Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Good Sharing
•
ติดตาม
24 มี.ค. เวลา 03:36 • ไลฟ์สไตล์
การเปลี่ยนแปลงไปสู่ "Loud Luxury" ในปี 2025 ไม่ได้เกิดขึ้นแบบฉับพลันและแตกต่างสุดขั้ว
แต่เป็นการค่อย ๆ เพิ่มระดับขึ้นจากกระแสที่สงบเงียบของ "Quiet Luxury" ที่เคยครองอิทธิพลมาก่อน
หากท่านผู้อ่านต้องการที่จะรับชมคลิปเรื่องนี้ สามารถไปติดตามได้ที่
https://youtu.be/___SXhAozuw?si=vyKRIMIP_chAtvZG
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Quiet Luxury ถือเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราแบบสุขุม เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง แบรนด์อย่าง Loro Piana ที่ขึ้นชื่อเรื่องฝีมือการตัดเย็บและคุณภาพของวัสดุ ได้กลายเป็นตัวแทนของสุนทรียภาพนี้ ซึ่งเป็นโลกของเสื้อสเวตเตอร์แคชเมียร์ หนังแท้เนื้อนุ่ม และโทนสีที่เงียบสงบ—เป็นภาษาทัศนศิลป์ที่เข้าใจได้เฉพาะผู้ที่ "รู้จริง" เท่านั้น
ความงามแบบนี้สร้างขึ้นจากแนวคิดเรื่องเอกสิทธิ์ โดยที่คุณภาพของวัสดุและงานฝีมือเป็นตัวสื่อสารเองโดยไม่ต้องพึ่งพาโลโก้ขนาดใหญ่หรือดีไซน์ฉูดฉาด ส่งผลให้เกิดวัฒนธรรม "ถ้าคุณรู้ คุณก็รู้" และช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับกลุ่มลูกค้าบางกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม ภายในปี 2024 แนวทางที่เงียบขรึมของ Quiet Luxury เริ่มรู้สึกซ้ำซาก ขาดความมีชีวิตชีวาที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นหลัก แพลตฟอร์มอย่าง TikTok และ Instagram ได้เปิดโอกาสให้ผู้คนได้แสดงสไตล์ของตนเองและมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์หรูในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ฟีดที่ถูกคัดสรรอย่างดีและกระแสไวรัลได้สร้างวัฒนธรรมของภาพลักษณ์ที่ดึงดูดสายตา ซึ่งเปิดทางให้ Loud Luxury ได้ก้าวขึ้นมาเป็นกระแสหลัก
ภายในปี 2025 "Loud Luxury" ได้กลายเป็นแนวโน้มที่ครองตลาดแฟชั่นอย่างสมบูรณ์ เสียงกระซิบของ Quiet Luxury ถูกแทนที่ด้วยความดุดันของลวดลายจัดจ้าน โลโก้ที่โดดเด่น และความหรูหราที่ไม่ขออภัยใคร แบรนด์หรูต่าง ๆ ต้องพึ่งพาความฉูดฉาดนี้เพื่อดึงดูดผู้บริโภคยุคใหม่ที่เชื่อมต่อกับดิจิทัล โลโก้ที่เคยถูกมองว่าเป็นสิ่งต้องห้ามกลับกลายเป็นสัญลักษณ์ของสถานะและการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสังคม
แบรนด์ดังอย่าง Gucci, Versace และ Balenciaga ได้พิมพ์โลโก้ของตนลงบนสินค้าทุกประเภท ตั้งแต่กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า ไปจนถึงเครื่องประดับ สีสันที่ฉูดฉาด ลวดลายที่โดดเด่น และดีไซน์ที่เต็มไปด้วยความอลังการได้เข้ามาแทนที่โทนสีเรียบของ Quiet Luxury ก่อให้เกิดปรากฏการณ์แฟชั่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ รูปทรงโอเวอร์ไซซ์ เครื่องประดับสุดอลังการ และวัสดุที่ไม่ธรรมดาถูกนำมาใช้เพื่อสร้างชิ้นงานที่ดึงดูดความสนใจ
นอกจากนี้ Hyper-personalization หรือการออกแบบให้เข้ากับบุคคลยังช่วยส่งเสริมแนวทางของ Loud Luxury อีกด้วย เนื่องจากผู้บริโภคสามารถปรับแต่งสไตล์ มิกซ์แอนด์แมทช์ และแสดงออกถึงตัวตนที่ไม่เหมือนใครได้ ยอดขายในปี 2024 แสดงให้เห็นว่าแม้ Kering จะชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่ LVMH ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทำให้แบรนด์ต้องหาทางสร้างสมดุลระหว่างการออกแบบที่เน้นเทรนด์และความหรูหราที่คงความคลาสสิกไว้
1. โซเชียลมีเดีย & วัฒนธรรมอินฟลูเอนเซอร์ – TikTok และ Instagram กลายเป็นสนามแข่งขันของแบรนด์และบุคคลที่ต้องการแสดงสถานะทางสังคม Loud Luxury เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด
ในการดึงดูดสายตา
2. FOMO และแรงกดดันทางสังคม – การแสดงความหรูหรา
ผ่านสินค้าแบรนด์เนมกลายเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของคนรุ่นใหม่ ใครไม่มีอาจรู้สึก "Outdated"กลัวที่จะตกข่าว ตกกระแสหรือตกเทรนด์
3. เศรษฐกิจและการตลาดของแบรนด์ – แบรนด์แฟชั่นหรูหราหลายเจ้าปรับกลยุทธ์ให้ Loud Luxury เป็น "Mass Prestige"
หรือความหรูหราที่จับต้องได้มากขึ้น ด้วยการออกไลน์สินค้าราคาถูกลง เช่น กระเป๋าเล็ก ๆ หรือเครื่องประดับที่ทำให้คนทั่วไปเข้าถึงแบรนด์ได้
กรณีของดิว อริสรา นักแสดงหญิงชาวไทย เป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงด้านมืดของ Loud Luxury ด้วยไลฟ์สไตล์ที่หรูหราและการใช้จ่ายเกินตัว เธอพบว่าตัวเองติดหนี้ถึง 62 ล้านบาทจากการใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยโดยไม่สามารถชำระคืนได้
คดีนี้กลายเป็นหัวข้อร้อนแรงในวงการบันเทิงไทยและในสื่อออนไลน์ เธอถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงและการยักยอกทรัพย์ ซึ่งส่งผลให้เธอต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากสังคม เรื่องราวของเธอเป็นคำเตือนถึงอันตรายของการยึดติดกับภาพลักษณ์ที่หรูหราบนโซเชียลมีเดีย โดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริงทางการเงินของตนเอง
ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น แต่เรายังเห็นกรณีของเหล่าคนดัง
ระดับโลก เช่น
- Kim Kardashian & Cardi B ที่ส่งเสริม Loud Luxury
ผ่านการใช้ชีวิตสุดหรู แอนนา เดลวีย์ หรือชื่อจริงของเธอคือ
แอนนา โซโรคินวัยยี่สิบกว่าปีหลอกเงินจากเพื่อนและธนาคารต่าง ๆ หลายแสนดอลลาร์สหรัฐในนครนิวยอร์ก ด้วยการอ้างตัว
เป็นทายาทมหาเศรษฐี ก่อนถูกจับได้ในที่สุด
- Hushpuppi อินฟลูเอนเซอร์ชาวไนจีเรียที่ใช้เงินฟุ่มเฟือยบนโซเชียล ก่อนถูกเปิดโปงว่าเป็นอาชญากรไซเบอร์
เมื่อความหรูหรากลายเป็น "มาตรฐานชีวิต" คนจำนวนมากเริ่ม
ใช้เงินเกินตัว เพื่อให้ได้มาซึ่งภาพลักษณ์ที่ต้องการ เราจึงเห็นการเติบโตของ:
1. สินเชื่อแฟชั่น & Buy Now, Pay Later (BNPL) – ธุรกิจปล่อยกู้ให้คนซื้อของแบรนด์เนมแบบผ่อนจ่าย
2. ตลาดสินค้ามือสองหรูหรา – หลายคนต้องขายกระเป๋าหรู
เครื่องประดับ เพื่อนำเงินมาใช้หนี้
3. ภาวะหนี้สินส่วนบุคคลที่พุ่งสูง – คนรุ่นใหม่เป็นหนี้เร็วขึ้นจากการใช้จ่ายเพื่อไล่ตามเทรนด์
นอกจาก Loud Luxury ยังมีอีกเทรนด์ที่มาแรง นั่นคือ "Dupe" หรือ DUplicateคือสินค้าทดแทนราคาถูกที่ให้ลุคหรูหราเหมือนแบรนด์ระดับสูง โดยไม่ต้องเสียเงินมหาศาล ผู้บริโภคบางกลุ่มมองว่า นี่คือทางเลือกที่ทำให้แฟชั่นหรูหราเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่า มันเป็นการทำลายคุณค่าของแบรนด์และจริยธรรมในอุตสาหกรรมแฟชั่นหรือไม่?
ผู้บริโภคต้องเผชิญกับคำถามที่ซับซ้อนเกี่ยวกับสถานะ ความยั่งยืน ความจริงใจ และคุณค่า ความแพร่หลายของโลโก้ทำให้เส้นแบ่งของเอกสิทธิ์ไม่ชัดเจนขึ้น
นำไปสู่คำถามว่าความหมายที่แท้จริงของสถานะคืออะไร ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการบริโภคเกินตัวและขยะสิ่งทอเป็นข้อกังวลที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้บริโภคต้องมองหาทางเลือกที่ยั่งยืนและมีจริยธรรม ความกดดันจากกระแสแฟชั่นทำให้เกิดความเป็นเอกลักษณ์ที่ลดลง ท้าทายแนวคิดเรื่องการแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริง โซเชียลมีเดียและการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่กำหนดพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค ซึ่งต้องอาศัยวิจารณญาณที่เฉียบแหลม
เรากำลังซื้อเพราะ ...
ชอบจริง ๆ หรือเพราะแรงกดดันทางสังคม?
ความหรูหราที่แท้จริงคืออะไร? คุณภาพ หรือ โลโก้
เรากำลังลงทุนกับ สไตล์ หรือ กำลังซื้อ "ภาพลักษณ์" ที่คนอื่น
อยากให้เราเป็น?
การใช้จ่ายของเรา ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสังคมอย่างไร?
สุดท้ายแล้ว Loud Luxury อาจเป็นเพียงเทรนด์หนึ่งที่เข้ามาแล้วก็จากไป ความสมดุลที่ละเอียดอ่อนของโลกแห่งความหรูหรา อนาคตของอุตสาหกรรมแฟชั่นจะเป็นการต่อสู้เพื่อหาสมดุลระหว่างความฉูดฉาดและความละเมียดละไม แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การตัดสินใจของเราเองในการเลือกซื้อของ เราจะให้มูลค่าของแบรนด์กำหนดตัวตนของเรา หรือเราจะเป็นคนกำหนดว่าความหรูหราที่แท้จริงคืออะไร?
ความหรูหราไม่ได้ถูกกำหนดด้วยปริมาณของสิ่งที่เราครอบครอง แต่มันสะท้อนผ่านคุณภาพของทางเลือกที่เราทำ และความจริงใจที่เรามีต่อการแสดงออกของตัวตนการมีสไตล์ที่เป็นของตัวเอง และการใช้จ่ายอย่างมีสติ คือสิ่งที่สำคัญที่สุด
เทรนด์
เศรษฐกิจ
ความคิดเห็น
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย