22 มี.ค. เวลา 01:53 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ

เครื่องแบบ MiG-17 speed 0.9 Mach

สมรรถนะย่อของ MiG-17:
  • 1.
    ​ประเภท: เครื่องบินขับไล่
  • 2.
    ​ความยาว: 10.07 เมตร
  • 3.
    ​ความสูง: 4.74 เมตร
  • 4.
    ​ปีก: 8.79 เมตร
  • ​น้ำหนัก:
  • 1.
    ​น้ำหนักเปล่า: 4,990 กิโลกรัม
  • 2.
    ​น้ำหนักบรรทุกสูงสุด: 7,700 กิโลกรัม
  • 3.
    ​น้ำหนัก:
  • ​น้ำหนักเปล่า: 4,990 กิโลกรัม
  • 1.
    ​น้ำหนักบรรทุกสูงสุด: 7,700 กิโลกรัม
  • 2.
    ​เครื่องยนต์: เครื่องยนต์ไอพ่น OKB Tumansky RD-500, กำลัง 5,000 กิโลกรัมแรง
  • 3.
    ​ความเร็วสูงสุด: 1,100 กิโลเมตร/ชั่วโมง (ประมาณ 0.9 มัค)
  • 4.
    ​เพดานบินสูงสุด: 17,000 เมตร
  • 5.
    ​ระยะบินสูงสุด: 1,000 กิโลเมตร
  • ​อาวุธ:
  • 1.
    ​ปืนกล 2 กระบอก (30 มม.)
  • 2.
    ​จรวดและระเบิดสำหรับการโจมตีพื้นดิน
  • 3.
    ​อาวุธ:
  • ​ปืนกล 2 กระบอก (30 มม.)
  • 1.
    ​จรวดและระเบิดสำหรับการโจมตีพื้นดิน
  • 2.
    ​ระบบนำทาง: ระบบเรดาร์และการนำทางด้วยวิทยุพื้นฐาน
  • ​MiG-17 ถูกออกแบบมาเพื่อการสู้รบทางอากาศและมีความคล่องตัวสูงในระยะสั้น ด้วยความเร็วและความสามารถในการทิ้งระเบิด มันได้รับการใช้งานในหลายสงครามที่สำคัญในช่วงสงครามเย็น
เครื่องบิน MiG-17 ได้เข้าร่วมในการรบหลายครั้งและใช้ในการปฏิบัติการต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงสงครามเย็นและสงครามที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว นี่คือบางเหตุการณ์สำคัญที่เครื่องบินรุ่นนี้ได้มีส่วนร่วม:
  • ​สงครามเวียดนาม (1964-1975): MiG-17 ถูกใช้โดยเวียดนามเหนือในการสู้รบกับเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐฯ และพันธมิตร โดยมักถูกนำไปใช้ในการป้องกันการโจมตีจากเครื่องบินของฝ่ายศัตรู เช่น F-4 Phantom และ F-105 Thunderchief โดยเฉพาะในการป้องกันการโจมตีทางอากาศและการขัดขวางการทิ้งระเบิดของฝ่ายอเมริกัน
สงครามอาหรับ-อิสราเอล (1967, 1973): MiG-17 ถูกใช้โดยกองทัพอากาศของอียิปต์และประเทศอื่นๆ ในโลกอาหรับ ในการต่อสู้กับกองทัพอากาศอิสราเอลในสงครามหกวัน (1967) และสงครามยิวยูมิ (1973) ซึ่งการปฏิบัติการนี้ส่วนใหญ่เป็นการป้องกันอากาศและการโจมตีทางอากาศ
​สงครามระหว่างอินเดียกับปากีสถาน: MiG-17 ก็มีส่วนร่วมในการปฏิบัติการทางอากาศระหว่างอินเดียและปากีสถานในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงสงครามปี 1965 และ 1971 แม้ว่า MiG-17 จะไม่ได้มีบทบาทโดดเด่นเท่ากับ MiG-21 แต่ก็ยังถูกใช้ในการปฏิบัติการโจมตีและป้องกันทางอากาศ.
ในทางปฏิบัติ MiG-17 ใช้ในการ ป้องกันอากาศ (Air Defense) และ การโจมตีทางอากาศ (Air-to-Ground Attacks) โดยส่วนใหญ่จะใช้ในการต่อสู้กับเครื่องบินขับไล่ของฝ่ายศัตรูและในบางกรณีก็มีการโจมตีเป้าหมายบนพื้นดินเช่นกัน
ในช่วงเวลาที่ MiG-17 ได้ใช้งาน (1950s-1960s) เครื่องบินที่เป็นคู่ต่อสู้หลักของ MiG-17 ทั้งในด้านการสู้รบทางอากาศและการป้องกันอากาศ ได้แก่:
  • ​North American F-86 Sabre (สหรัฐอเมริกา): F-86 Sabre เป็นเครื่องบินขับไล่ที่โดดเด่นและเป็นคู่แข่งหลักของ MiG-17 ในช่วงสงครามเกาหลี (1950-1953) และในสงครามเวียดนาม F-86 มักจะเผชิญหน้ากับ MiG-17 โดยเฉพาะในช่วงที่มีการปะทะกันระหว่างกองทัพอากาศสหรัฐฯ และเวียดนามเหนือ
​McDonnell Douglas F-4 Phantom II (สหรัฐอเมริกา): แม้ว่า F-4 Phantom จะถูกพัฒนาในช่วงที่ MiG-17 เริ่มล้าสมัยแล้ว (เริ่มใช้งานในปี 1960) แต่ในช่วงสงครามเวียดนาม F-4 Phantom ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่หลายบทบาทของสหรัฐฯ ก็เป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่ MiG-17 ต้องเผชิญหน้า โดยในหลายกรณี MiG-17 ใช้การโจมตีและป้องกันจาก F-4 Phantom ในการบินต่อสู้
​Hawker Hunter (สหราชอาณาจักร): เป็นเครื่องบินขับไล่ของสหราชอาณาจักรที่มีการใช้งานในหลายประเทศ รวมถึงประเทศในแอฟริกาซึ่งใช้งานในช่วงเดียวกับ MiG-17 โดยเฉพาะในการโจมตีทางอากาศ
​Dassault Mystère IV (ฝรั่งเศส): เครื่องบินขับไล่ Mystère IV ถูกใช้โดยหลายประเทศในแอฟริกาและตะวันออกกลาง ซึ่งในบางกรณีก็เป็นคู่ต่อสู้ของ MiG-17 ในการต่อสู้ทางอากาศ
​Supermarine Swift (สหราชอาณาจักร): Swift เป็นเครื่องบินขับไล่ของสหราชอาณาจักรที่ใช้งานในช่วงเดียวกับ MiG-17 ในบางพื้นที่ของการต่อสู้ เช่นในแอฟริกาและเอเชีย
เครื่องบินเหล่านี้ทั้งหมดมีบทบาทในการปฏิบัติการทางอากาศที่แตกต่างกัน แต่มักจะพบว่าคู่ต่อสู้ของ MiG-17 เป็นเครื่องบินขับไล่ที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกัน เช่น ความเร็วสูง, การต่อสู้ในระยะกลางและระยะใกล้, และความสามารถในการป้องกันการโจมตีทางอากาศ
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Chat GPT และภาพเครื่องบิน สวยๆ จากพี่ไพบูลย์ มากครับ
โฆษณา