29 มี.ค. เวลา 14:00 • สุขภาพ

ภัยเงียบจากพลาสติกจิ๋ว: เมื่อไมโครพลาสติกส่งเสริมเชื้อดื้อยา

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจงานวิจัยล่าสุดที่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่น่าตกใจระหว่างพลาสติกจิ๋วที่เราพบเห็นได้ทุกหนทุกแห่งกับความสามารถในการต้านยาปฏิชีวนะของแบคทีเรีย ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพที่เราไม่ควรมองข้าม
ลองจินตนาการดูว่ายาปฏิชีวนะที่เราเคยใช้รักษาอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ กลับไม่ได้ผลอีกต่อไป นั่นคือสถานการณ์ที่เราอาจต้องเผชิญหากปัญหาเชื้อดื้อยาไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง และไมโครพลาสติกที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ อาจเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลงไปอีก
บทความนี้จะอ้างอิงข้อมูลจากการศึกษาที่น่าสนใจจาก Boston University (BU) ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Applied and Environmental Microbiology ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจถึงกลไกและความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังพลาสติกจิ๋วเหล่านี้
ไมโครพลาสติกคือเศษพลาสติกขนาดเล็กที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่า 5 มิลลิเมตร ซึ่งเกิดจากการแตกตัวของผลิตภัณฑ์พลาสติกขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำ ถุงพลาสติก หรือแม้แต่เส้นใยสังเคราะห์จากเสื้อผ้าของเรา พลาสติกเหล่านี้เมื่อถูกทิ้งลงสู่สิ่งแวดล้อมก็จะค่อยๆ แตกตัวเป็นชิ้นเล็กลงเรื่อยๆ จากแสงแดด ความร้อน และแรงกระแทก จนกลายเป็นไมโครพลาสติกที่แทรกซึมอยู่ในทุกอณูของโลก ตั้งแต่ท้องทะเลลึก ยอดเขาสูง ไปจนถึงในอากาศที่เราหายใจ และแน่นอนว่ามันยังสามารถปนเปื้อนอยู่ในอาหารและน้ำดื่มของเราได้อีกด้วย
งานวิจัยจาก Boston University ได้ทำการทดลองในห้องปฏิบัติการเพื่อศึกษาผลกระทบของไมโครพลาสติกต่อแบคทีเรีย Escherichia coli หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ E. coli ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่พบได้ทั่วไปในลำไส้ของมนุษย์และสัตว์ งานวิจัยนี้พบว่าเมื่อแบคทีเรีย E. coli สัมผัสกับไมโครพลาสติก พวกมันจะสร้าง "ไบโอฟิล์ม" (biofilm) ที่แข็งแรงและหนาแน่นขึ้นบนพื้นผิวของพลาสติก
ไบโอฟิล์มก็คือกลุ่มของแบคทีเรียที่รวมตัวกันและสร้างสารเมือกเหนียวๆ ห่อหุ้มตัวเองไว้ เปรียบเสมือนบ้านที่แข็งแรงที่ช่วยปกป้องพวกมันจากอันตรายภายนอก ไม่ว่าจะเป็นยาปฏิชีวนะ หรือระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ ในการทดลองของ BU นักวิจัยพบว่าไบโอฟิล์มที่แบคทีเรีย E. coli สร้างขึ้นบนไมโครพลาสติกนั้นมีความแข็งแรงและหนาแน่นกว่าไบโอฟิล์มที่สร้างบนพื้นผิวอื่นๆ เช่น แก้ว อย่างมีนัยสำคัญ
Neila Gross นักศึกษาปริญญาเอกด้านวัสดุศาสตร์และวิศวกรรม และผู้เขียนนำของงานวิจัยนี้ กล่าวว่า "เราพบว่าไบโอฟิล์มบนไมโครพลาสติก เมื่อเทียบกับพื้นผิวอื่นๆ เช่น แก้ว มีความแข็งแรงและหนาแน่นกว่ามาก เหมือนบ้านที่มีฉนวนกันความร้อนหนาแน่นมาก มันน่าตกใจมากที่ได้เห็น"
ผลลัพธ์ที่น่าตกใจนี้ชี้ให้เห็นว่า ไมโครพลาสติกไม่ได้เป็นเพียงแค่พื้นผิวให้แบคทีเรียเกาะอาศัยเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมให้แบคทีเรียสร้างไบโอฟิล์มที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้แบคทีเรียสามารถต้านทานยาปฏิชีวนะได้ดีขึ้น เมื่อยาปฏิชีวนะไม่สามารถแทรกซึมผ่านไบโอฟิล์มเข้าไปทำลายแบคทีเรียได้ การรักษาโรคติดเชื้อก็จะยากขึ้น และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นคือ งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าผลกระทบจากไมโครพลาสติกอาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนที่เปราะบางในสังคมมากกว่า เช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีความหนาแน่นประชากรสูง พื้นที่ยากจน หรือค่ายผู้ลี้ภัย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มักมีการสะสมของขยะพลาสติกจำนวนมาก และระบบสุขาภิบาลอาจไม่ดีเท่าที่ควร
Muhammad Zaman ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์จาก BU ผู้เชี่ยวชาญด้านเชื้อดื้อยาและสุขภาพของผู้ลี้ภัยและผู้อพยพ กล่าวว่า "ข้อเท็จจริงที่ว่ามีไมโครพลาสติกรอบตัวเรา และยิ่งไปกว่านั้นในพื้นที่ยากจนที่สุขอนามัยอาจมีจำกัด เป็นส่วนที่โดดเด่นของการสังเกตการณ์นี้ มีความกังวลอย่างแน่นอนว่าสิ่งนี้อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่สูงขึ้นในชุมชนที่ด้อยโอกาส และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเฝ้าระวังและการทำความเข้าใจเชิงลึกมากขึ้นเกี่ยวกับปฏิสัมพันธ์ระหว่างไมโครพลาสติกและแบคทีเรีย"
งานวิจัยก่อนหน้านี้ยังพบว่าผู้ลี้ภัย ผู้ขอลี้ภัย และผู้พลัดถิ่นโดยถูกบังคับ มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อดื้อยา เนื่องจากต้องอาศัยอยู่ในค่ายพักพิงที่แออัดและมีอุปสรรคในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ การค้นพบใหม่นี้จึงยิ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหามลพิษจากพลาสติก และผลกระทบต่อสุขภาพของกลุ่มคนที่เปราะบางเหล่านี้
Neila Gross กล่าวว่า "พลาสติกมีความสามารถในการปรับตัวสูง และองค์ประกอบโมเลกุลของพวกมันอาจช่วยให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี แต่ยังไม่ชัดเจนว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ทฤษฎีหนึ่งที่เธอเสนอคือ พลาสติกขับไล่น้ำและของเหลวอื่นๆ ซึ่งช่วยให้แบคทีเรียเกาะติดตัวเองได้ง่าย แต่เมื่อเวลาผ่านไป พลาสติกเริ่มดูดซับความชื้น นั่นหมายความว่าไมโครพลาสติกสามารถดูดซับยาปฏิชีวนะก่อนที่ยาจะไปถึงแบคทีเรียเป้าหมายได้"
จากงานวิจัยนี้ เราได้เห็นแล้วว่าไมโครพลาสติกไม่ได้เป็นเพียงแค่ขยะที่สร้างความสกปรกให้กับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นตัวการสำคัญที่ส่งเสริมปัญหาเชื้อดื้อยา ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนที่เปราะบาง
ผมในฐานะเภสัชกร ขอเสนอข้อคิดให้ทุกท่านได้ลองพิจารณาว่า
เราจะลดการใช้พลาสติกในชีวิตประจำวันได้อย่างไร? เริ่มจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก การพกแก้วน้ำส่วนตัว หรือการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ปัญหาเชื้อดื้อยาเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ แพทย์ ผู้กำหนดนโยบาย และประชาชนทุกคน การตระหนักถึงภัยเงียบจากไมโครพลาสติก และการลงมือปฏิบัติเพื่อลดผลกระทบของมัน จึงเป็นสิ่งที่เราทุกคนสามารถทำได้เพื่อสร้างโลกที่สะอาดและมีสุขภาพดีขึ้นสำหรับตัวเราเองและคนรุ่นต่อไป
แหล่งอ้างอิง:
Colarossi, J. (2025, March 11). Microplastics Could Be Fueling Antibiotic Resistance, BU Study Finds | The Brink | Boston University. Boston University. https://www.bu.edu/articles/2025/microplastics-could-be-fueling-antibiotic-resistance/
โฆษณา