Crypto vs หุ้น: อะไรเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่มากกว่ากัน
เมื่อปีที่แล้ว ผมตัดสินใจเริ่มลงทุน (Investment) ครั้งแรกในชีวิต เงิน 20,000 บาทที่เก็บมาทั้งปีจากงานประจำและฟรีแลนซ์นอนนิ่งอยู่ในบัญชี ผมอยากให้มันงอกเงย ไม่ใช่แค่ฝากธนาคารที่ดอกเบี้ยแทบไม่ขยับ เพื่อนสองคนให้คำแนะนำต่างกัน—คนแรกบอก “ซื้อ Crypto (Cryptocurrency) สิ Bitcoin กำลังพุ่ง รวยเร็วแน่” อีกคนบอก “หุ้น (Stocks) ดีกว่า มั่นคงและเข้าใจง่าย” ผมสับสนแต่ตื่นเต้น เลยตัดสินใจลองทั้งคู่ และเจอบทเรียนที่อยากเล่าให้ฟังว่านักลงทุนมือใหม่ (Beginner Investor) อย่างเราควรเลือกอะไร
จุดเริ่มต้น: ความฝันและความกล้า
ผมเริ่มด้วย Crypto ก่อน ซื้อ Bitcoin 10,000 บาทตอนราคาขึ้นแรงจากข่าว Elon Musk ทวีตอะไรสักอย่าง วันแรกกำไรพุ่ง 2,000 บาท ผมตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ รู้สึกเหมือนเจอขุมทรัพย์ แต่พอกับหุ้น ผมเลือกหุ้นปันผล (Dividend Stocks) บริษัทอาหารที่มั่นคง ลงทุน 10,000 บาท 6 เดือนได้ปันผล 400 บาท มันช้าแต่ดูน่าเชื่อถือ การเงินส่วนบุคคล (Personal Finance) ของผมเริ่มมีสีสัน ผมรู้สึกเหมือนยืนอยู่บนทางแยก—จะไปสายเร็วแต่เสี่ยง หรือสายชัวร์แต่ช้า?
ปัญหา: ความผันผวนที่ทดสอบใจ
Crypto ทำให้ผมหัวใจเต้นแรงจริงๆ สัปดาห์หนึ่งราคา Bitcoin ตก 30% จากข่าวจีนแบนคริปโต เงิน 12,000 บาทของผมเหลือ 8,400 บาทในชั่วข้ามคืน ผมเครียดจนอยากขายทิ้ง หุ้นก็ผันผวนบ้าง ผมเห็นราคาตก 5% ตอนตลาดแดง แต่ผ่านไป 2 เดือนมันค่อยๆ ฟื้น ผมเริ่มเข้าใจว่า การลงทุนมีความเสี่ยง (Investment Risk) ที่ต่างกันมาก Crypto เหมือนรถไฟเหาะ ส่วนหุ้นเหมือนนั่งรถไฟธรรมดา ผมต้องถามตัวเองว่ารับความตื่นเต้นแบบไหนได้
ทางออก: เปรียบเทียบ Crypto กับหุ้นจากมุมมองมือใหม่
ผมลองวิเคราะห์ทั้งสองแบบที่ผมเจอมา เพื่อหาคำตอบว่าเหมาะกับมือใหม่แบบไหน:
Crypto: ความหวือหวาและความเสี่ยงสูง
Crypto เช่น Bitcoin หรือ Ethereum ราคาขึ้นลงเร็วมาก ผมเคยซื้อ Ethereum เพิ่ม 5,000 บาทตอนราคา 80,000 บาทต่อเหรียญ วันนึงกำไร 20% เป็น 6,000 บาท แต่สัปดาห์ถัดไปขาดทุน 30% เหลือ 3,500 บาท มันเหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้สูง (Risk Tolerance) และมีเวลาติดตามข่าวสาร ผมต้องนั่งเช็คราคาทุกวัน อ่านข่าวบล็อกเชน (Blockchain) จนตาลาย
หุ้น: ความมั่นคงและผลตอบแทนค่อยเป็นค่อยไป
หุ้นมีพื้นฐานจากบริษัทจริง ผมซื้อหุ้นธนาคารเพิ่ม 5,000 บาท ได้ปันผล 200 บาทต่อปี ผลตอบแทน (Return on Investment) อยู่ที่ 5-10% ต่อปี ไม่หวือหวาแต่คาดเดาง่ายกว่า ผมไม่ต้องนั่งเฝ้า แค่เช็คข่าวบริษัทบ้าง มันเหมาะกับคนที่ชอบความมั่นคง (Financial Stability) และอยากเรียนรู้ช้าๆ
ข้อดีและข้อเสียจากประสบการณ์จริง
Crypto
ข้อดี: โอกาสรวยเร็ว ผมเคยกำไร 3,000 บาทในสัปดาห์เดียวจาก Bitcoin แถมเริ่มลงทุนได้ด้วยเงินน้อย 100 บาทก็ซื้อได้
ข้อเสีย: ผันผวนเกินไป ผมขาดทุน 4,000 บาทตอนตลาดคริปโตล่ม แถมต้องเรียนรู้เยอะ เช่น กระเป๋าเงินดิจิทัล (Wallet) และความปลอดภัย
หุ้น
ข้อดี: เข้าใจง่าย ผมอ่านงบการเงิน (Financial Statement) บริษัทได้บ้าง หุ้นปันผลยังให้ Passive Income อย่างสม่ำเสมอ
ข้อเสีย: เงินโตช้า ผมต้องรอ 1 ปีถึงเห็นกำไร 800 บาทจากหุ้นอาหาร และบางตัวขาดทุนถ้าบริษัทเจ๊ง
ผลลัพธ์: ผมเลือกอะไร และทำไม
หลังลองทั้งคู่ ผมคิดว่าหุ้นเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่มากกว่า Crypto เพราะมันคาดเดาง่ายกว่าและเสี่ยงน้อยกว่า Crypto ต้องการความรู้และสติเยอะ ผมเคยตื่นตระหนกตอน Bitcoin ตก จนเกือบขายถูกๆ แต่หุ้นทำให้ผมใจเย็นขึ้น ผมถอนเงินจาก Crypto เหลือ 13,000 บาท เอามาลงหุ้นเพิ่ม ตอนนี้หุ้นของผมโตเป็น 16,000 บาทใน 1 ปี การวางแผนการเงิน (Financial Planning) ลงตัวกว่า แต่ถ้าคุณชอบความตื่นเต้นและพร้อมเรียนรู้ Crypto อาจเป็นทางเลือก
เคล็ดลับสำหรับมือใหม่
ถ้าคุณอยากลอง Crypto เริ่มจากเงินที่เสียได้ เช่น 1,000 บาท ซื้อผ่านแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ และศึกษาเรื่องความปลอดภัย (Crypto Security) ส่วนหุ้น ลองเริ่มด้วยกองทุนรวมหุ้น (Equity Funds) หรือหุ้นปันผลที่เสี่ยงต่ำ ผมแนะนำให้อ่านข้อมูลเยอะๆ ไม่ว่าจะเลือกอะไร ผมเคยเสียเงิน 2,000 บาทจาก Crypto เพราะไม่รู้เรื่องค่าธรรมเนียม (Transaction Fees) เรียนรู้จากความผิดพลาดคือสิ่งสำคัญ
ทำไมต้องเลือกให้ดี?
การลงทุนไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องของความสบายใจ ผมเคยฝันถึงกำไรจาก Crypto แต่สุดท้ายหุ้นให้ความมั่นใจมากกว่า คุณลองถามตัวเองดู—พร้อมรับรถไฟเหาะของ Crypto หรืออยากนั่งรถไฟช้าๆ ของหุ้น? ลองเริ่มจากก้อนเล็กๆ ดูสิ ผมเชื่อว่านักลงทุนมือใหม่ทุกคนมีหนทางของตัวเอง
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
