Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Vate's Pharma Scope
•
ติดตาม
27 มี.ค. เวลา 14:00 • สุขภาพ
มื้ออาหารแห่งความสุข: เภสัชกรชวนคุยเรื่องยาใจ...ที่มาจากโต๊ะอาหาร
ในบทความนี้ ผมจะพาไปเจาะลึกเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง "การกินอาหารร่วมกับผู้อื่น" กับ "ความสุข" และ "ความสัมพันธ์ทางสังคม" โดยอิงข้อมูลจากการศึกษาล่าสุดในรายงาน World Happiness Report 2025 ซึ่งเป็นรายงานที่ศึกษาเรื่องความสุขของผู้คนทั่วโลก และมีบทที่น่าสนใจมากๆ เกี่ยวกับเรื่องการกินอาหารนี่แหละครับ ผมอ่านแล้วรู้สึกว่าข้อมูลนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคน เลยอยากจะนำมาเล่าให้ฟังครับ
เคยสังเกตไหมครับว่าเวลาเรากินข้าวกับเพื่อน กับครอบครัว หรือกับคนที่เรารู้จัก มันรู้สึกดีกว่ากินคนเดียวเยอะเลย ไม่ใช่แค่เพราะอาหารอร่อยขึ้นนะครับ แต่บรรยากาศการพูดคุย หัวเราะ หรือแค่การได้อยู่ร่วมกัน มันเติมเต็มความรู้สึกบางอย่างในใจเราด้วย
ในภาษาฝรั่งเศส คำว่า copain (เพื่อน) และในภาษาอิตาลีคำว่า compagno (เพื่อน, คู่หู) มาจากรากศัพท์ละติน cum+pañis ซึ่งแปลตรงตัวว่า "ด้วย-ขนมปัง" หรือ "กินขนมปังด้วยกัน" เห็นไหมครับ แค่คำว่า "เพื่อน" ในบางภาษายังมีความหมายเชื่อมโยงกับการกินอาหารร่วมกันเลย แสดงว่าเรื่องนี้มันมีมานานแล้วจริงๆ
1
รายงานฉบับนี้ใช้ข้อมูลจากการสำรวจ Gallup World Poll ในปี 2022 และ 2023 จาก 142 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นข้อมูลใหม่และน่าสนใจมากครับ เขาถามผู้คนกว่า 150,000 คนว่าใน 7 วันที่ผ่านมา พวกเขากินอาหารกลางวันและอาหารเย็นกับคนที่รู้จักกี่วัน ผลที่ได้น่าตกใจมากครับ เพราะพบว่าอัตราการกินอาหารร่วมกันของคนในแต่ละประเทศแตกต่างกันอย่างมาก บางประเทศคนส่วนใหญ่กินอาหารแทบทุกมื้อกับคนอื่น แต่บางประเทศคนส่วนใหญ่กินอาหารคนเดียวแทบทุกมื้อ
กินข้าวกับใคร...สำคัญต่อใจแค่ไหน?
สิ่งที่น่าสนใจกว่าความแตกต่างของอัตราการกินอาหารร่วมกันในแต่ละประเทศ คือ รายงานนี้พบว่า "การกินอาหารร่วมกับผู้อื่น" เป็นตัวบ่งชี้ "สุขภาวะส่วนบุคคล" ที่แข็งแกร่งมาก เทียบเท่ากับปัจจัยสำคัญอื่นๆ อย่างเช่น "รายได้" และ "การว่างงาน" เลยทีเดียว คนที่กินอาหารกับคนอื่นบ่อยกว่า มีแนวโน้มที่จะรายงานระดับความพึงพอใจในชีวิตที่สูงกว่า มีอารมณ์เชิงบวกมากกว่า และมีอารมณ์เชิงลบน้อยกว่า ไม่ว่าจะเป็นคนอายุเท่าไหร่ เพศอะไร หรือมาจากวัฒนธรรมไหนก็ตาม
ผมว่าตรงนี้สำคัญมากนะครับ เพราะมันบอกเราว่าเรื่องง่ายๆ อย่างการกินข้าวกับคนอื่น มันส่งผลต่อความรู้สึกโดยรวมของเราได้มากขนาดนี้เลยเหรอ รายงานยังเจาะลึกลงไปในข้อมูลของสหรัฐอเมริกาจาก American Time Use Survey พบว่าคนอเมริกันใช้เวลา "กินอาหารคนเดียว" มากขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2023 ประมาณ 1 ใน 4 ของคนอเมริกันรายงานว่ากินอาหารทุกมื้อคนเดียวในวันก่อนหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 53% ตั้งแต่ปี 2003 แถมยังพบว่าการกินอาหารคนเดียวเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มอายุ โดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาว
นอกจากเรื่องความสุขส่วนบุคคลแล้ว รายงานนี้ยังพบว่าการกินอาหารร่วมกันมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ "ความเชื่อมโยงทางสังคม" ด้วย ประเทศที่ผู้คนกินอาหารร่วมกันบ่อยกว่า มีแนวโน้มที่จะมีระดับ "การสนับสนุนทางสังคม" และ "การตอบแทนเชิงบวก" สูงกว่า และมีระดับ "ความเหงา" ต่ำกว่า
2
ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นะครับ เพราะการกินอาหารร่วมกันมันเป็นโอกาสที่เราจะได้พูดคุย แลกเปลี่ยนเรื่องราว และสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ยิ่งเรากินอาหารกับคนอื่นบ่อยเท่าไหร่ เราก็ยิ่งรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคมมากขึ้นเท่านั้น และความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนี่แหละครับ ที่เป็นเกราะป้องกันความเหงาและความโดดเดี่ยวได้เป็นอย่างดี
กินคนเดียว...มากขึ้นทั่วโลก?
รายงาน World Happiness Report 2025 ยังชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่ากังวลครับ คือ "การกินอาหารคนเดียว" กำลังเพิ่มขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชียตะวันออก เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ สาเหตุหลักๆ ที่เขาอ้างถึงคือ การเพิ่มขึ้นของครัวเรือนคนเดียว และสังคมผู้สูงอายุ แต่ก็อาจมีปัจจัยอื่นๆ ที่ซับซ้อนกว่านั้น
ในสหรัฐอเมริกาเองก็มีแนวโน้มการกินอาหารคนเดียวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ตั้งแต่ปี 2003 ถึง 2023 อัตราการกินอาหารคนเดียวของคนอเมริกันเพิ่มขึ้นกว่า 50% และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ในช่วงการระบาดของ COVID-19 ที่หลายคนคิดว่าน่าจะกินอาหารกับครอบครัวมากขึ้น แต่จริงๆ แล้วแนวโน้มการกินอาหารคนเดียวก็ยังไม่ลดลง
จากข้อมูลทั้งหมดที่ผมเล่ามา ผมว่าเราน่าจะเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของ "มื้ออาหาร" ในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นนะครับ มันไม่ใช่แค่เรื่องของการกินเพื่ออยู่รอด แต่เป็นเรื่องของการ "กินเพื่อความสุข" และ "กินเพื่อสร้างความสัมพันธ์" ด้วย
รายงานนี้ทิ้งท้ายด้วยข้อเสนอแนะที่น่าสนใจครับ เขาบอกว่าการส่งเสริมให้ผู้คน "กินอาหารร่วมกัน" อาจเป็นเครื่องมือเชิงนโยบายที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าในการส่งเสริมสุขภาวะของสังคม มีโครงการนำร่องในสหรัฐอเมริกาชื่อ Project Gather ที่ให้การสนับสนุนทางการเงินสำหรับกิจกรรมการกินอาหารร่วมกัน เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนหันมาใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น
ผมว่าแนวคิดนี้ดีมากๆ เลยนะครับ เพราะมันเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวันของเราทุกคน ไม่ต้องรอให้รัฐบาลมาออกนโยบาย เราก็สามารถเริ่มต้นได้เลยวันนี้ แค่ชวนเพื่อน ชวนครอบครัว หรือชวนคนที่เรารู้จักมากินข้าวด้วยกันบ้าง แค่นี้ก็เป็นการเติม "ยาใจ" ให้ตัวเองและคนรอบข้างได้แล้วครับ
คำถามชวนคิด:
ลองสำรวจตัวเองดูนะครับ ใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา เรากินอาหารคนเดียวกี่มื้อ และกินอาหารกับคนอื่นกี่มื้อ? เราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารของเราให้ "กินร่วมกัน" มากขึ้นได้ไหม?
2
ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และจุดประกายให้ทุกคนหันมาใส่ใจเรื่อง "มื้ออาหาร" ในมุมมองใหม่นะครับ แล้วพบกันใหม่บทความหน้า สวัสดีครับ
แหล่งอ้างอิง:
1. De Neve, J. E., Dugan, A., Kaats, M., & Prati, A. (2025). Chapter 3: Sharing meals with others: How sharing meals supports happiness and social connections. In World Happiness Report 2025.
https://worldhappiness.report/
2. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Project Gather:
www.projectgather.org
สุขภาพ
ข่าวรอบโลก
ความรู้รอบตัว
บันทึก
3
4
3
3
4
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย