22 มี.ค. เวลา 04:34 • ไลฟ์สไตล์
เราเคยเกิดปัญหาในเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่สองพี่น้องต้องทะเลาะกันอย่างรุนแรง ต่างคนต่างอ้างเหตุผลมาหักล้างกัน จากสาเหตุที่พี่สาวเรา "ผู้ที่รักสัตว์ชอบปฏิบัติธรรม" นำเอาน้ำมาใส่โถ วางในจุดต่างๆ หลายจุด แล้วก็ยังโปรยเมล็ดธัญญพืช เพื่อให้นกมาจิกกิน บรรดานกดาหน้ากันมาเป็นฝูง ขี้รดใส่อาคาร, รถคันงาม, ผ้าสะอาดๆ ที่ตากไว้ จนแม่บ้านต้องมาบ่นระบายให้เราฟัง ที่ขำที่สุด คือการที่พี่สาวเราพูดใส่เราว่า ...."ทำไม ถึงเป็นคนใจร้ายใจดำได้ขนาดนี้" เราทำได้เพียงนึกในใจว่า "ตรรกะอิหยังวะ?"
นกจะต้องทำรัง พวกมันต้องหาอาหาร อาหารของพวกมันคือหนอน และซากพืชและซากสัตว์ต่างๆ มันหาอาหารเพื่อตัวเองเพื่อลูกน้อย และพวกมันก็จะต้องขับถ่าย แต่โดยไม่สนใจว่าจะเป็นที่ใด ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า มันอาจเป็นพาหะนำเชื้อโรคมาสู่คน แม้แต่ตัวมันเองก็มีภยันตรายจากสัตว์ใหญ่ ที่จำต้องใช้มันเป็นอาหาร แต่เหล่านี้ "คือธรรมชาติสัตว์ และห่วงโซ่อาหารของพวกมัน" ถ้ามันจะต้องตาย มันก็จะต้องตาย แต่ไม่ใช่ด้วยเจตนาที่เราจะไปฆ่าพวกมัน ให้ต้องพร่องศีล มันคือธรรมชาติ และก็คือธรรมะอย่างที่พวกเรามักพูดกันมิใช่หรือ?
ขี้นกนั้น มีกรดยูริกที่มีความเข้มข้นสูง ถึงขั้นที่สามารกัดกร่อนสีที่เคลือบรถได้ หนำซ้าหากเจอความร้อน มันจะช่วยเร่งปฏิกิริยาการกัดกร่อนซ้ำเติมเข้าไปอีก
ถ้าหากว่ามนุษย์และสัตว์จะต้องอยู่ร่วมกัน แต่กลับพูดคุยกันคนละภาษา การอยู่ร่วมกันมันก็คงต้องวุ่นวาย เพราะสัตว์ก็คือสัตว์ สัตว์มีทั้งความน่ารักน่าสงสาร แต่ขณะเดียวกัน มันก็สร้างความเดือดร้อนมาสู่คน พวกเรารับรู้กันมาแล้ว กับวิกฤตไข้หวัดนกในปี 2549 ว่ามันวุ่นวายร้ายแรงขนาดไหน
เราเคยอ่านข่าว คนแก่รักแมว เลี้ยงแมวหลายพันตัว แล้วก็เอาแต่บอกว่า ตัวเองเป็นคนดี คนอื่นต่างหากที่ใจมาร แต่การเลี้ยงของคุณกลับไปสร้างความเดือนร้อนรำคาญให้ผู่อื่น เกิดกลิ่น เกิดเชื้อโรค อย่างนี้ เรียกว่าเบียดเบียนหรือเปล่าคะ?
สวัสดีเช้าวันเสาร์ค่ะพี่นุ้ย
( ^^)
โฆษณา