23 มี.ค. เวลา 13:42 • ดนตรี เพลง

kanekoayano กับไลฟ์ครั้งแรกในกรุงเทพฯ

ย้อนเวลากลับไปช่วง ต้นเดือนธันวาคม ปี 2024 ในวันปกติธรรมดาๆวันนึง ผมหยิบมือถือขึ้นมาเปิดโซเชียวมีเดียแล้วเจอโพสต์ที่ว่า
“[📢] Live Nation Tero presents
LANDOKMAI & kanaekoayano” 15 march 2025
ผมเลื่อนผ่านโพสต์นี้ไปแบบเร็วๆ 1 ครั้ง ก่อนที่จะเลื่อนย้อนกลับขึ้นมาพร้อมกับคำพูดในหัวว่า
“เดี๋ยวนะ คะเนะโกะ อะยะโนะ นี่หว่า! ที่ไหนนะ ? กรุงเทพฯ ? จริงปะเนี่ยย โม้ป่าววะ มายก้อดดด ” แล้วผมก็ตื่นเต้นกับประกาศในครั้งนั้นเอามากๆ จนใช้ชีวิตตามปกติแต่เป็นไปอย่างระมัดระวังมากขึ้น เพื่อที่จะเอาชีวิตรอดไปให้ถึงวันนั้นในเดือนมีนาคม
15 มีนาคม 2025
หลังจากใช้ชีวิตตามปกติไปเรื่อยเปื่อยอย่างใจจดใจจ่อ รู้ตัวอีกทีวันนี้ก็มาถึงแล้วครับ วันที่ผมจะได้ดู kanekoayano อีกครั้ง แต่ครั้งนี้คือ ในกรุงเทพฯ! ที่ชั้น5 ของ ห้าง เอ็มสเฟียร์
ตามกำหนดการคือโชว์ที่จะเริ่ม 1 ทุ่ม ผมไปถึงราว 18.40 น.
หลังจากเดินตามหาฮอล์ที่ใช้จัดงานในครั้งนี้จนเริ่มรู้สึกปวดน่องขาขึ้นมาหน่อยๆ
พอมาถึง มีผู้คนนั่งรอที่หน้าเวทีเยอะกว่าที่คิดที่คาดการณ์ไว้นิดหน่อย แต่ก็ไม่แน่นจนเกินไป ยังพอมีพื้นที่ว่างเล็กๆให้เดินแทรกเข้าไปได้อยู่
ฮอลล์นี้ผมค่อนข้างประทับใจ อย่างแรกคือเพดานที่สูงราวๆตึก3ชั้น สเกลที่ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป เวทีสูง การจัดไฟบนเวทีดูจะคุ้นตาเล็กน้อยและคิดว่าเป็นไปตามมาตราฐานของ kanekoayano ผมเลือกที่จะเดินไปทางฝั่งขวาของเวทีเล็กน้อยน่าจะประมาณแถวที่3-4จากด้านหน้าสุด และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ผมเลือกโพสิชั่นได้เฉียบขาดจริงๆ
หลังจากที่สตาฟขึ้นมาเช็คเสียงเครื่องดนตรีทุกชิ้นแล้ว เวลา1ทุ่มตรงตามกำหนดการ kanekoayano ก็ขึ้นมาบนเวทีแล้วครับ อะยะโนะซัง ยืนอยู่ค่อนไปทางซ้ายของเวทีและยืนเฉียง45องศามาทางขวาเล็กน้อย นั่นคือสิ่งที่บอกว่าผมเลือกโพสิชั่นได้ดีจริงๆ คือผมได้เผชิญหน้ากับอะยะโนะซังแบบแทบจะเป็นไลน์เดียวกันเป๊ะๆ เอ๊ะ นี่โลกมีสิ่งมหัศจรรย์ที่ 8 แล้วยังไม่ได้ประกาศหรือป่าวนะ ?
หลังจากตะลึงกับความงามและออร่าที่โคตรจะเปล่งประกายขอคุณอะยะโนะได้ไม่ถึง30วินาทีที่เธอเริ่มจับกีต้าร์และคล้องสายสะพายเข้ากับร่างเล็กๆของเธอ เพลงแรกก็เริ่มบรรเลงทันที “気分 kibun” คือเพลงแรกของค่ำคืนนี้
ขนผมลุกไปทั้งตัวไปจนถึงสันหลัง (คนละแบบกับตอนปวดท้องเข้าอยากห้องน้ำ) ให้ตาย นี่มันเรื่องจริงหรือป่าววะ ผมถามตัวเองซ้ำๆระหว่างที่เพลงแรกเริ่มขึ้น น้ำตาปริ่มๆเหมือนจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา แต่ต่อให้ร้องไห้ออกมาจริงๆแล้วล่ะก็ มันไม่ใข่ความรู้สึกเศร้าแต่อย่างใด ผมขอบคุณตัวเองที่มีชีวิตมาจนถึงตอนนี้ ขอบคุณตัวเองที่อยู่ที่นี่ตอนนี้ เป็นความรู้สึกที่อธิบายยาก แต่ผมรู้แล้วแหละ ว่าผมจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร..
โชว์ดำเนินต่อไปเรื่อยๆโดยที่ผมไม่ได้ละสายตาจากสมาชิกวงแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะขยับหรือโยกตัวไปตามจังหวะเพลงได้ เหมือนกับร่างกายแข็งทื่อและตกอยู่ในภวังค์ มีบ้างที่โยกหัวเบาๆด้วยปฐิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติของร่างกายเมื่อถูกพลังงานเสียงกระตุ้น แต่ผมพยายามที่จะจดจ่อกับโชว์นี้และเก็บทุกโมเมนต์บนเวทีให้ได้มากที่สุดจึงส่งผลให้ร่างกายผมแทบจะหยุดนิ่งขยับแค่เพียงสายตาและเปลี่ยนการวางมือ ถือแขนตอนจบเพลงเท่านั้น
การดีไซน์โชว์ จัดวางลำดับเซ็ตลิสต์เป็นไปอย่างปราณีตและทำให้แฟนคลับอย่างผมสัมผัสได้ถึงการออกแบบที่ตั้งใจและคิดมาแล้ว อย่างน้อยก็ในเรื่องของไดนามิกขึ้นลงของแต่ละเพลง ที่ผมสัมผัสได้ชัดเจนที่สุดคือช่วง เอ้าต์โทรของเพลง “もしも moshimo ”จะมีการร้องคอรัสจากสมาชิกในวงเป็นเนื้อเพลงว่า
“ ほら小さな頃のお前が ほら夢見た頃のお前が ”
( hora chisana koro no omaega Hora yumemita koro no omaega )
วนลูปไปเรื่อยๆจนคล้ายกับว่ากำลังกล่อมประสาทผู้ฟังจนจบเพลง และก่อนจะต่อด้วย อินโทรของเพลงถัดไปอย่าง “lucky” ที่โคตรจะ spychedelic
จังหวะนี้แหละครับที่ทำให้ผมเข้าใจการดีไซน์ของโชว์มากขึ้น ยิ่งทำให้ผมหลงรัก kanekoayano มากขึ้นไปอีก ก่อนจะตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง จนกระทั่งเดินทางมาถึงเพลงอย่าง
“寂しくない sabishikunai” ผมรับรู้ได้ในทันทีว่านี่คือเพลงสุดท้ายของพวกเขาแล้วล่ะครับ แต่ผมยังไม่อยากให้มันจบเลยครับแอบหวังลึกๆให้มันเป็นความคิดที่ผิดพลาด แต่ก็เป็นไปตามคาดการณ์ครับ ตั้งแต่ปล่อยเพลงนี้มาเมื่อช่วงต้นปี 2024 มักจะใช้เพลงนี้ปิดโชว์ แต่ด้วยทุกๆองค์ประกอบทุกๆอย่างในเพลงนี้ ก็สมศักดิ์ศรีดีครับ
1 ชั่วโมงผ่านไปแล้วครับ ความรู้สึกที่ว่า 1 ชั่วโมงผ่านไปเร็วขนาดนี้ คงเป็นช่วงวัยเด็กประถมตอนที่เข้าร้านอินเตอร์เน็ต 1 ชั่วโมง เผลอแป๊บๆก็หมดชั่วโมงจนต้องขอต่อเวลาอยู่เรื่อย แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้ ผมไม่ได้สามารถขอต่อเวลาแบบนั้นได้ครับ มันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ถึงกระนั้น มันก็เป็นสิ่งที่เติมเต็มผมมากๆอย่างเพียงพอ สมกับการรอคอยและอยากอยากจะขอบคุณพวกเขามากจริงๆ ที่มอบประสบการณ์ ความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย รวมๆแล้ว ผมขอเรียกมันว่า “ความสุข” ก็แล้วกันครับ ถ้ามีโอกาสยังไงก็คงได้พบกันอีก
ในค่ำคืนวันนั้นผมรักพวกเขามากขึ้น และที่สำคัญ มันทำให้ผมรักตัวเองมากขึ้นเช่นกันครับ
ありがとうございました♪
เครดิตภาพ official X : @kanekoayanoinfo
โฆษณา