สรุป ตลาดหุ้นเวียตนามมุ่งสู่ทศวรรษทอง? โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เมื่อวัน เสาร์ 22 มี.ค. 2025 เวลา 6:51 pm ดร.นิเวศน์ได้เขียนบทความในเว็ปบอร์ด
สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า ซึ่งผมได้นำมาสรุปได้ดังนี้
คำถามเกี่ยวกับตลาดหุ้นเวียตนาม :
เมื่อสัปดาห์ก่อน ดร.นิเวศน์ เขียนบทความเกี่ยวกับ “ตลาดหุ้นอเมริกากำลังเข้าสู่ทศวรรษที่หายไป?” ก็มีคำถามจากนักลงทุนที่สนใจตลาดหุ้นเวียตนามว่า “แล้วตลาดหุ้นเวียตนามจะเป็นอย่างไร?” เนื่องจากเวียตนามอาจจะถูกรวมอยู่ในรายชื่อประเทศที่อเมริกาขึ้นภาษีนำเข้า เนื่องจากดุลการค้ากับสหรัฐฯ ไม่ดีเท่าที่ควร
ดร.นิเวศน์ ไม่รู้แน่ชัด แต่สิ่งที่เห็นจากตลาดหุ้นจีนเมื่อถูกปรับขึ้นภาษีรอบแรกที่ประมาณ 10% คือ ตลาดจีนไม่ได้ตอบสนองอะไรมากนัก เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่าต้องถูกเล่นงาน การรับรู้ผลล่วงหน้าในตลาดทำให้การปรับขึ้นภาษีเป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์มาแล้ว
+
ผลกระทบในระยะสั้น :
สำหรับเวียตนาม ผลกระทบต่อราคาหุ้นในช่วงสั้น ๆ หลังจากประกาศขึ้นภาษียังคงต้องดูว่าการปรับขึ้นจริงจะมีขนาดมากน้อยเพียงใด ถ้าไม่มาก ตลาดหุ้นก็อาจจะไม่ตกลงไปหนักเท่าไร
+
มุมมองระยะยาวของเวียตนาม :
เวียตนามมีจุดแข็งที่สำคัญ คือ การส่งออกสินค้าที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ด้วยต้นทุนการผลิตต่ำและคุณภาพที่แข็งแกร่ง จากการที่ GDP โตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าศักยภาพของคนเวียตนามและแรงงานที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตในอนาคต
+
แนวคิดเรื่อง “โลกใหม่” ในการค้าระหว่างประเทศ :
หากไม่คำนึงถึงสงครามการค้าและ “ระเบียบโลกใหม่” ที่กำลังเปลี่ยนจากการเปิดกว้างสู่การตั้งกำแพงภาษีมากขึ้น เวียตนามน่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในประเทศเช่น ใต้หวัน เกาหลี ฮ่องกง และสิงคโปร์ในอดีต
+
คำถามใหญ่ในสงครามการค้า:
คำถามที่ต้องตอบคือ สงครามการค้ารอบนี้จะเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวของสินค้าในโลกได้มากแค่ไหน? ถ้าสินค้ายังคงเคลื่อนไหวเหมือนเดิมเพียงแต่เปลี่ยนประเทศผลิต เช่น จากจีนมาเป็นเวียตนาม เศรษฐกิจเวียตนามอาจจะได้รับผลดี แต่ถ้าอเมริกาตัดสินใจผลิตเองแทนการนำเข้า ก็จะส่งผลให้เวียตนามส่งออกลดลงและเติบโตช้า
+
มุมมองของดร.นิเวศน์ :
ดร.นิเวศน์ เชื่อว่าฉากทัศน์ที่น่าจะเกิดขึ้นคือกรณีแรก เพราะอเมริกาคงไม่สามารถสร้างโรงงานผลิตสินค้าจำนวนมหาศาลให้ครอบคลุมตลาดภายในประเทศได้อย่างรวดเร็ว และนักธุรกิจก็ไม่อยากลงทุนในธุรกิจที่ผลตอบแทนต่ำเมื่อต้นทุนสูง
ยกตัวอย่างเช่น เวียตนามที่มีโรงงานอัตโนมัติแพร่หลายอยู่แล้ว ทำให้ต้นทุนผลิตต่ำกว่าจีน
+
การปรับตัวของเวียตนาม:
เวียตนามมุ่งเน้นที่จะทำตัวให้ “ไม่เอาเปรียบอเมริกา” โดยพยายามเป็นแหล่งส่งออกสินค้าที่มีคุณภาพและต้นทุนต่ำ เพื่อให้อเมริกานำเข้าสินค้าจากเวียตนามแทนประเทศอื่นที่ถูกขึ้นภาษีหนัก นอกจากนี้ยังมีการซื้อเครื่องบินพาณิชย์และอาวุธในเชิงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในด้านการค้า
+
การเชิญชวนนักธุรกิจ :
เวียตนามประสบความสำเร็จในการเชิญชวนนักธุรกิจอเมริกันมาลงทุน เมื่อไม่นานมานี้นักธุรกิจชั้นนำจากอเมริกามาเยี่ยมเวียตนามและเห็นศักยภาพในการทำธุรกิจอย่างหลากหลาย ซึ่งบางส่วนยังเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่สามารถส่งกลับไปอเมริกาได้ เช่น เทคโนโลยีและชิพ AI จาก NVIDIA
+
มุมมองโดยรวมและคาดการณ์อนาคตของ ดร.นิเวศน์ :
จากข้อมูลล่าสุด เวียตนามมีดัชนีตลาดหุ้นเติบโตอย่างมั่นคงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยปี 2023 ขึ้นประมาณ 13% และปี 2024 ขึ้นอีก 12% แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะมีประวัติยาว 50 ปี แต่ตลาดหุ้นเวียตนามเปิดมาเพียง 25 ปี ผมคาดว่าในระยะยาว (10 ปีข้างหน้า) ตลาดหุ้นเวียตนามอาจเข้าสู่ “ทศวรรษทอง” เติบโตต่อเนื่องอย่างน้อย 8 ปี ถึงแม้จะมีช่วงตกชั่วคราวจากสงครามการค้าระหว่างประเทศ แต่ศักยภาพที่แท้จริงของเวียตนามจะทำให้ตลาดกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง
สุดท้าย ดร.นิเวศน์ยัง มองว่าความไม่แน่นอนในสงครามการค้าและการตั้งภาษีของสหรัฐฯ อาจทำให้ตลาดมีความผันผวนในระยะสั้น แต่ในระยะยาวความสามารถในการส่งออกของเวียตนามและศักยภาพแรงงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ดีขึ้น เวียตนามกำลังปรับตัวและสร้างความแข็งแกร่งในทุกด้าน ตั้งแต่การพัฒนาสาธารณูปโภคไปจนถึงการลดการกระจายความเสี่ยงในวงการค้าระหว่างประเทศ นี่เป็นจุดที่น่าจับตามองสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสในตลาดเกิดใหม่
หากการสรุปมีข้อผิดพลาดประการใดผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
เเหล่งที่มา ต้นฉบับข่าว
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
Knowledge is power ผมเชื่อว่าความรู้จะทำให้เราเติบโตเเละยิ่งใหญ่ ผมจึงอยากเเบ่งปัน สิ่งดีๆให้เเก่ท่านผู้อ่านทุกท่านขอบคุณครับ ฝากส่งต่อบทความดีๆนี้ให้คนที่เรารักด้วยนะครับ ขอบพระคุณครับ:)
<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
