24 มี.ค. เวลา 07:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

แกร็บ ประเทศไทย พร้อมสู้ความท้าทายเศรษฐกิจ ชู 5 กลยุทธ์ "S.M.A.R.T"

แกร็บ ประเทศไทย ไร้กังวลความท้าทายทางเศรษฐกิจส่งผลต่อกำลังซื้อ แม้ปี 2568 จะคาดเดายาก แต่ไม่เป็นอุปสรรคที่จะเติบโต พร้อม ชู 5 กลยุทธ์ "S.M.A.R.T"
จากการสำรวจ ภาพรวมของตลาดธุรกิจกลุ่มเดลิเวอรี่ พบว่า ภาพรวม ในปี 2024 ที่ผ่านมา ตลาดธุรกิจกลุ่มเดลิเวอรี่ในไทยมีมูลค่าสูงถึง 1.4 แสนล้านบาท โดยอันดับหนึ่ง คือ แกร็บ (Grab) มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 46% ซึ่งการเติบโตปีนี้ในสนามเดลิเวอรี่ ถือเป็นความท้าทาย ทั้งสภาพเศรษฐกิจ กำลังซื้อ และผู้เล่นเจ้าอื่น
นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย ระบุว่า ความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจ ในปี 2568 ค่อนข้างที่จะคาดเดายาก
นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร๊บ ประเทศไทย กล่าวถึงแผนการดำเนินงาน ในปี 2568
แต่มองว่าไม่ได้เป็นอุปสรรค และมั่นใจว่า แกร็บ จะมาสามารถเติบโตได้ ซึ่งภาพรวมธุรกิจในปีนี้รวมทั้งการแข่งขันในปีนี้ยังทรงๆ อยู่ ซึ่งหากในอนาคต มีความท้าทายทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นที่จะส่งผลต่อกำลังซื้อก็ไม่กังวล
เพราะ ที่ผ่านมา แกร็บ ได้วางกลยุทธ์ ไว้แบบ 2 ขา คือ กลุ่มที่มองความคุ้มค่า และกลุ่มมีคุณภาพ ที่ไม่ต้องการโปรโมชัน ซึ่งเรามีกลยุทธ์ที่ครอบคลุมทุกสถานการณ์ ทั้งแกร็บ ฟู้ดเดลิเวอร์รี่ หรือ ไดร์ฟ เดลิเวอร์รี่ มีโอกาสที่จะเติบโต และมองว่าหากมีผู้เล่นอื่นเข้ามาก็ดี เพราะทำให้ตลาดมีความสนุกสนาน แต่ว่าสิ่งที่แกร็บยึดถืออาจจะไม่ได้เหมือนคนอื่น เพราะคิดว่า safety ของเราสำคัญมาก
และก็ Brand leadership การที่เราทำก่อน เช่น Mega sale เราก็ทำก่อน Saver เราก็ทำก่อน VIP เราก็ทำก่อน ก็คิดว่าเราจะคงดำรงค์การเป็น First Mover และก็ Innovate ตลอดเวลา ทำให้แกร็บ ยังคงเป็นที่หนึ่งในตลาดอยู่ตอนนี้
ส่วน ผลการดำเนินงาน ของโครงการ Grab การเงิน เป็นโครงการที่ร่วมมือกับ ธนาคารกรุงศรี เพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มคนในกลุ่ม Eco-System ซึ่งในปี 2567 ที่ผ่านมา การปล่อยสินเชื่อมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพบว่ายอดหนี้เสีย (NPLs) ต่ำ เพราะ แกร็บ ใช้ระบบหักหนี้จากรายได้ต่อวันของผู้กู้ ทำให้ยอดผู้ผิดนัดชำระน้อย รวมถึงก่อนปล่อยสินเชื่อ ได้มีการตรวจสอบข้อมูลดาต้า จากพฤติกรรม การใช้แอปพลิเคชันแกร็บ ของลูกค้า ก่อนตัดสินใจปล่อยสินเชื่อ
สำหรับ กลยุทธ์ ของ แกร็บ ในปีนี้ มี 5 กลยุทธ์ คือ
S : Sustainability ในปี 2567 ที่ผ่านมา ในประเทศไทย แกร้บสามารถเพิ่มจำนวนการใช้รถ EV ได้ 10,000 คัน และตั้งเป้าปี 2568 ขยายการใช้รถ EV ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ให้ได้ถึง 50,000 คัน ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้รถ EV จะช่วยให้คนขับเข้าถึงรถราคาถูก รวมถึงช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายน้ำมัน ที่ปกติคนขับมีค่าใช้จ่าย 300 บาทต่อวัน จะเหลือ100 บาทต่อวัน หรือ ลดลง 70%
M : Market Expansion หรือ การขยายโอกาสให้เข้าถึงคนทุกเจนเนอเรชัน ขยายการให้บริการไปยังกลุ่ม Baby Boomer และ Gen Alpha รวมไปถึง สนับสนุนการท่องเที่ยว ผ่านการสนับสนุนนโยบายและเข้าร่วมกิจกรรมของรัฐบาล ที่จะจัดขึ้นตลอดทั้งปี 2568 ซึ่ง แกร้บ คาดว่าการร่วมมือกับรัฐบาลจะมีส่วนช่วยให้ แกร้บ เติบโตอย่างยั่งยืนได้ในปีนี้
A : Affordability ที่จะนำเสนอทางเลือกของบริการในราคาที่คนเข้าถึงได้
R : Retention คือพยายามรักษาฐานลูกค้าและมัดใจคนขับ-พาร์ทเนอร์ร้านค้า
T : Tech and Innovation พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คน
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/wealth/trick-trend/245012
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา