22 มี.ค. เวลา 01:21 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ

เครื่องบินแบบ Mig 15

MiG-15: สมรรถนะ อาวุธ และภารกิจทางการรบ
1. ภาพรวม
MiG-15 เป็นเครื่องบินขับไล่ไอพ่นของสหภาพโซเวียต พัฒนาโดย Mikoyan-Gurevich Design Bureau ในช่วงปลายทศวรรษ 1940 และเข้าประจำการในปี 1949 เครื่องบินรุ่นนี้มีบทบาทสำคัญในสงครามเกาหลี และเป็นหนึ่งในเครื่องบินไอพ่นลำแรกที่ใช้ปีกแบบ swept wing เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในความเร็วสูง
2. สมรรถนะของ MiG-15
3. อาวุธที่ติดตั้ง
MiG-15 ได้รับการออกแบบให้เป็นเครื่องบินขับไล่ที่มีอาวุธหนักสำหรับโจมตีเป้าหมายทางอากาศและภาคพื้นดิน อาวุธหลักได้แก่:
  • 1.
    ​ปืนใหญ่ Nudelman N-37 ขนาด 37 มม. จำนวน 1 กระบอก (กระสุน 40 นัด)
  • 2.
    ​ปืนใหญ่ Nudelman-Rikhter NR-23 ขนาด 23 มม. จำนวน 2 กระบอก (กระสุนรวม 160 นัด)
  • 3.
    ​จรวดอากาศสู่อากาศ (บางรุ่น) เช่น K-13 (AA-2 "Atoll") ในเวอร์ชันที่พัฒนาต่อมา
  • 4.
    ​ระเบิดขนาด 100 กก. หรือ 250 กก. บรรทุกได้สูงสุด 2 ลูก บนปีก
ปืนใหญ่ขนาด 37 มม. และ 23 มม. นั้นมีอานุภาพรุนแรง สามารถยิงทำลายเครื่องบินข้าศึกได้ภายในไม่กี่นัด และเป็นอาวุธสำคัญในการสู้กับเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐฯ เช่น F-86 Sabre
4. ภารกิจทางการรบ
MiG-15 ถูกออกแบบให้เป็น เครื่องบินขับไล่ครองอากาศ (Air Superiority Fighter) แต่ยังสามารถใช้ในภารกิจอื่น ๆ ได้ดังนี้
  • ​ครองอากาศ (Air Superiority)
  • 1.
    ​ใช้สู้กับเครื่องบินขับไล่ของศัตรู โดยเฉพาะในสงครามเกาหลีที่ต่อสู้กับ F-86 Sabre ของสหรัฐฯ
  • 2.
    ​ครองอากาศ (Air Superiority)
  • ​ใช้สู้กับเครื่องบินขับไล่ของศัตรู โดยเฉพาะในสงครามเกาหลีที่ต่อสู้กับ F-86 Sabre ของสหรัฐฯ
  • ​สกัดกั้นเครื่องบินทิ้งระเบิด (Interceptor)
  • 1.
    ​ด้วยปืนใหญ่ขนาดใหญ่ MiG-15 มีพลังทำลายเครื่องบินทิ้งระเบิดหนัก เช่น B-29 Superfortress ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • 2.
    ​สกัดกั้นเครื่องบินทิ้งระเบิด (Interceptor)
  • ​ด้วยปืนใหญ่ขนาดใหญ่ MiG-15 มีพลังทำลายเครื่องบินทิ้งระเบิดหนัก เช่น B-29 Superfortress ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ​โจมตีภาคพื้นดิน (Ground Attack)
  • 1.
    ​สามารถติดระเบิดเพื่อโจมตีเป้าหมายภาคพื้น เช่น ขบวนรถขนส่งและฐานที่มั่น
  • 2.
    ​โจมตีภาคพื้นดิน (Ground Attack)
  • ​สามารถติดระเบิดเพื่อโจมตีเป้าหมายภาคพื้น เช่น ขบวนรถขนส่งและฐานที่มั่น
  • ​5. บทบาทในสงคราม
  • ​MiG-15 มีบทบาทสำคัญใน สงครามเกาหลี (1950-1953) และกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสีของ F-86 Sabre ของกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งนำไปสู่การรบทางอากาศที่ดุเดือด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เรียกว่า "MiG Alley" (บริเวณแม่น้ำ Yalu)
  • ​6. บทสรุป
  • ​MiG-15 เป็นเครื่องบินไอพ่นรุ่นแรกที่มีประสิทธิภาพสูงของโซเวียต มีความเร็วสูง คล่องตัว และอาวุธที่ทรงพลัง ใช้เป็นทั้งเครื่องบินขับไล่และเครื่องบินสกัดกั้น มีบทบาทสำคัญในสงครามเกาหลี และกลายเป็นพื้นฐานให้กับเครื่องบินขับไล่ไอพ่นยุคต่อมาของโซเวียต เช่น MiG-17 และ MiG-19
ตารางสมรรถนะ MIG 15
  • ​หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น การพัฒนาเวอร์ชันต่าง ๆ หรือการใช้งานในประเทศอื่น ๆ
MiG-15 ได้รับการพัฒนาต่อยอดเป็นเครื่องบินหลายรุ่น โดยเฉพาะ MiG-17 และ MiG-19 ซึ่งมีการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และเป็นพื้นฐานของเครื่องบินขับไล่ยุคไอพ่นของโซเวียต (Soviet Jet Fighter Evolution) ต่อมา MiG-21 ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องบินไอพ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ก็มีรากฐานจากแนวคิดของ MiG-15 เช่นกัน
1. MiG-17 (เข้าประจำการปี 1952)
MiG-17 ถูกออกแบบให้เป็นรุ่นปรับปรุงของ MiG-15 โดยมีการปรับ ปีกให้มีมุมกวาดมากขึ้น (45 องศา) และติดตั้งเครื่องยนต์ที่แรงขึ้นเพื่อเพิ่มความเร็วและความคล่องตัว
การพัฒนาเพิ่มเติม:
  • 1.
    ​ความเร็วสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 1,145 กม./ชม. (Mach 0.95)
  • 2.
    ​สามารถใช้ หลังการเผาไหม้ (afterburner) ในบางรุ่น
  • 3.
    ​มีระบบควบคุมที่ดีขึ้น ทำให้สามารถต่อสู้กับ F-86 Sabre ได้ดีขึ้น
  • 4.
    ​ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในสงครามเวียดนาม
2. MiG-19 (เข้าประจำการปี 1955)
MiG-19 เป็นเครื่องบินขับไล่ไอพ่น เหนือเสียงรุ่นแรกของโซเวียต ที่พัฒนาจาก MiG-17 โดยมีความเร็วสูงกว่าเดิม
การพัฒนาเพิ่มเติม:
  • 1.
    ​ใช้เครื่องยนต์ 2 เครื่องยนต์ (Tumansky RD-9B)
  • 2.
    ​มีความเร็วสูงสุด 1,450 กม./ชม. (Mach 1.2)
  • 3.
    ​มี ปีกทรงใหม่ ที่เหมาะกับการบินความเร็วเหนือเสียง
  • 4.
    ​อาวุธหลักยังคงเป็น ปืนใหญ่ 30 มม. และสามารถติดตั้ง จรวดอากาศสู่อากาศ (AA-2 "Atoll")
3. MiG-21 (เข้าประจำการปี 1959)
MiG-21 เป็น เครื่องบินไอพ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของโซเวียต มีการผลิตมากกว่า 11,000 ลำ และใช้งานในกว่า 50 ประเทศ
การพัฒนาเพิ่มเติม:
  • 1.
    ​ความเร็วสูงสุด 2,175 กม./ชม. (Mach 2.05)
  • 2.
    ​มีปีกแบบ "Delta Wing" เพื่อให้เหมาะกับความเร็วเหนือเสียง
  • 3.
    ​ติดตั้ง เรดาร์และระบบอาวุธนำวิถี ที่ทันสมัยขึ้น
  • 4.
    ​สามารถบรรทุก จรวดอากาศสู่อากาศ AA-2 "Atoll" และ AA-8 "Aphid"
  • 5.
    ​ใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในสงครามเวียดนาม
สรุป
  • 1.
    ​MiG-17 → ปรับปรุง MiG-15 ให้คล่องตัวขึ้น
  • 2.
    ​MiG-19 → กลายเป็น เครื่องบินขับไล่เหนือเสียงรุ่นแรกของโซเวียต
  • 3.
    ​MiG-21 → พัฒนาไปเป็น เครื่องบินไอพ่นความเร็วเหนือเสียงยุคใหม่
หากต้องการรายละเอียดเกี่ยวกับ MiG รุ่นใหม่ เช่น MiG-23, MiG-29 หรือ MiG-35
ขอขอบคุณภาพสวยจากพี่ไพบูลย์ และ ข้อมูลดีๆ จาก Chat GPT มากๆ ครับ
โฆษณา