25 มี.ค. เวลา 04:26 • ปรัชญา
อำเภอเมืองเลย
แลกเปลี่ยนมุมมองกันนะคะ เพื่อประโยชน์ทางความคิด และมุมมองที่รอบด้าน อยู่กับความเป็นจริงในโลกแห่งโลกียะ
ในความเป็นจริงแล้ว พวกเราทุกคนก็มักจะหลอกตัวเอง ไม่ซื่อสัตย์กันตัวเอง ไม่แม้แต่จะกล้าบอกว่า "ฉันเป็นคนโลภ" "ฉันอยากขับรถเบ็นซ์" แต่เพราะเราจน ไม่มีเงินจะไปซื้อมันต่างหาก ที่ทำให้พวกเรามักปิดบังอำพรางด้านมืดในจิตใจตัวเอง แล้วก็มักบอกว่า ฉันเป็นคนไม่โลภ อยู่กับสิ่งที่มี อยู่เท่าที่มี ทั้งที่ความจริงคือ คำพูดเหล่านี้ "คือคำปลอบใจตัวเองทั้งนั้น"
1
มนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมตัณหาตั้งแต่เกิด มันจึงไม่ใชเ่รื่องแปลกประหลาด หรือผิดมนุษย์มนาที่ตรงไหนเลย แม้แต่พระพุทธเจ้ายังทรงบอกว่า "มันเป็นเรื่องปกติ" ตรงกันข้าม คนที่เกิดมาแล้วบอกว่าไม่เคยโลภ ไม่เคยอยากมีอยากเป็น หรืออยากได้ คนแบบนี้ต่างหากที่แปลกและแตกต่างจากมนุษย์มนาทั่วไป และในทางกลับกัน มันอาจหมายความว่า พวกเขากำลัง "ขี้ขลาด"
1
ถ้าเราจน เราเพียงทำตัวเป็นคนจนผุ้ยิ่งใหญ่ก็พอ เรากินข้าวเสาไห้ธรรมดา ไม่ต้องข้าวหอมมะลิก็ได้ เรากินไข่ต้มทุกวันก็ได้ เรากินผักบุ้งจิ้มน้ำพริก ตามท้องไร่ท้องนาก็ได้ เพราะที่สุดแล้ว เราก็จะได้เห็นว่า คนรวยระดับโลก หรืออภิมหาเศรษฐีทั้งหลาย ต่างหันมาสนใจการกินไข่ต้มวันละ 4 ฟอง ตามที่โค้ชส่วนตัวบอก หันมากินผักออร์แกนิคปลอดสาร ซึ่งก็ไม่ต่างจากผักบุ้งตามท้องไร่ท้องนา (แต่ก็ยังมียาฆ่าแมลงหลงเหลือในท้องนาอยู่ดี เฮ้อ!)
1
บางครั้ง คนที่อยากมีอยากได้ ไม่ใช่เพราะเขาโง่ที่ไปควานหาสิ่งที่อาจจะทำให้เขาทุกข์ แต่เขาอยากมีมัน เพื่อปรนเปรอพ่อแม่ เพื่อให้ครอบครัวได้สุขสบาย เพื่อญาติพี่น้องได้อิ่มหนำสำราญ ก็เท่านั้นเอง....ทั้งหมดเขาได้คิดแล้วว่า
1
จะทุกข์แค่ไหน เหนื่อยยากเพียงใด
แค่ได้เห็นพ่อแม่ ท่องเที่ยวเมืองจีนหัวเราะสำราญ
ไปนั่งกินเป็ดปักกิ่งต้นตำรับแท้ๆ ที่ปักกิ่ง
พวกเขาก็ลืมความทุกข์หมดสิ้นแล้วล่ะค่ะ
ทุกอย่างมันต้องแลกมาทั้งนั้น
ถ้าไม่อยากทุกข์เลย เราก็แค่ไปนั่งสมาธิในป่า
1
โฆษณา