Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealthy Thai
•
ติดตาม
25 มี.ค. เวลา 06:42 • หุ้น & เศรษฐกิจ
TFM ปักธงปี 73 รายได้แตะ 10,000 ล้านบาท ชู 4 กลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจ หนุนผลงานปีนี้โต 8-10%
TFM เดินหน้ากลยุทธ์ขยายธุรกิจอาหารสัตว์น้ำสู่ตลาดโลก ปักธงยอดขายปีนี้เติบโต 8-10% และรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ 18-20% ในระยะยาว ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศและดันรายได้รวมเติบโตเฉลี่ยต่อปี CAGR 11% สู่ระดับ 10,000 ล้านบาทภายในปี 2573
นายพีระศักดิ์ บุญมีโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM เปิดเผยว่า บริษัทฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการขยายส่วนแบ่งตลาดอาหารสัตว์น้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าให้ยอดขายปี 2568 เติบโตขึ้น 8-10% และรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ 18-20% ผ่านกลยุทธ์ภายในประเทศ
ได้แก่ การเพิ่มส่วนแบ่งในพื้นที่ที่ยังมีโอกาส การรักษาคุณภาพสินค้า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้า การสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับเกษตรกรผ่านบริการและองค์ความรู้เชิงวิชาการ รวมถึงการเตรียมขยายสู่ตลาดอาหารปลาน้ำจืดและตั้งเป้าเป็นผู้นำในอุสาหกรรมนี้
ล่าสุดได้เปิดตัว 3 แบรนด์ใหม่ ตอบโจทย์ตลาดเฉพาะกลุ่ม ได้แก่ "ขุนศึก" อาหารปลานิล, "กบทอง" อาหารสำหรับกบขนาดใหญ่ และ "โปรฟีดปลากดคัง" อาหารปลากดคัง ด้านกลยุทธ์ต่างประเทศ ได้มีการขยายกำลังการผลิตในประเทศอินโดนีเซีย และกำลังมองหาความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรในต่างประเทศเพื่อรุกตลาดใหม่ๆ และขยายตลาดเดิม
สำหรับในระยะยาว ตั้งเป้าหมายรายได้แตะ 10,000 ล้านบาทภายในปี 2573 หรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยต่อปี CAGR 11% จากการเติบโตในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอาหารกุ้งและอาหารปลา ที่เป็นผู้นำตลาดอยู่แล้ว รวมถึงเพิ่มสัดส่วนรายได้อาหารกุ้งจากต่างชาติขึ้นเป็นราว 10% จากเดิมในปัจจุบันที่ประมาณ 2-3%
โดยมีกลยุทธ์หลักคือ (1) สร้างเสถียรภาพในอุตสาหกรรมสัตว์น้ำในประเทศ เช่น การเสริมสร้างความร่วมมือในห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ตั้งแต่เกษตรกร ห้องเย็น ภาคเอกชน ไปจนถึงภาครัฐฯ เพื่อบรรลุเป้าหมายผลผลิตกุ้งไปสู่ระดับ 400,000 ตันต่อปี ตามนโยบายของรัฐบาลที่มอบผ่านกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (2) ยกระดับมาตรฐานฟาร์มในไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานอาหารสัตว์ระดับโลกจากองค์กร Aquaculture Council หรือ ASC
(3) ขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศอินเดีย ที่จะขยายธุรกิจผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่าง บริษัท อะแวนติฟิดส์ จำกัด (Avanti Feeds) ซึ่งเป็นผู้นำตลาดอาหารกุ้งในอินเดียที่ครองส่วนแบ่งตลาดเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศ หรือประเทศอินโดนีเซีย ที่บริษัทวางแผนจะเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์น้ำอันดับ 5 และ 3 ของประเทศภายในปี 2569 และ 2572 ตามลำดับ
ผ่านความร่วมมือกับบริษัท พีที ไทยยูเนี่ยนคาริสม่า เลสทารี จำกัด หรือ TUKL ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ในอินโดนีเซีย และประเทศเวียดนาม ที่จะเจาะตลาดผ่านเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้งในและนอกกลุ่ม
รวมถึง (4) ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านอาหารสัตว์น้ำระดับเอเชีย โดยใช้ 4 กลยุทธ์สำคัญ ประกอบด้วย (4.1) Consistent Feed Quality หรือ การรักษาคุณภาพอาหารสัตว์ให้ดีสม่ำเสมอ (4.2) Farmer Engagement หรือ การมีส่วนร่วมกับเกษตรกรในการพัฒนาระบบการผลิตและเติบโตร่วมกัน (4.3) Strategic Partnership หรือการขยายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ
และ (4.4) Sustainability ซึ่งคือความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยไม่เพียงแต่สนับสนุนเกษตรกรในการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมและการสร้างผลกระทบทางบวกต่อสังคม
ด้านผลการดำเนินงานในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 5,365 ล้านบาทเติบโต 5.6% และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18.7% ด้านกำไรสุทธิ โตขึ้นจากปีก่อน 5 เท่าตัวคิดเป็นกำไรที่ 535 ล้านบาท
เศรษฐกิจ
การลงทุน
หุ้น
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย