23 มี.ค. เวลา 14:21 • หุ้น & เศรษฐกิจ

แผน ‘มาราธอน 100 ปี’ ของจีน เมื่อสหรัฐฯ กำลังจะโดนล้มบัลลังก์ โดยไม่ต้องใช้กระสุนสักนัด

ลองนึกย้อนไป 20 ปีที่แล้ว ใครจะเชื่อว่าบริษัทจีนจะขึ้นมาครองโลกธุรกิจได้ขนาดนี้ ถ้าใครมาพูดอย่างนี้เมื่อก่อน ทุกคนคงขำก๊าก ไม่มีใครเชื่ออย่างแน่นอน
ต้องยอมรับว่ากว่า 40 ปีมาแล้วที่สหรัฐฯ ช่วยเหลือจีนในการสร้างเศรษฐกิจ พัฒนาวิทยาศาสตร์และการทหาร จนก้าวขึ้นมาโดดเด่นบนเวทีโลกได้อย่างน่าอัศจรรย์
ในช่วงแรกเริ่มความสัมพันธ์กับจีน สหรัฐฯ คิดว่าจีนก็คงเหมือนประเทศอื่นๆ ที่พวกเขาเคยชักใยได้ สุดท้ายก็จะมาร่วมมือสร้างความแข็งแกร่งให้อเมริกานั่นแหละ
แต่ถ้าความฝันที่แท้จริงของจีนคือการแทนที่อเมริกาล่ะ? และทำแบบเดียวกับที่อเมริกาเคยเข้ามาเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกแทนจักรวรรดิอังกฤษ
มีหนังสือหลายเล่มที่เปิดโปงแผนการลึกลับซับซ้อนของจีน ที่ต้องการเข้ามาแทนที่สหรัฐฯ ในฐานะมหาอำนาจโลก
2
พวกเขาวางเป้าหมายชัดเจนว่าจะต้องทำสำเร็จภายในปี 2049 ซึ่งเป็นวันครบรอบหนึ่งร้อยปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน
1
กลยุทธ์ของจีนเรียกว่า Unrestricted Warfare คือการสู้รบแบบไร้ขีดจำกัด พวกเขาต้อนรับการลงทุนจากทั่วโลก แต่แทบไม่ยอมให้นำกำไรออกนอกประเทศ บริษัทจีนสยายปีกไปทั่วโลก แต่ในประเทศกลับจำกัดบริษัทต่างชาติทุกรูปแบบ
ปัจจุบันประเทศไม่จำเป็นต้องมีกองทัพใหญ่โตเพื่อเป็นมหาอำนาจอีกต่อไป สมัยก่อนอาจเห็นประเทศมหาอำนาจไล่ล่าควบคุมประชากร ทรัพยากร หรือแม้แต่รัฐบาลประเทศอื่น
2
การใช้กำลังทหารเป็นเพียงวิธีหนึ่งในการแสดงความก้าวร้าว แต่ในมุมมองของจีน อำนาจทางเศรษฐกิจมีความเจ๋งกว่าเยอะ
3
พวกเขาสร้างความได้เปรียบในทุกขอบเขตการสู้รบเท่าที่เป็นไปได้ ใช้สร้างอิทธิพลและโน้มน้าวผู้นำทางการเมืองในต่างประเทศ ปิดปาก ซื้อหรือขโมยเทคโนโลยีแบบอยู่หมัด
1
จีนยังใช้วิธีผลิตสินค้าราคาถูกเพื่อขับไล่คู่แข่งออกจากธุรกิจ ทำให้เศรษฐกิจของคู่แข่งอ่อนแอลง แบบไม่มีใครสู้ได้
2
นอกจากนี้ยังสร้างกองทัพนักวิชาการเพื่อรวบรวมข้อมูลข่าวกรองด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แล้วนำไปใช้บรรลุเป้าหมายอื่นๆ แบบครบวงจร
ย้อนไป 20 ปีที่แล้ว หากพูดถึงแบรนด์อย่าง BYD, TikTok, Huawei, Xiaomi, Shein และ Temu หลายคนคงส่ายหัวไม่รู้จัก มีแค่ Huawei ที่พอมีชื่อในวงการโทรคมนาคมบ้าง
3
แต่ที่เหลือล้วนเป็นแบรนด์ที่เพิ่งเกิดแทบทั้งสิ้น BYD ก่อตั้งปี 2003 เริ่มผลิตรถยนต์คันแรกปี 2005 ส่วน TikTok เริ่มจาก Douyin ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลกผ่านแบรนด์ TikTok ที่เปิดตัวปี 2016
2
Shein ก่อตั้งในเมืองหนานจิงเมื่อตุลาคม 2008 โดย Chris Xu ผู้ประกอบการที่เทพด้าน SEO ส่วน Temu แม้มีบริษัทแม่อย่าง PDD Holdings ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจีน แต่แบรนด์ Temu เพิ่งเกิดเมื่อปี 2022 เท่านั้น
Xiaomi ที่ตอนนี้ท้าชนยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในสินค้า consumer electronics ก็เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2010 เรียกได้ว่าดังกระฉูดภายในเวลาสั้นๆ
3
แบรนด์เหล่านี้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของตนเองด้วยระยะเวลาไม่นาน อัตราเร่งในการเติบโตก็โครตเทพ แบบที่หลายๆ คนคงจะแทบจะไม่เชื่อว่าพวกเขาทำได้อย่างไร
1
ยังไม่นับแบรนด์อื่นๆ อีกมากมายที่กำลังเจริญรอยตาม งอกขึ้นมาในแทบทุกอุตสาหกรรม ทั้งรถไฟความเร็วสูง ชิป เครื่องบิน Comac ที่พร้อมท้าชน Boeing หรือ Airbus ในเร็ววัน หรือแม้แต่การท่องอวกาศที่พวกเขาปักหมุดไปไกลแล้ว
4
Huawei เองเคยประกาศกร้าวว่าจะเป็นอันดับหนึ่งในตลาดสมาร์ทโฟนโลกภายในปี 2020 แต่ด้วยสงครามการค้า การแบนเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ทำให้ต้องถอยกลับไปเริ่มต้นใหม่ โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านชิป
1
ทั้งรัฐบาลจีนและ Huawei ตระหนักว่าไม่สามารถยืมจมูกคนอื่นหายใจได้อีกต่อไป จึงต้องรังสรรค์นวัตกรรมเอง
ในปี 2023 Huawei ประกาศวางขายสมาร์ทโฟน Mate 60 ซึ่งใช้ชิปประมวลผล 7 นาโนเมตรได้สำเร็จ ทำให้คู่แข่งทั่วโลกสะพรึงกลัว พร้อมคำถามว่าจีนทำได้อย่างไรในเวลาอันสั้น
1
รูปแบบธุรกิจของจีนมีความคล้ายคลึงกันมาก เริ่มจากหลอกล่อบริษัทต่างประเทศให้มาลงทุนผลิตในประเทศ ดึงดูด knowhow ก่อนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองอย่างรวดเร็ว
3
ฐานผู้บริโภคในประเทศที่ใหญ่มหาศาลช่วยให้พวกเขาทดลองสร้างนวัตกรรมต่างๆ และปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ได้ตลอดเวลา ที่สำคัญประชาชนจีนก็พร้อมใจกันอุดหนุนผลิตภัณฑ์ในประเทศอีกด้วย
1
ทุกแบรนด์เหล่านี้สร้างนวัตกรรมไม่หยุดยั้ง พัฒนาด้วยความเร็วแบบไฮสปีด พร้อมความสัมพันธ์ลึกลับซับซ้อนกับรัฐบาลจีน ที่คอยชี้เป็นชี้ตายอนาคตของบริษัทเหล่านี้ได้ทุกแห่ง ดูได้จากการกวาดล้างบริษัทเทคโนโลยีในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
เป็นยุทธศาสตร์ที่วางหมากไว้ทั้งหมด การผสานระหว่างองค์กรธุรกิจและภาครัฐจีนที่คอยกำหนดแผนสอดรับกัน เช่น การวางโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อย่างรถไฟความเร็วสูง หรือท่าเรือขนส่งสินค้าทั่วโลก
1
ทั้งหมดเป็นไปตามแผนการ The Hundred-Year Marathon ของจีน และจากสถานการณ์ปัจจุบัน มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก โดยแทบไม่ต้องใช้กระสุนสักนัด เหมือนที่อเมริกาเคยล้มจักรวรรดิอังกฤษสำเร็จมาแล้ว
1
ในการแข่งขันระดับโลกนี้ จีนใช้ความอดทนและการวางแผนระยะยาวเป็นเครื่องมือสร้างความสำเร็จ พวกเขาเข้าใจว่าการเป็นมหาอำนาจไม่ได้สร้างขึ้นชั่วข้ามคืน แต่ต้องใช้เวลาหลายทศวรรษในการสร้างรากฐานที่มั่นคง
บริษัทจีนฝ่าฟันต่อสู้อย่างชาญฉลาด ใช้ทั้งกลยุทธ์ทางการตลาด การวิจัยและพัฒนา และการสนับสนุนจากรัฐบาล จนมาถึงจุดที่โลกต้องอ้าปากค้างกับความก้าวหน้าของพวกเขา
สุดท้ายแล้ว ความเทพของจีนอยู่ที่ความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ระยะยาว พวกเขาไม่ได้มองแค่ผลกำไรระยะสั้น แต่มองถึงการครองโลกในอนาคต และดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเดินทางไปสู่เป้าหมายนั้นอย่างมั่นคง ด้วยแรงขับเคลื่อนที่ฉุดไม่อยู่อย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้นั่นเองครับผม
References :
หนังสือ The Hundred-Year Marathon: China’s Secret Strategy to Replace America as the Global Superpower โดย Michael Pillsbury
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา