่วอียิปต์
ส่วนเทพองค์สุดท้ายที่อวตารมาเป็นมนุษย์ปกครองอียิปต์คือ “เทพฮอรัส” ซึ่งทำสงครามยาวนานกับ “เทพเซธ” เพื่อกู้อาณาจักรอียิปต์ และหลังสิ้นสุดยุครุ่งเรืองของเทพฮอรัส บรรดาทวยเทพก็ปล่อยให้มนุษย์ปกครองอียิปต์กันเอง
Photo : Internet
เรื่องของเทพเจ้าที่จะเล่าสู่กันฟังต่อไปนี้ .. คือเทพที่ยังเหลือปรากฎให้คนในปัจจุบันได้พบเห็นในรูปของภาพวาด รูปปั้น เครื่องประดับ และงานศิลป์ต่างๆ หรือแม้แต่มัมมี่ของสัตว์ต่างๆ ซึ่งถือเป็นตัวแทนเทพเจ้า และเป็นเทพองค์ “ดัง” ที่คนอียิปต์โบราณส่วนใหญ่ให้ความเคารพนับถือ
Photo : Internet
เทพเจ้าอียิปต์โบราณ .. เป็นเทพและเทพีซึ่งได้รับการบูชาในอียิปต์โบราณ ความเชื่อและพิธีกรรมแวดล้อมเทพเจ้าเหล่านี้เป็นแก่นของศาสนาอียิปต์โบราณ ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ช่วงใดช่วงหนึ่ง
เทพเจ้าเป็นสัญลักษณ์ของพลังและปรากฏการณ์ธรรมชาติ และชาวอียิปต์สนับสนุนและระงับสิ่งเหล่านี้ผ่านของถวายและพิธีกรรมเพื่อที่พลังเหล่านี้จะยังคงดำเนินต่อไปตาม maat หรือระเบียบสวรรค์
หลังการสถาปนารัฐอียิปต์โบราณเมื่อราว 3100 ปีก่อนคริสตกาล ฟาโรห์มีอำนาจควบคุมการประกอบกิจเหล่านี้ และอ้างว่าเป็นผู้แทนของพระเจ้าและจัดการเทวสถานซึ่งดำเนินพิธีกรรมต่าง ๆ
ต่อไปนี่ คือ เรื่องราวของเทพเจ้าอียิปต์โบราณองค์สำคัญ ที่จะทำให้ประวัติศาสตร์อียิปต์สนุกยิ่งขึ้น
Photo : Internet
รา หรือ เร (Ra)
Ra เป็นสุริยะเทพซึ่งเป็นใหญ่เหนือเทพทั้งปวง .. รา หรือ เร (Ra / Re) เป็นเทพแห่งความเป็นอมตะ .. ถือเป็นสุริยเทพ หรือเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ เป็นเทพสูงสุดอียิปต์ เทพบิดรแห่งเทพทั้งปวง
สัญลักษณ์ของพระองค์คือ รูปจานกลมแห่งดวงอาทิตย์ (Solar Disk) บางครั้งตั้งอยู่บนเรือ (Solar Boat) ที่พายเคลื่อนข้ามท้องฟ้าทุกวันๆ บางครั้งศีรษะเป็นเหยี่ยว มีสัญลักษณ์รูปดวงอาทิตย์อยู่เหนือศีรษะ ในฐานะที่เหยี่ยวบินได้ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด
อียิปต์โบราณเชื่อว่า ฟาโรห์ เจ้าผู้ปกครองอาณาจักร เป็นโอรสแห่งสุริยเทพที่ถูกส่งลงมาปกครองโลกมนุษย์ .. เทพเจ้ารา เป็นตัวแทนแห่งการฟื้นคืนชีพ เสมือนพระอาทิตย์ที่ขึ้นใหม่ในทุกเช้าของชีวิตบนโลกมนุษย์
Photo : Internet
ตำนาน : การบูชาเทพเจ้าเร หรือ เทพเจ้ารา ปรากฏหลักฐานเก่าแก่ที่สุดในยุคราชวงศ์ที่ 2 แห่งอาณาจักรเก่า ต่อมาในยุคราชวงศ์ที่ 5 จึงค่อยปรากฏความเชื่อที่เชื่อมโยงกับฟาโรห์ กล่าวว่าฟาโรห์เป็นโอรสของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์หรือ เทพเจ้ารา ส่งผลให้ชื่อของฟาโรห์ทุกพระองค์จะมีคำว่า เร หรือ รา ผสมอยู่
เทพรา เป็นเทพเจ้าที่ได้รับการบูชาในสมัยอาณาจักรเก่า ก่อนที่ชาวอียิปต์จะหันมาบูชา เทพอามุน-รา (Amon-Ra) ในยุคอาณาจักรกลาง ซึ่งเทพเจ้าอามุน-รา เป็นการรวมเทพอามุน (Amun) เทพแห่งเมืองธีบส์ เมืองหลวงของอาณาจักรอียิปต์ยุคกลาง กับเทพรา มารวมเป็นเทพองค์เดียวกัน
Photo : Internet
แต่เมื่อการบูชาเทพเจ้าอามุนต้องผ่านนักบวช จนนักบวชมีอิทธิพลร่ำรวย และมีอำนาจมากกว่าฟาโรห์ .. ต่อมาในยุคอาณาจักรใหม่ ฝ่ายฟาโรห์จึงยกเทพเจ้าราขึ้นสูงสุด และปลูกฝังความเชื่อว่าฟาโรห์สืบเชื้อสายมาจากเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ โดยเฉพาะในยุคของฟาโรห์ทุตโมซิส (Thuthmosis) และ ฟาโรห์แอเมนโฮเทปที่ 3 (Amenhotep III)
ต่อมาฟาโรห์แอเคนาเทน (Akhenaten) ก็ได้หันมาบูชาเทพเจ้าแห่งแสงอาทิตย์ ในชื่อของเทพเจ้าอาเทน (Aten) เป็นเทพสูงสุดองค์เดียวและยกเลิกการบูชาเทพอามุน หรือเทพอามุน-รา โดยสิ้นเชิง และการบูชาเทพเรหรือเทพรา ก็รุ่งเรืองอย่างที่สุดในยุคอาณาจักรใหม่นี่เอง
วิหารบูชาเทพเจ้ารา :มีในสมัยอาณาจักรเก่า และพบหลักฐานภายในวิหารอาบูซิมเบล ที่สร้างหลายสมัยจนเสร็จสิ้นในสมัยฟาโรห์รามเสสที่ 2 เป็นวิหารบูชาเทพอามุน-รา แต่ในห้องศักดิ์สิทธิ์ชั้นใน มีทั้งรูปปั้นเทพเจ้ารา หรือเรียกว่า ราแห่งเฮียราโพลิส และเทพอามุน-ราอยู่ด้วย
Photo : Internet
ภายในสุสานฟาโรห์แห่งสมัยอาณาจักรใหม่ที่ตั้งอยู่ใน หุบผากษัตริย์ (Valley of the Kings) มักจะมีภาพสลักและภาพวาด เล่าเรื่องราวการเดินทาง 12 ชั่วโมงหรือ 12 ยาม ในโลกแห่งความตาย เล่าถึงการเสียชีวิตในยามที่ 5 ก่อนจะได้รวมตัวกับเทพโอซิริสในดินแดนแห่งความตายนั้น และกลับมาฟื้นคืนชีพเป็นแมลงทับ หรือ สคารับ (Scarabหรือ Khepri) ในชั่วโมงสุดท้าย
ในสมัยราชวงศ์ทอโลมีของชาวกรีกที่เข้ามาสถาปนาราชวงศ์ปกครองอียิปต์ยุคหลังพระเจ้าอเล็กซานเดอร์พิชิตอียิปต์ ก็ยังบูชาเทพเจ้ารา แต่เมื่อราชวงศ์นี้สิ้นสุดลงในยุคของพระนางคลีโอพัตรา ความเชื่อและการบูชาเทพราก็เสื่อมไปด้วย
Photo : Internet
เทพอามุน (หรืออาเมน อามอน) (AMUN /AMEN /AMON)
AMUN เป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองธีบส์ .. มีรูปเป็นบุรุษเพศ สวมกระโปรงแบบฟาโรห์และเศียรประดับศิราภรณ์รูปขนนกคู่ยาว ยุคหลังพระนามเพี้ยนเป็น อาตอน หรือ อาเตน
ในยุคของฟาโรห์อาเมนโฮเทปที่ 4 ได้ทรงพยายามให้คนอียิปต์ทั้งมวลหันมาเคารพเทพอาเตนเพียงองศ์เดียว แบบจอมราชันแห่งปวงเทพ หรือเทพสูงสุดของทวยเทพอียิปต์ทั้งมวล .. ซึ่งนับเป็นความพยายามในการปฎิรูปความเชื่อครั้งยิ่งใหญ่ โดยฟาโรห์เองได้เปลี่ยนพระนามเป็น อัคนาเตน (Akhenaten) และฟาโรห์องศ์ต่อมาก็ทรงพระนามที่เกี่ยวข้อง คือ ตุตันคาเมน เป็นต้น อาเตน หรืออามุน ถือเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์
Photo : Internet
ตามประวัติบอกว่าเทพอามุนได้รับการเคารพบูชาในอาณาจักรโบราณและขยายไปถึงดินแดนเอธิโอเปีย นิวเบีย ลิเบีย และปาเลสไตน์ ทั้งยังเป็นเทพแห่งสุริยะและสายลม
Photo : Internet
ตำนาน : หนึ่งในแปดเทพเจ้าสำคัญยุคอียิปต์โบราณที่มีชื่อจารึกอยู่ในคัมภีร์ Pyramid Texts ทั้งยังได้รับการยกย่องให้เป็นจอมราชันแห่งปวงเทพที่เกี่ยวเนื่องกับตำนานการสร้างโลก (เมืองHermopolite)
เทพอามุนถือเป็นเทพประจำเมืองหลวงของอาณาจักรอียิปต์โบราณ ยุคอาณาจักรใหม่นั่นก็คือ “เมืองธีบส์”มีพระมเหสีคือ เทพีอมุเนต (Amunet)แต่พออีกยุคสมัยที่เทพอามุนถูกนำมารวมกับเทพราเป็น อามุน-รา และได้รับการยกย่องจากชาวกรีกให้เทียบเท่าเทพซุส
วิหารบูชาเทพอามุน : เทพอามุนเป็นมหาเทพที่มีมหาวิหารใหญ่โตที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างมา ได้แก่
“มหาวิหารคาร์นัค” (Karnak) และลักซอร์ (Luxor)ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำไนล์ .. ซึ่งสร้างเพื่อบูชาเทพอามุน มีถนนสฟิงซ์เชื่อมวิหารทั้งสองหลัง ความยาวเกือบ 3 กิโลเมตร
Photo : Internet
“มหาวิหารคาร์นัค” .. ถือเป็นวิหารเทพเจ้าที่ใหญ่โตที่สุดในโลกที่มนุษย์เคยสร้างมา มีป้อมปราการหนาทึบสูงเกือบเท่าตึก 20 ชั้น หนาหลายสิบฟุต และเสาหินหนาสูงใหญ่ทั้งหมด 10 เสา ภายในมีวิหารเล็กซ้อนอยู่ข้างในอีกหลายแห่ง
วิหารคาร์นัคสร้างสืบต่อกันมาหลายสมัย เสร็จสิ้นสมบูรณ์ในสมัยของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ซึ่งมีรูปปั้นของรามเสสที่ 2 ขนาดมหึมา ยืนอยู่ปากทางเข้าวิหารเทพอามุน-ราและภายในมีภาพสีนูนสูงนูนต่ำ
… เล่าเรื่องราวทวยเทพของอียิปต์ รวมทั้งรูปฟาโรห์รามเสสที่ 3 บนรถศึกกำลังทำสงครามกับศัตรู ความใหญ่โต เฉพาะห้องโถงภายในมหาวิหารคาร์นัคใหญ่เทียบเท่ากับโบสถ์เซนต์ปอลในลอนดอนรวมกับโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ในโรม
“วิหารอาบูซิมเบล” ตั้งอยู่ที่เมืองอัสวาน .. เป็นเทวสถานแห่งเดียวที่ไม่จมอยู่ใต้เขื่อนอัสวานเป็นวิหารบูชาเทพสูงสุดอามุน-รา สร้างสมัยฟาโรห์รามเสสที่ 2 เป็นวิหารที่เจาะเข้าไปในภูเขาหินทราย ด้านหน้าแกะสลักผาหินเป็นรูปฟาโรห์รามเสสที่ 2 ในท่านั่ง 4 รูป
ตรงปากทางเข้าห้องเล็กๆ ด้านในสุดของวิหารอาบูซิมเบล เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด มีรูปปั้นเทพอามุน-รา และเทพอีก 2 องค์ คือเทพทาห์แห่งเมมฟิส เทพรา-ฮอรัคตี แห่งเฮลิโอโปลิส (Heliopolis)และฟาโรห์รามเสสที่ 2
Photo : Internet
โอซิริส (OSIRIS)
OSIRIS เป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งยมโลก ... ฟาโรห์ที่สวรรคตจะทรงไปรวมกับโอซิริสในดินแดนหลังความตาย ในที่ฝังพระศพจะมีภาพโอซิริสเสมอ
โอซิริสจะอยู่ในรูปบุรุษมีเครา ถือแส้และคฑาหัวขอ ทรงเครื่องและมงกุฎของฟาโรห์ แต่มีผิวกายสีดำและถูกพันผ้าไว้แบบมัมมี่ ..
โอซิริสคือศูนย์กลางความเชื่อเรื่องการกลับฟื้นคืนชีพ เพราะตามตำนานโอซิริสถูกฆ่าโดยเซธ และถูกสับเป็นชิ้นๆ แต่ด้วยความรักของมเหสี “เทวีไอซิส” ผู้ตามเก็บรวบรวมพระศพมาต่อใหม่ ทำให้โอซิริสกลับฟื้นคืนมาได้อีก
โอซิริส เทพแห่งแม่น้ำไนล์ .. เป็นเทพแห่งการพิพากษาดวงวิญญาณของมนุษย์หลังความตาย ว่าใครจะได้ขึ้นสวรรค์ โดยขั้นตอนการพิพากษา จะนำก้อนเนื้อหัวใจของผู้ตายที่ติดอยู่ในร่างมัมมี่ มาชั่งบนตาชั่ง เทียบกับ น้ำหนักของขนนก หากหัวใจเบากว่าขนนก ถือว่าคนนั้นเป็นคนดี สมควรได้ขึ้นสวรรค์ หรือ เป็นการฟื้นคืนชีพ เกิดใหม่ในดินแดนที่ชีวิตเป็นนิรันดร์
Photo : Internet
ตำนาน : “เทพโอซิริส” เป็นเทพเจ้าที่อวตารลงมาเป็นมนุษย์และได้เป็นกษัตริย์ปกครองอียิปต์และมีพระชายาคือ “เทพีไอซิส” ซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆ ทั้งคู่ให้กำเนิด “เทพฮอรัส”
ในยุคสมัยของโอซิริสปกครองอียิปต์บนผืนโลกนั้น มีความรุ่งเรืองร่มเย็น ทำให้น้องชายแท้ๆ ชื่อ “เทพเซธ” เกิดความอิจฉาริษยา และวางแผนกำจัดพี่ชาย ด้วยการออกอุบายให้จัดงานเลี้ยงและล่อลวงเทพโอซิริสให้ลงไปนอนในโลงศพ และปิดฝาโลงเอาไปถ่วงแม่น้ำไนล์ ก่อนที่เทพเซธจะสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นกษัตริย์อียิปต์องค์ใหม่
Photo : Internet
“เทพีไอซิส” พระชายาของ “เทพโอซิริส” ได้ออกตามหาพระศพของเทพโอซิริสเพราะเชื่อว่าหากไม่มีการประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อ ดวงวิญญาณของเทพโอซิริสภาคอวตารเป็นกษัตริย์นี้จะไม่ได้ขึ้นสวรรค์
ในที่สุด “เทพีไอซิส” ก็ตามหาโลงศพของ “โอซิริส” จนพบที่เมืองบิบลอส (ปัจจุบันคือเลบานอน)แต่ “เทพเซธ” ก็ตามล่าล้างบางเช่นกัน และจับร่าง โอซิริส หั่นเป็น 14 ชิ้น และเอาไปโยนทิ้งทั่วอียิปต์ เทพีไอซิส ยังตามไปเก็บชิ้นส่วนร่างเหล่านั้นกลับมาจนครบ แม้จะใช้เวลาหลายปีขาดเพียงชิ้นส่วนอวัยวะเพศ ที่ถูกทิ้งแม้น้ำไนล์และถูกปลากัดกิน
เมื่อนำชิ้นส่วน 13 ชิ้นของกษัตริย์โอซิริมาประกอบพิธีกรรม และเทพีไอซิสร่ายพระเวทย์เรียกอวัยวะเพศกลับมาใหม่จนครบ 14 ชิ้นแล้ว ได้มีการประกอบพิธีฝังศพบน “เกาะฟิเล” ซึ่งถือเป็นเกาะศักด์สิทธิ์ ส่งให้ดวงวิญญานของกษัตริย์เข้าสู่แดนมรณะ และกลายเป็นเทพเจ้าผู้ทำหน้าที่ตัดสินการกลับคืนฟื้นชีพของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม
หลังยุคของกษัตริย์โอซิริสและเทพีไอซิสแล้ว เทพเจ้าที่อวตารลงมาเป็นกษัตริย์อียิปต์คนต่อมาคือ เทพฮอรัส ซึ่งได้กอบกู้อาณาจักรคืนจากเทพเซธ
Photo : Internet
หลักฐานการบูชาเทพโอซิริส : มีภาพวาดสีภายในสุสานของฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 4 มีเทพโอซิริสใส่ชุดขาว และอนูบิส เทพแห่งความตาย (ซึ่งมีศีรษเป็นรูปสุนัขและร่างกายเหมือนคน) มารับฟาโรห์ไปสู่ปรโลก และมีภาพสลักเทพโอซิริสบนฝาโลงศพชั้นในสุดที่ทำด้วยทองคำแท้หนักกว่า 100 กิโลกรัม ของฟาโรห์ตุตันคาเมน
ตำนานของเทพโอซิริสและครอบครัว (เทพไอซิสและเทพฮอรัส) เป็นตำนานยอดนิยม ถูกนำมาทำเป็นรูปปั้นและภาพวาดของที่ระลึกวางขายให้นักท่องเที่ยวที่มาอียิปต์ยุคศตวรรษที่ 21
Photo : Internet
เทพีไอซีส (Isis)
Isis อัครเทวีที่คนอียิปต์ให้ความนับถือมากที่สุด .. พระนางเป็นเทวีแห่งความรัก และการอุทิศตนเพื่อสามีและบุตร มีมนต์ และชื่อเสียงทางด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วย เป็นเทพีผู้ปกป้องกษัตริย์อียิปต์และพระโอรส “ฮอรัส”เปรียบเสมือนเทพีแห่งมารดาผู้มีพลังในการเยียวยารักษา
ไอซีสมีพระรูปเป็นหญิงงาม ทรงเครื่องอย่างมเหสีแห่งฟาโรห์ สวมหมวกเป็นรูปบัลลังก์ (มีทั้งรูปเก้าอี้บัลลังก์บนศีรษะ บ้างก็เป็นวงกลมคือดวงอาทิตย์อยู่กลางเขาวัว)
Photo : Internet
ตำนาน : ธิดาของเทพรา มเหสีเทพโอซิริส อียิปต์เคยมีความเชื่อเรื่องเทพอวตารมาปกครองโลกมนุษย์ โดยเทพีไอซิส อวตารมาเป็นมนุษย์และเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเทพโอซิริสในภาคมนุษย์ ทั้งสองครองคู่กันปกครองอาณาจักรอียิปต์เจริญรุ่งเรือง และมีพระโอรสคือ เทพฮอรัส ผู้เป็นเทพอวตารมาเช่นกัน
Photo : Internet
วีรกรรมของเทพีไอซิสภาคมนุษย์ คือการตามกอบกู้ร่างพระสวามี เทพโอซิริสภาคกษัตริย์อียิปต์ที่ถูกน้องชาย(เทพเซธ) ล่อลวงฆ่าถ่วงน้ำแถมตามสับร่างเป็นชิ้นเพื่อโค่นอำนาจแย่งราชบัลลังก์
Photo : Internet
ก่อนจะนำร่างของเทพโอซิริสในตอนเป็นกษัตริย์อียิปต์กลับมาประกอบพิธีกรรมเพื่อส่งวิญญานของโอซิริสเข้าสู่ดินแดนมรณะหลังความตาย และเทพโอซิริสก็กลายเป็น “ราชันหลังความตาย” ผู้ทำหน้าที่พิพากษาความดี-ความชั่วของมนุษย์ ส่งมนุษย์ที่ตายแล้วไปสู่ดินแดนชีวิตนิรันดร์
ในภาพวาดที่เล่าเรื่องชีวิตหลังความตายตามความเชื่อของอียิปต์ “เทพีไอซิส” เป็นผู้รอรับร่างคนตายต่อจาก “เทพอนูบิส” และพาร่างนั้นขึ้นเรือล่องข้ามแม่น้ำไปสู่ดินแดนมรณะ เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิพากษา ที่ “เทพโอซิริส” จะจับหัวใจของคนตายรายนั้นชั่งตวงเทียบกับขนนก ถ้าหัวใจคนนั้นเบากว่าขนนก ก็จะได้สิทธิฟื้นคืนชีพ วิญญาณกลับเข้าร่าง และได้อยู่ในดินแดนชีวิตนิรันดร์
วิหารบูชาเทพไอซิส: วิหารที่ถูกสร้างอุทิศให้แก่เทพไอซิส คือ วิหารฟิเล (Philae) ซึ่งเคยถูกจมน้ำ หลังจากอียิปต์สร้างเขื่อนอัสวาน (เขื่อนกักน้ำแห่งแรกของโลก) ต่อมาวิหารฟิเลถูกรื้อไปสร้างใหม่ที่เกาะฟิเล
Photo : Internet
ฮอรัส (Horus)
Horus โอรสแห่งโอซิริส และไอซีส .. ทรงสภาพเป็นนกเหยี่ยว : ศีรษะเป็นเหยี่ยวร่างกายเป็นมนุษย์ผู้ชาย ดวงตาข้างซ้ายคือดวงสุริยะ ดวงตาข้างขวาคือดวงจันทร์
Horus เป็นเทพเจ้าแห่งท้องฟ้า ตามพระนามแปลว่า เทพผู้อยู่เบื้องบน . เป็นตัวแทนแห่งความฉลาดแหลมคม และมีดวงตาที่มองทะลุได้อย่างรู้แจ้งเห็นจริง จึงถูกเทียบเป็นองค์ฟาโรห์เมื่อยังทรงพระชนม์ จึงจะพบรูปสลักองค์ฟาโรห์มีเทพฮอรัสรวมอยู่ด้วยเสมอ และมีความเชื่อว่าเป็นผู้กอบกู้อาณาจักรอียิปต์จากอธรรมในยุคเทพเจ้าปกครอง
Photo : Internet
ตำนาน : มีตำนานที่เล่าว่า กษัตริย์ผู้ปกครองอียิปต์ในสมัยดึกดำบรรพ์ (ก่อนเกิดอาณาจักรอียิปต์โบราณเมื่อ 5,000 ปีมาแล้ว) เป็นเทพเจ้า และเทพฮอรัสเป็นเทพองค์สุดท้ายที่อวตารมาเป็นมนุษย์ปกครองอียิปต์ช่วยกู้อาณาจักรอียิปต์จากเทพเซธ ผู้มีศักดิ์เป็นอา (น้องชายเทพโอสิริสภาคอวตาร พระบิดาของเทพฮอรัส) แย่งราชบัลลังก์
Photo : Internet
เทพฮอรัสกู้อียิปต์คืนจากเทพเซธได้และปกครองอียิปต์เจริญรุ่งเรือง เมื่อสิ้นสุดการปกครองของเทพฮอรัส บรรดาทวยเทพก็ปล่อยให้มนุษย์ปกครองอียิปต์กันเอง
วิหารบูชาเทพฮอรัส: วิหารฮอรัสเป็นวิหารที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในอียิปต์
สร้างสมัยราชวงศ์ทอเลมีที่ 3 ยุคสุดท้ายของอาณาจักรอียิปต์ ช่วงราว 237 ปีก่อนคริสตกาล (ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ทอเลมี คือนายพลปโตเลมี ชาวกรีกหลังกองทัพพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชของกรีกยึดอียิปต์ได้สำเร็จ พระนางคลีโอพัตราผู้โด่งดังเป็นฟาโรห์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ทอเลมี และอาณาจักรอียิปต์)
Photo : Internet
อนูบิส (Anubis)
Anubis เทพแห่งความตาย เจ้าแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ .. มีรูปลักษณ์เป็นหมาไนสีดำ ร่างกายเป็นมนุษย์ผู้ชาย เป็นเทพองค์แรกที่มนุษย์จะได้พบหลังความตาย จะพบรูปอนูบิสในหลุมฝังศพ และที่ฝังพระศพทุกแห่ง
Photo : Internet
ตำนาน : เดิมที “อนูบิส” เป็นเทพที่เกี่ยวกับความตายเฉพาะในส่วนของฟาโรห์เท่านั้น ต่อมาจึงเป็นเทพที่ดูแลโลกหลังความตายของชาวไอยคุปต์ทั่วไปด้วย .. ในภาพสลักเกี่ยวกับการทำมัมมี่ก็มักจะมีรูปเทพอนูบิสเป็นผู้ทำหน้าที่ดองศพทำมัมมี่
Photo : Internet
.. แต่อันที่จริงหน้าที่หลักของเทพอนูบิส คือต้อนรับผู้ตาย เข้าสู่โลกหลังความตาย และการดูแลรักษาศพไม่ให้เน่าเปื่อย ก่อนที่จะส่งต่อร่างนั้นให้เทพไอซิส ซึ่งจะพาร่างคนตายนั่งเรือข้ามแม่น้ำไปสู่แดนมรณะ เพื่อพบกับเทพเจ้าโอซิริส ผู้พิพากษาว่าวิญญาณของใครจะขึ้นสู่สวรรค์
ภาพวาดเทพอนูบิสจะปรากฏอยู่ในภาพวาดเล่าเรื่องชีวิตหลังความตาย ทั้งในสุสานของฟาโรห์ ที่หุบผากษัตริย์ และในภาพวาดบนกระดาษปาปิรุส ชื่อ Hunefer, Book of the Dead ซึ่งพบหลักฐานในเมืองธีบส์ อียิปต์ วาดช่วง 1,290 ปีก่อนคริสตกาลปัจจุบันเป็นคอลเลกชันที่ตั้งแสดงที่พิพิธภัณฑ์บริทิช พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของอังกฤษ
Photo : Internet
เทพีฮาเธอร์ (Hathor)
Hathor ทรงเป็นเทวีแห่งนภากาศอีกองค์หนึ่ง และเป็นมหาเทวีที่สำคัญที่สุดของนิกายที่นับถือสุริยเทพรา .. โดยเทวปกรณ์กล่าวว่าทรงเป็นธิดาและชายาขององค์สุริยเทพ
ทรงเป็นเทวีแห่งความงาม ความรัก ความเป็นแม่ ความสุข พิธีกรรม ศิลปะวิทยาการ และดนตรี และคุณสมบัติที่ดีของเพศหญิง เทวลักษณะเป็นเทพนารีสวมศิราภรณ์รูปเขาวัวคู่โอบดวงสุริยะ (มีความคล้ายกับเทพีไอซิส) หรือปรากฏเป็นรูปวัวทั้งตัว ทรงถือ ซิสทรัม (Sistrum) พระนามภาษาอียิปต์ว่า เฮ็ท-เฮร์ท (Het-Hert)
Photo : Internet
บทบาท: เทพแห่งความรัก ความเป็นแม่ และเป็นเทพีแห่งสตรีทั้งมวล เป็นเทพแห่งการเจริญพันธุ์และการให้กำเนิด รวมทั้งเรื่องสุขภาพ ความงาม โดยมีนักบวชที่บูชาเทพฮาเธอร์มีทั้งนักบวชชายและหญิงมีงานเทศกาลต่างๆ ที่เฉลิมฉลองเพื่อบูชาเทพฮาเธอร์ อีกทั้งยังเป็นเทพผู้คุ้มครองฟาโรห์
ตำนาน : หนึ่งในเทพเก่าแก่ที่อยู่คู่ชาวไอยคุปต์มานาน “เทพรา” สร้าง “เทพีฮาเธอร์” มาจากน้ำตาของพระองค์
Photo : Internet
การบูชาเทพฮาเธอร์ปรากฏมาตั้งแต่ในสมัยอาณาจักรเก่า หรือยุคที่แผ่นดินอียิปต์รวมกันและมีฟาโรห์เป็นเจ้าปกครองอาณาจักรเป็นครั้งแรก เมื่อราว 3,000 ปีก่อนคริสตกาล
ผู้คนให้การเคารพบูชาเทพฮาเธอร์ในฐานะเทพของอียิปต์บน (เทพอียิปต์ล่างคือ บาสต์) และยังได้รับการเคารพบูชาเรื่อยมาจนถึงสมัยราชวงศ์ทอเลมีปกครองอียิปต์ ยุคสุดท้ายการมีฟาโรห์ เทพฮาเธอร์ เป็นเทพแห่งเดือน เฮทารา (Hethara) เดือนที่ 3แห่งปีตามปฏิทินอียิปต์
Photo : Internet
นอกจากเทพและเทพี ที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ยังมีเทพและเทพี ที่น่ากล่าวถึงอีก เช่น
Photo : Internet
เทพีนัต (Nut)
Nut เป็นเทพีแห่งท้องฟ้า .. พระนางเป็นพระมเหสีของเทพเร มีโอรส-ธิดา 5 องค์ เป็นเทพสำคัญ 5 องค์ คือ โอซิริส ไอซิส เนฟธิส เซธ และ ฮาร์มาคิส
เซธ (Seth)
Photo : Internet
Seth เทพแห่งพายุและความรุนแรง .. มีรูปเป็นหน้าสัตว์ที่น่าเกลียด เช่นหมู หรือลา ตามตำนานว่าเป็นอนุชาของโอซิริส ผู้เกลียดชังพี่ของตนเอง และเป็นผู้สังหารโอซิริสด้วย
Photo : Internet
ธอธ (Thoth)
Thoth เทพผู้มีเศียรเป็นรูปนกกระเรียน .. เป็นเทพแห่งอาลักษณ์ เจ้าแห่งการอ่านและเขียนจะเป็นผู้บันทึกเรื่องราวต่างๆในการพิพากษาดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับ
ฮาร์มาคิส (Harmakhis)
Harmakhis เป็นเทพแห่งรุ่งอรุณ .. มีรูปร่างเป็นสิงโตและศีรษะเป็นมนุษย์ หรือที่เราเรียกว่า สฟิงซ์ เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยหลานชายตัวเอง คือเทพฮอรัสทำสงครามกับ เซธ จนประสบความสำเร็จ
Photo : Internet
โซเบค (Sebekh)
Sebekh เทพแห่งจระเข้ ผู้รักษากฎแห่งแม่น้ำไนล์ .. ปรากฏพระองค์เป็นรูปจระเข้ทั้งตัว สวมศิราภรณ์ขนนกคู่ประกอบด้วยเขาแกะ เขาวัวคู่โอบดวงสุริยะและยูรีอุสสองข้าง หรือรูปเทพเจ้าที่มีพระเศียรเป็นจระเข้สวมศิราภรณ์ชนิดเดียวกัน เป็นที่นับถือมากในราชวงศ์ที่ 12-13พระนามภาษากรีกว่า ซูคอส (Suchos)
ตำนานเทพเจ้าอียิปต์ โดย ณัฐพล เดชขจร สำนักพิมพ์ gypzy
โฆษณา