25 มี.ค. เวลา 08:30 • ข่าว

“ดิว อริสรา” ยังไม่ประสานพบตำรวจ หลังถูกออกหมายเรียกแจงคดี “ดอลลาร์ปลอม”

พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ยานนาวา ยอมรับตำรวจส่งหมายเรียกและติดต่อไปยัง ดิว อริสรา ให้ปากคำข้อเท็จจริงคดีกักขังหน่วงเหนี่ยว-เงินดอลลาร์ปลอม แต่ดาราสาวยังไม่ได้มีการประสานเข้ามาพบตามหมายเรียกแต่อย่างใด
กรณี น.ส.มณฑกาญณ์ เจริญโชติสุรดิษ หรือเกตุ อายุ 30 ปี ออกมาแฉดิว อริสรา หลังมีข่าวอื้อฉาวยืมเครื่องประดับมีค่าของนักธุรกิจสาวไฮโซไม่คืนแต่เอาไปจำนำ ว่าถูกดิว อริสรากับพวกกักขังในโรงแรม 5 วัน บังคับหาเงินมาคืน
หลังเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์ แต่เป็นของปลอม และใช้ชื่อ ส.ส. คนดังมาขู่ อีกคนถูกซ้อมยับ กลัวจนป่วยจิตเวช เมื่อวันที่ 3 ต.ค.67 ตนแจ้งความให้ดำเนินคดีกับดิว อริสรา ข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวและกันโชกทรัพย์ ไว้ที่สน.ยานนาวา เหตุเกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 1 มี.ค.67
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 25 มีนาคม 2568 พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ยานนาวา กล่าวถึงคดีดังกล่าวว่า วันนี้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีแลกแบงค์ดอลลาร์ปลอม จำนวน 7 ราย หนึ่งในนี้มีดิว อริสรา รวมอยู่ด้วย โดยเรียกให้ทั้งหมดมาให้ปากคำเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในฐานะพยาน
เบื้องต้นรับการประสานจากพยานบางคนว่า จะเข้ามาพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ แต่ยอมรับว่า พยานบางคนอาจจะขอเลื่อนพบพนักงานสอบสวน เนื่องจากไม่อยากจะพบสื่อมวลชนที่มาปักหลักรอทำข่าว หากใครที่เลื่อนพบพนักงานสอบสวน จะออกหมายเรียกครั้งถัดไป
เมื่อช่วงเช้ามีนายโอ๊ตเข้ามาให้ปากคำ ให้การที่เป็นประโยชน์ที่สามารถนำไปขยายต่อได้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของดิว อริสรา นั้น ยังไม่ได้มีการประสานเข้ามาพบตามหมายเรียกแต่อย่างใด แต่ยืนยันว่า ตำรวจส่งหมายเรียกและติดต่อไปยังดิว อริสราแล้ว
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่าพยานทั้ง 7 คนนั้น มีบางรายที่มีประวัติถูกออกหมายจับค้างเก่าและมีประวัติถูกดำเนินคดีทางอาญาในคดีฉ้อโกง ยักยอก และเมาแล้วขับ แต่ต้องตรวจสอบว่า เคยถูกจับกุมตามหมายจับนั้นๆ แล้วหรือไม่ ทั้งนี้ ยังไม่พบว่าแต่ละคนเคยมีประวัติถูกดำเนินคดี หรือออกหมายจับในคดีเรื่องเงินปลอมแต่อย่างใด
ส่วนการเรียกมาสอบปากคำในครั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำใน 2 ประเด็น ทั้งประเด็นในเรื่องที่เคยมาแจ้งความเกี่ยวกับการกักขังหน่วงเหนี่ยวและประเด็นในเรื่องดอลลาร์ปลอม เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงของทั้ง 2 คดี อย่างครบถ้วนและรอบด้าน โดยมุ่งเน้นแสวงหาพยานหลักฐานเป็นหลัก ก่อนจะพิจารณาต่อไปว่ามีใครกระทำความผิดเรื่องอะไรบ้างและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับประเด็นแรก ในเรื่องการแจ้งความกักขังหน่วงเหนี่ยวนั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ ได้มีการโทรแจ้งความลงบันทึกประจำวันโดยพ่อของผู้เสียหายหรือ น.ส.เกตุ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 ว่าลูกหายไป จึงได้ให้ไปตรวจสอบที่โรงแรมย่านสาทร ก่อนที่ต่อมาวันที่ 27 กันยายน ตำรวจได้ไปตรวจสอบและพบเจอผู้เสียหายจริง พาผู้เสียหายมาที่ สน.ยานนาวา จากนั้นรับการยืนยันจากผู้เสียหายว่า จะถอนแจ้งความ ให้เหตุผลว่าเป็นการเข้าใจผิด
แต่หลังจากนั้นวันที่ 30 กันยายน น.ส.เกตุได้เดินทางกลับมาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เพื่อขอลงบันทึกประจำวันเอาผิดกับกลุ่มในโรงแรม แต่ขอให้มีการเจรจาก่อน ต่อมาวันที่ 3 ตุลาคม 2567 เกตุได้เดินทางกลับมาอีกครั้งพร้อมแจ้งความเอาผิดดิว อริสราและพวก ฐานกักขังหน่วงเหนี่ยว ทำให้ตำรวจทราบว่า มีดิว อริสราอยู่ในคดีดังกล่าวด้วย
นั่นจึงเป็นเหตุทำให้ในวันนี้ พนักงานสอบสวนต้องเรียกสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อเท็จจริงว่ามีการกักขังหน่วงเหนี่ยวกันจริงหรือไม่ เพราะผู้เสียหายแจ้งความกลับไปกลับมาและให้การในตอนนั้นสับสน หากพบว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง จะพิจารณาดำเนินคดีกับผู้เสียหายข้อหาแจ้งความเท็จต่อไป แต่หากพบว่าได้ดังกล่าวเป็นความจริง จะดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
สำหรับประเด็นที่ 2 ในเรื่องการแลกเงินดอลลาร์ปลอมนั้น เนื่องจากที่ผ่านมาตลอด 7 เดือน ยังไม่เคยมีการแจ้งความร้องทุกข์ในเรื่องเงินดอลลาร์ปลอมแต่อย่างใด เรื่องราวดังกล่าวเพิ่งมาปรากฏหลังจากที่ผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้ทั้งหมดไปออกรายการโหนกระแส
ทำให้ตำรวจต้องเข้ามาสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะเนื่องจากมีประเด็นที่ว่า ยังไม่พบของกลางที่เป็นเงินดอลลาร์มูลค่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 99 ล้านบาท และยังไม่พบของกลางที่เป็นเงินดำหรือเงินปลอมตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง อีกทั้งยังไม่พบว่า มีใครให้ข้อมูลเกี่ยวกับรูปพรรณสัณฐานของชายชาวจีนและชายผิวสีที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ครั้งนี้
จึงเป็นเหตุทำให้พนักงานสอบสวนต้องทำการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง โดยเฉพาะที่ว่า ประเด็นที่มาของเงินว่ามาจากใครและเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ก่อนนำไปสู่การดำเนินคดีบุคคลที่อาจจะกระทำความผิดต่อไป ส่วนภาพที่เปิดเผยในรายการในลักษณะการตรวจสอบเงิน อยู่ในระหว่างการตรวจพิสูจน์ว่า เป็นภาพของจริงหรือมีการตัดต่อหรือไม่
ทั้งนี้ ในห้วงเวลาที่ผ่านมา ดำเนินการสอบปากคำเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พนักงานโรงแรม และผู้มีส่วนร่วมในวันเกิดเหตุ รวมถึงสามารถเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดมาเป็นพยานหลักฐานได้แล้ว
แต่ในคดีนั้นจะต้องทำการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมทั้งประเด็นเรื่องของการกักขังหน่วงเหนี่ยวและการแลกเงินดอลลาร์ปลอม ยืนยันว่าจะทำเรื่องดังกล่าวให้ปรากฏความจริงแก่สังคม แต่ต้องให้เวลาพนักงานสอบสวนในการทำงานสักระยะ ข้อมูลบางประการอาจจะไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากอยู่ในสำนวนการสอบสวน.
โฆษณา