23 มี.ค. เวลา 09:44 • การศึกษา

การศึกษาท่ามกลางความท้าทาย ‘ความยากจน-ไฟใต้’ กับอนาคตที่ริบหรี่ของเด็กชายแดน

สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เป็นพื้นที่ที่เผชิญกับปัญหาหลักสองประการที่ซ้ำเติมกันอยู่ตลอดเวลา นั่นคือ "ความยากจน" และ "ความไม่สงบ" ทั้งสองปัญหานี้ส่งผลโดยตรงต่อระบบการศึกษา ทำให้เด็กจำนวนไม่น้อยต้องหลุดออกจากระบบ หรือได้รับการศึกษาที่ไม่เต็มศักยภาพ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออนาคตของพวกเขาในระยะยาว
เมื่อความยากจนกลายเป็นกำแพงขวางอนาคต
ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่า ภาคใต้เป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนคนจนสูงสุดของประเทศ โดยเฉพาะสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีสัดส่วนคนจนรวมกันถึง 9.91% ของประชากรทั้งหมด ปัญหานี้ส่งผลให้ครอบครัวจำนวนมากไม่สามารถส่งลูกหลานเข้าเรียนได้อย่างต่อเนื่อง เด็กหลายคนต้องออกจากโรงเรียนกลางคันเพราะต้องช่วยพ่อแม่ทำงานหาเลี้ยงชีพ
แม้จะมีโครงการช่วยเหลือ เช่น "โครงการเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษแบบมีเงื่อนไข" ที่ให้เงินสนับสนุนเพื่อช่วยให้เด็กได้เรียนต่อ แต่นั่นก็เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ต้นเหตุของปัญหาคือเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคง และโครงสร้างสังคมที่ไม่เอื้อต่อการศึกษาของเด็กในพื้นที่
ไฟใต้ที่เผาผลาญโอกาสทางการศึกษา
สถานการณ์ความไม่สงบที่ยืดเยื้อมากว่า 15 ปี ทำให้โรงเรียน ครู และนักเรียน ตกเป็นเป้าหมายของความรุนแรง การโจมตีโรงเรียน การลอบทำร้ายครู และการปิดโรงเรียนชั่วคราวเนื่องจากเหตุการณ์ความรุนแรง กลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
เด็กจำนวนไม่น้อยต้องหยุดเรียนเพราะ "โรงเรียนไม่ปลอดภัย" ครูเองก็ทำงานด้วยความหวาดระแวง นักเรียนบางคนต้องเดินทางไปเรียนที่อื่น หรือเลือกเรียนในโรงเรียนที่มีระบบความปลอดภัยสูงขึ้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเช่นกัน
งานวิจัยของ Uddin และ Sarntisart (2020) พบว่า เด็กในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ได้รับการศึกษาน้อยกว่าเด็กในจังหวัดอื่นของภาคใต้ เฉลี่ย 0.88 ปี นอกจากนี้ อัตราการถ่ายทอดการศึกษาระหว่างรุ่นในพื้นที่นี้ยังสูง หมายความว่า หากพ่อแม่ไม่ได้รับการศึกษา ลูกก็มีแนวโน้มที่จะไม่ได้รับการศึกษาที่ดีเช่นกัน เป็นวัฏจักรที่วนเวียนไม่สิ้นสุด
โรงเรียนปอเนาะ: ทางเลือกที่ใช่ หรือทางตันของการศึกษา?
โรงเรียนปอเนาะ เป็นอีกหนึ่งเสาหลักทางการศึกษาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเน้นการสอนศาสนาอิสลามเป็นหลัก และได้รับการยอมรับจากชุมชน อย่างไรก็ตาม ปอเนาะบางแห่งเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทำให้เด็กไม่ได้รับการศึกษาที่ครบถ้วน
ข้อดีของโรงเรียนปอเนาะ
✅ ตอบโจทย์ความเชื่อของชุมชน: พ่อแม่หลายคนเชื่อมั่นในระบบการศึกษาของปอเนาะ เพราะเป็นไปตามหลักศาสนาอิสลาม
✅ เป็นที่พึ่งของเด็กที่ขาดโอกาส: เด็กที่ไม่ได้เรียนในโรงเรียนของรัฐ หรือขาดทุนทรัพย์ มักเลือกปอเนาะเป็นสถานที่ศึกษา
ข้อท้าทายของโรงเรียนปอเนาะ
❌ หลักสูตรที่ไม่สอดคล้องกับระบบการศึกษาของรัฐ: ปอเนาะหลายแห่งเน้นเฉพาะการศึกษาศาสนา ขาดการเรียนวิชาหลัก เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาไทย ทำให้เด็กมีปัญหาด้านทักษะที่จำเป็นในตลาดแรงงาน
❌ ขาดบุคลากรที่มีคุณภาพ: ครูบางคนอาจไม่มีความชำนาญในวิชาสามัญ หรือไม่ได้รับการฝึกอบรมตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ
❌ ปัญหาด้านความปลอดภัยและภาพลักษณ์: แม้ว่าปอเนาะส่วนใหญ่จะเป็นสถานศึกษาโดยสุจริต แต่ก็มีบางกรณีที่ปอเนาะถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแนวคิดสุดโต่ง ทำให้ภาครัฐต้องเข้ามาควบคุมและตรวจสอบมากขึ้น
จะฝ่าวงจรอุบาทว์นี้ได้อย่างไร?
การแก้ปัญหาการศึกษาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย แนวทางที่เป็นไปได้ ได้แก่:
✔ พัฒนาคุณภาพการศึกษาในปอเนาะ ให้มีการเรียนการสอนวิชาสามัญควบคู่ไปกับวิชาศาสนา
✔ สร้างโรงเรียนที่ปลอดภัย ด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น
✔ เพิ่มโอกาสทางการศึกษา เช่น ทุนการศึกษาสำหรับเด็กที่ยากจนและขยายโครงการเรียนออนไลน์เพื่อลดอุปสรรคด้านการเดินทาง
✔ ส่งเสริมการเรียนรู้สองภาษา โดยใช้ภาษามลายูเป็นสื่อการสอนร่วมกับภาษาไทย เพื่อให้เด็กสามารถเข้าใจเนื้อหาการเรียนได้ดีขึ้น
แม้ว่าเส้นทางนี้จะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่การศึกษาคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เด็กๆ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้หลุดพ้นจากวังวนของความยากจนและความรุนแรงได้ หากเราสร้างระบบการศึกษาที่ตอบโจทย์ความต้องการของพื้นที่ เราอาจได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของปัญหานี้ในที่สุด
โฆษณา