25 มี.ค. เวลา 07:05 • ข่าว

ยุโรปแห่ปักธงแดง เตือนพลเมือง เดินทางเข้าสหรัฐเสี่ยง ถูกกักตัว ส่งกลับประเทศ

ปัญหาการเข้าเมืองเกาหลีใต้ของคนไทย เคยเป็นประเด็นดราม่าระดับประเทศ ที่นักท่องเที่ยวไทยหลายคนถูก ตม.เกาหลีจับ ส่งตัวกลับประเทศ เพียงเพราะเจ้าหน้าที่เกาหลีเห็นว่ามีความเสี่ยงที่จะเข้าไปเป็นผีน้อยที่เมืองเขา
1
แต่มาวันนี้ ฝรั่งตาน้ำข้าว ชาววิลาศ อาจต้องเจอประสบการณ์ลุ้นระทึกหน้า ตม. แบบที่เราเคยเจอเหมือนกัน เมื่อหลายชาติในยุโรปเริ่มออกประกาศเตือนพลเมืองของตนที่ประสงค์เดินทางเข้าเมืองสหรัฐ ถึงความเสี่ยงที่จะถูกกักตัว หรือ ไม่ผ่านตม. ต้องถูกส่งกลับประเทศ แม้ว่าจะมีเอกสารเดินทาง หรือวีซ่าพำนักถาวรถูกต้องก็ตาม
1
ล่าสุดวันนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศเดนมาร์ก ได้ออกคำเตือนบนหน้าเว็บไซต์ทางการของกระทรวง ถึงพลเมืองข้ามเพศ หรือ ชาว LGBTQ+ ทั้งหลายที่ต้องการเข้าเมืองอเมริกันในเวลานี้ จะถือแค่พาสปอร์ต เดินสวย-หล่อเข้าเมืองแบบที่แล้วมาไม่ได้อีกแล้ว เมื่อโดนัลด์ ทรัมพ์ ได้ประกาศว่าสหรัฐอเมริกาจะมีแค่ 2 เพศเท่านั้น คือ ชาย กับ หญิง
1
ดังนั้น ถ้าใครถือหนังสือเดินทาง ที่ไม่ระบุเพศ เป็นพลเมืองชาว Citizen X หรือ เคยเปลี่ยนสถานะทางเพศ ไม่ว่าจาก X เป็น Y/ Y เป็น X หรือ เปลี่ยนจนไม่สามารถระบุตัวตนได้แล้วว่าตอนนี้เป็นชาย หรือ หญิง ก็มีสิทธิ์ถูกปฏิเสธการเข้าเมืองได้ จึงแนะนำให้เข้าไปตรวจสอบที่สถานทูตอเมริกันก่อนออกเดินทาง กันเสียเที่ยว เจ็บปวดใจที่หน้า ตม.
1
ประกาศจากรัฐบาลเดนมาร์ก เกิดขึ้นหลังจากที่ฟินแลนด์ ได้ออกคำเตือนถึงพลเมืองชาวข้ามเพศ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมาอย่างชัดเจนว่า "ถ้าข้อมูล ระบุเพศในเอกสารการเดินทาง ไม่ตรงกับ เพศแต่กำเนิดของตน ตม. สหรัฐ มีสิทธิ์ปฏิเสธการเข้าเมืองได้
ซึ่งตามปกติแล้ว พลเมืองยุโรปหลายประเทศ รวมทั้ง เดนมาร์ก และ ฟินแลนด์ จะได้รับการยกเว้นวีซ่า สามารถเข้าเมือง พำนักในสหรัฐได้เลย 90 วัน แต่ต้องลงทะเบียนในระบบ The Electronic System for Travel Authorization (ESTA) ก่อนออกเดินทาง ซึ่งต้องระบุเพศ ชาย หรือ หญิง ไม่เลือก ไม่ได้ หรือ กรณีต้องยื่นเอกสารขอวีซ่า ก็ต้องระบุเพศให้ตรงกับ เพศตามกำเนิด โดยไม่คำนึงว่าปัจจุบันจะเป็นอยู่ในเพศสภาพใด
6
จึงเป็นที่มาของ การออกคำเตือนหลายรัฐบาลในยุโรป ถึงความเสี่ยงที่จะถูกส่งกลับ เพราะเอกสารระบุเพศ ไม่ตรงกับความเป็นจริงโดยกำเนิด จะถือเป็นการให้ข้อมูลเท็จ อันเป็นเหตุให้ถูกปฏิเสธการเข้าเมืองได้
แต่นั่นไม่ใช่จะเกิดขึ้นเฉพาะกับกลุ่ม LGBTQ+ เท่านั้น เพราะเริ่มมีข่าวว่า ชาวเยอรมัน ที่เป็นชายจริง-หญิงแท้ แม้มีวีซ่าถูกต้อง ถาวร ก็มีสิทธิ์ถูกปฏิเสธการเข้าเมืองได้เหมือนกัน
1
ดังกรณีนาย ฟาเบียน ชมิดท์ ชาวเยอรมันวัย 34 ปี ผู้ถือวีซ่าถาวรอเมริกัน แต่ก็ถูกกักตัวไว้ที่สนามบินบอสตัน ก่อนถูกส่งไปสอบปากคำเข้มที่ศูนย์กักกันที่โรดไอส์แลนด์ รวมถึง ศิลปินสาว 2 คนชาวเยอรมัน ที่เข้าเมืองสหรัฐ พร้อมเพื่อนชาวอเมริกัน แต่ถูกกักตัวที่ด่าน ตม. บริเวณชายแดนเม็กซิโกอยู่หลายวัน และ สุดท้ายถูกส่งตัวกลับประเทศ
จากกรณีดังกล่าว ทำให้ทางการเยอรมันต้องออกมาประกาศเตือนพลเมืองของตนที่มีแผนการเดินทางเข้าสหรัฐ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เคยมีคดีติดตัว เคยให้ข้อมูลไม่ถูกต้องในการเข้าเมือง หรือแม้แต่เคยอยู่เกินอายุวีซ่าแม้เพียงเล็กน้อย มีความเสี่ยงที่จะถูกจับกุมที่หน้าด่าน ถูกกักตัว และส่งกลับประเทศ
โฆษกรัฐบาลเยอรมัน ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อเยอรมัน Der Spiegel ว่า ไม่ว่าคุณจะลงทะเบียนในระบบ ESTA อย่างถูกต้องก่อนออกเดินทาง หรือแม้แต่ถือวีซ่าอเมริกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะประเภทใดก็ตาม ไม่ได้การันตีว่า คุณจะได้เข้าเมืองอเมริกัน ทุกอย่างขึ้นอยู่กันดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่หน้า ตม. ทั้งสิ้นว่าเขาจะให้คุณเข้าประเทศหรือไม่ จงอย่าได้แปลกใจ เพราะรัฐบาลเยอรมันก็จะทำแบบเดียวกัน
ต้องยอมรับว่า ตอนนี้โดนัลด์ ทรัมพ์ ทำให้สหรัฐอเมริกาในเวลานี้ มีภาพลักษณ์ของความขยาด หวาดกลัว คนต่างด้าว แบบเต็มพิกัด เมื่อเขาประกาศนโยบายกวาดล้างคนต่างด้าวผิดกฎหมาย และผลักดันออกนอกประเทศครั้งใหญ่ แต่นโยบายของทรัมพ์ ไม่ได้หยุดแต่เพียงเท่านี้
ทรัมพ์ขยายขอบเขตการกวาดล้างขึ้นมาสู่ระดับปัญญาชน ด้วยการใช้สิทธิ์เพิกถอนวีซ่านักศึกษา และนักวิชาการต่างชาติ ที่เคยออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านสงครามในกาซา ด้วยแคมเปญกวาดล้างลัทธิเหยียดชาวยิวในสถาบันการศึกษาสหรัฐ
กรณีที่โด่งดังที่สุดในเวลานี้ คือการจับกุม โมฮัมหมัด คาห์ลิล นักศึกษาชาวปาเลสไตน์ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย แกนนำที่ออกมาต่อต้านการทำสงครามโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอล ที่ตอนแรกคิดว่าเพิกถอนวีซ่านักเรียนแค่นั้นก็จบ แต่ปรากฏว่า โมฮัมหมัด คาห์ลิล ถือกรีนการ์ด ที่เป็นวีซ่าถาวรของสหรัฐ และจะต้องถูกเพิกถอนด้วย
ทำให้กรีนการ์ดที่อยู่ในมือชาวต่างชาติในสหรัฐ กำลังสั่นขวัญกระเจิงรัวๆ หากตนเกิดไปอยู่ผิดที่ ผิดทาง กรีนการ์ดก็มีสิทธิ์ปลิวได้ และมีการแนะนำในกลุ่มชาวกรีนการ์ดว่า ตอนนี้ ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นระดับคอขาด บาดตาย อย่าเพิ่งเดินทางออกนอกสหรัฐจะดีกว่า เพราะถ้าออกไปแล้ว อาจมีสิทธิ์กลับเข้ามาไม่ได้
และโดนัลด์ ทรัมพ์ ยังจัดสุดได้อีกด้วยการเตรียมนำกฎหมาย The Alien Enemies Act ขึ้นมาปัดฝุ่นใช้ใหม่ ซึ่งแต่เดิมเป็นกฎหมายที่สหรัฐเคยใช้ในภาวะสงคราม มอบอำนาจให้ประธานาธิบดีสั่งกักขัง และ เนรเทศ พลเมืองของชาติที่ถูกระบุว่าเป็นศัตรูของสหรัฐได้
1
ซึ่งครั้งสุดท้ายที่กฎหมายนี้ถูกนำมาใช้ คือสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1942 ที่รัฐบาลสหรัฐสั่งกักขัง หรือเนรเทศชาว เยอรมัน ญี่ปุ่น และ อิตาลี พันธมิตรฝ่ายอักษะ ที่เป็นศัตรูของสหรัฐ หลายหมื่นคนในช่วงสงคราม
นอกจากนี้ ทรัมพ์เตรียมเพิกถอนสิทธิ์วีซ่าทำงานชั่วคราวของชาวคิวบา เวเนซุเอลา เฮติ และ นิคารากัว กว่า 5.3 แสนคน รวมถึงวีซ่าลี้ภัยของชาวยูเครนอีก 2.4 แสนคน ที่เคยได้รับการคุ้มครองในสมัยโจ ไบเดน ต่อจากนี้จะไม่มีแล้วเบบี๋ เตรียมแพคกระเป๋ากลับบ้านได้ มีให้เลือก 2 แพคเกจ คือ จะกลับเอง หรือจะเลือกถูกจับตัวส่งกลับและติดประวัติถูกเนรเทศโดยรัฐบาลสหรัฐ
แม้ว่าทรัมพ์จะประกาศขาย Golden Visa ให้มหาเศรษฐี หรือยินดีต้อนรับนักลงทุนต่างชาติ ลงทุนน้อยเรียกน้อง ลงทุนมากเรียกพี่ พร้อมเปิดทำเนียบขาวต้อนรับอย่างหวานเจี๊ยบ แต่ถ้าเป็นต่างด้าว ปุถุชนคนธรรมดา ก็ต้องมาลุ้นเอาหน้างานว่า เราจะมีดวงต้องชะตากับเจ้าหน้าที่ตม. หรือไม่
เพราะถ้าขนาดชาววิลาศ ยังไม่รอด แล้วชาวสารขันธ์จะไปเหลืออะไร
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล
โฆษณา