25 มี.ค. เวลา 10:30 • ความคิดเห็น
ดีแล้วที่เงียบ.. เพราะ เราอาศัยอยู่ในเรือนกาย ที่พ่อแม่ให้เรามา พ่อก็มีกรรมของเค้า แม่ก็มีกรรมของเค้า .เราคล้องเวรกรรมมา ธาตุทั้งสี่ ที่จิตเราสะสมกรรมมา ก็นำพามาเกาะเกี่ยวกับธาตุทั้งของพ่อแม่ จิตเราก็ตามธาตุทั้งสี่นั้น ที่มาประกอบก่อตัวเป็นรูป มีหัวมีแขนมีขา มีวิญญาณทั้งหก ก็มาจนครบอาการสามสิบสอง พรั่งพร้อมด้วยสติปัญญา(ไม่ใช่ได้รูปบล็อกเด็กปัญญาอ่อน) นี้ก็นับว่า พ่อแม่ให้กาย ดูแลการเรามาดี ตั้งแต่ในท้อง
เรามีน้องคนหนึ่ง ..ที่พ่อแม่เลิกกัน แยกย้าย ต่างคนต่างไป .น้องเค้าก็อยู่กับยาย ..พอมาสวดมนต์ พระท่านบอดให้ระลึกถึง พระคุณพ่อแม่ ระลึกว่า พ่อแม่ให้กายเรามาอาศัย .ให้พูดว่า จิตข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในเรือนกายของคุณบิดามารดาของข้าพเจ้า เค้าก็พูดไม่ออก ..ได้แต่นึกคิดว่า ทำไมพ่อแม่ต้องทิ้งหนูไป เราก็สังเกตเค้า วันหนึ่ง ก็ได้คุยกัน .. เราก็ถามว่า ..ข้างในเรามันต่อต้าน ในคำพูดที่พระท่านสอนใช่มั้ย มันเหมือนยอมรับไม่ได้ใช่มั้ย เราก็คุยกัน ให้ทบทวนให้ดี
เราได้กายนี้มาเพราะใคร จิตขอบ.พ่อแม่เค้าก็มีกรรม เหมือนตัวเรา จิตเรา ก็มีกรรม จึงได้สังขารนี้กายนี้ หากเราไม่รู้จักพระคุณของกายนี้ ไปไม่ชอบใจพ่อแม่ ว่าเค้าอย่างนั้นอย่างนี้ จิตเราอาศัยอยู่ในกายของพ่อแม่ มันจะเจริญมั้ย เมื่อเราก็ตำหนิพ่อแม่ ก็เหมือนตำหนิตัวเอง สิ่งนี้ก็เหมือนเราอาศัยกายพ่อแม่ แต่เรากลับไม่รู้จักคำว่าพระคุณเลย ชาตินี้ได้กายเป็นมนุษย์ ชาติหน้าเราจะได้กายอะไร
ในเมื่อเราไม่รู้จักพระคุณของกายได้ หากเราจักว่าจิตของเราอาศัยกายพ่อแม่อยู่ เราก็ใช้กายนี้ มาสร้างบุญกุศล สิ่งเหล่านี้ ก็จะส่งคืนไปหาพ่อแม่เอง สำคัญว่า จิตเรารู้จักคุณ รู้จักการอโหสิกรรม .ทำสิ่งที่เป็นคุณ ชีวิตก็ไม่ตกต่ำ มีความกตัญญูรู้คุณคุ้มครองกายเรา จิตของเรา
เรื่องที่เราเล่าเรื่องราวของน้องที่เค้า พลิก รู้จักเรื่องจิตอาศัยกายพ่อแม่อยู่ แล้วเค้านำมาสร้างบุญกุศล เรื่องราวชีวิตที่รันทดในอดีตนั่นก็หายไป เดี๋ยว..เค้าก็สามารถ ไปเยี่ยมเยี่ยงพ่อแม่ ที่อยู่กันคนละที่ได้ .สบายอกสบายใจ ไม่มีทิฐิอะไรเกิดขึ้น ที่จะไปตำหนิติเตียนพ่อแม่ ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ย้อนไปในอดีต ที่ผ่านมา ..เพราะต่างคนก็ต่างมีกรรมเป็นของตัวเอง
โฆษณา