Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บอกให้รวย
•
ติดตาม
23 มี.ค. เวลา 02:04 • หนังสือ
"อุเบกขา" โคก หนองนา ป่า สวนผสม
กฎแรงดึงดูด คืออะไร ใครคิด
Manifest ในบริบทของกฎแรงดึงดูด (Law of Attraction) หมายถึง การแสดงออก หรือการทำให้สิ่งที่ต้องการเกิดขึ้นจริงผ่านความคิดและความเชื่อ
1. ความหมายของ Manifest ตามกฎแรงดึงดูด
Manifest ในที่นี้หมายถึงกระบวนการที่บุคคล โฟกัสจิตใจ ไปยังสิ่งที่ต้องการ เช่น ความมั่งคั่ง ความรัก หรือสุขภาพดี โดยเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้สามารถดึงดูดเข้ามาในชีวิตได้ผ่าน
1.
ความคิดเชิงบวก
2.
การจินตนาการ (Visualization)
3.
ความเชื่อมั่นในตนเอง
4.
การลงมือทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
2. ใครเป็นคนคิดแนวคิด Manifest นี้?
แนวคิด Manifest และกฎแรงดึงดูดได้รับอิทธิพลมาจากหลายแหล่ง เช่น
1.
Phineas Quimby (1802–1866) นักปรัชญาและผู้บุกเบิก "New Thought Movement" (ขบวนการความคิดใหม่) ซึ่งเป็นรากฐานของกฎแรงดึงดูด
2.
Napoleon Hill (1883–1970) นักเขียนหนังสือ Think and Grow Rich (1937) ซึ่งกล่าวถึงพลังของความคิดต่อความสำเร็จ
3.
Rhonda Byrne นักเขียนที่ทำให้แนวคิดนี้เป็นที่นิยมผ่านหนังสือและสารคดี The Secret (2006)
3. จุดประสงค์ของ Manifest
แนวคิดนี้มีขึ้นเพื่อ
1.
กระตุ้นให้ผู้คนคิดบวก และเชื่อมั่นในตนเอง
2.
ช่วยให้มีเป้าหมายที่ชัดเจน และลงมือทำ
3.
เสริมสร้างแรงจูงใจ โดยทำให้คนมองเห็นความเป็นไปได้
แม้ว่าแนวคิดนี้จะมีผู้เชื่อและนำไปใช้มากมาย แต่ก็มีทั้งมุมที่สนับสนุนและมุมที่วิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะในแง่ของความเป็นวิทยาศาสตร์
คุณสนใจวิธีการ Manifest อะไรเป็นพิเศษไหม เช่น วิธีทำให้สำเร็จในชีวิตจริง?
วิธีใช้ Manifest ตามกฎแรงดึงดูด
การใช้ Manifest เพื่อดึงดูดสิ่งที่ต้องการเข้ามาในชีวิตต้องอาศัย ความคิด ความเชื่อ และการลงมือทำ โดยมี 5 ขั้นตอนหลักดังนี้
1. กำหนดสิ่งที่ต้องการ (Be Clear About Your Desire)
1.
ต้องรู้ชัดเจนว่าคุณต้องการอะไร เช่น ความมั่งคั่ง สุขภาพดี ความรัก หรือโอกาสดีๆ
2.
ยิ่งกำหนดรายละเอียดมากเท่าไหร่ ยิ่งช่วยให้จิตใจโฟกัสได้ดีขึ้น
ตัวอย่าง:
❌ "อยากรวย" → ไม่ชัดเจน
✅ "ฉันต้องการรายได้ 100,000 บาทต่อเดือนจากธุรกิจของฉันภายใน 1 ปี"
2. จินตนาการและความรู้สึก (Visualize and Feel It)
1.
นึกภาพตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่สำเร็จแล้ว
2.
ใช้ ทุกประสาทสัมผัส เช่น ได้ยินเสียง ได้กลิ่น หรือสัมผัสความรู้สึก
3.
ต้องทำให้รู้สึกเหมือนว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นแล้วจริงๆ
ตัวอย่าง:
หากต้องการบ้านหลังใหญ่ ให้จินตนาการว่ากำลังเดินเข้าไปในบ้าน ได้กลิ่นห้องใหม่ รู้สึกดีที่ได้อยู่ในนั้น
3. ใช้คำพูดเชิงบวก (Affirmations & Positive Thinking)
1.
ใช้ ประโยคบอกเล่าในเชิงบวก (Affirmations) ทุกวัน
2.
ต้องพูดเหมือนสิ่งนั้นเกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่แค่กำลังรอให้เกิด
ตัวอย่าง:
❌ "ฉันอยากมีเงินเยอะๆ" → เป็นการบอกว่ายังไม่มี
✅ "ฉันมีเงินไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และฉันพร้อมรับมัน"
4. ลงมือทำ (Take Action)
1.
Manifest ไม่ใช่แค่นั่งคิดแล้วทุกอย่างจะเกิดขึ้นเอง ต้องลงมือทำให้มันเป็นจริง
2.
หาโอกาส เรียนรู้ ลงมือทำ และปรับปรุงตัวเอง
ตัวอย่าง:
1.
ถ้าอยากมีธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ต้องเริ่มวางแผน ทำการตลาด และเรียนรู้เพิ่มเติม
2.
ถ้าอยากได้ความรัก ต้องเปิดใจ พบปะผู้คน และพัฒนาตัวเอง
5. ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ (Let Go & Trust the Process)
1.
อย่ายึดติดหรือเครียดเกินไป เพราะจะทำให้เกิดความสงสัย ซึ่งขัดขวางพลังงานบวก
2.
เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ต้องการกำลังมาหาคุณ และเปิดรับโอกาสที่เข้ามา
ตัวอย่าง:
หากทำทุกอย่างแล้ว อย่ากดดันตัวเอง ควรปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
Manifest นำไปใช้กับใครได้บ้าง?
สามารถใช้ได้กับ ทุกเรื่อง และ ทุกคน เช่น
✅ ธุรกิจและการเงิน → ดึงดูดความมั่งคั่ง โอกาสทางธุรกิจ รายได้ที่เพิ่มขึ้น
✅ ความรักและความสัมพันธ์ → ดึงดูดคู่ชีวิตที่ดี สร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคง
✅ สุขภาพ → ดึงดูดร่างกายแข็งแรง ฟื้นตัวจากอาการป่วย
✅ งานและอาชีพ → ดึงดูดโอกาสดีๆ ได้งานที่ต้องการ
✅ ความสุขและความสำเร็จส่วนตัว → เพิ่มพลังบวก ดึงดูดชีวิตที่ดีขึ้น
สรุป:
Manifest ไม่ใช่แค่ "คิดแล้วจะเป็นจริง" แต่ต้อง คิด + รู้สึก + ลงมือทำ + เชื่อมั่น ถึงจะได้ผล
คุณอยากลองใช้ Manifest กับเรื่องไหนในชีวิตบ้างครับ?
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Chat GPT มากๆ ครับ
เรื่องเล่า
ความรู้รอบตัว
จิตวิทยา
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย