26 มี.ค. เวลา 04:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

โดราเอมอนเดอะมูฟวี่ บันทึกการสร้างโลกของโนบิตะ - เส้นแบ่งระหว่าง "มนุษย์" กับ "พระเจ้า"

เชื่อว่าใครที่อ่านพาดหัวในรูป
โดยเฉพาะแฟนๆ โดราเอมอนด้วยกัน
ก็คงแอบสงสัยกันบ้างว่าเอ๊ะนี่ฉันกำลัง
อ่านรีวิวการ์ตูนเรื่องโปรดอยู่จริงรึเปล่า?
เพราะมันชวนให้คิดถึงเรื่องราวปรัชญาจริงจัง
ผสานทั้งแนวคิดเชิงประวัติศาสตร์ สังคม ศาสนา
อะไรแบบนั้นมากกว่า
ซึ่งต้องบอกตรงนี้เลยครับว่า
ทุกคนอ่านไม่ผิดหรอกเพราะ
“เดอะมูฟวี่: บันทึกการสร้างโลกของโนบิตะ”
เป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลกแตกต่าง
สร้างความเซอร์ไพรส์ในอีกมิติ
กับการรีมาสเตอร์ภาคมูฟวี่เมื่อปี’ 38
เรื่องย่อคือโนบิตะและเพื่อน ๆ
ต่างได้การบ้านปิดเทอมเป็นรายงาน
โดยให้สรุปบันทึกออกมาทุกขั้นตอน
ทั้งวาดเขียนคล้ายกับสมุดบทเรียน
แน่นอนว่าเจ้าเด็กแว่นจอมขี้เกียจคนเดิม
ก็ยังคิดหัวข้อวิจัยใดๆ ไม่ออก
เลยขอร้องโดราเอมอน
ก่อนจะได้ของวิเศษ “ชุดสร้างโลก” มา
ที่ไม่ใช่แค่โลกจำลอง แต่เป็นจักรวาลเสมือนจริง
แบบมีทั้งดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์
ตลอดจนโลกและสิ่งมีชีวิตจริง
เหมือนได้สวมบทบาท
เป็นพระเจ้าผู้สร้างโลก
ประมาณนั้นเลย
กระทั่งบางอย่างได้เกิดขึ้น
เมื่อพวกเขาเกิดจับพลัดจับผลู
ใช้ของวิเศษพลาดโดยไม่รู้ตัว
นำมาซึ่งการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
อย่างที่โลกนี้ไม่เคยมีมาและอาจส่งผล
ให้ประวัติศาสตร์โลกบิดเบี้ยว
ผิดเพี้ยนไปจากเดิมอย่างฉับพลัน
ความวุ่นวายจึงตามมา
พร้อมคำถามที่ว่าแท้จริงแล้ว
โลกนี้สร้างมาจากอะไรกัน?
จุดเด่นที่ชัดเจนของเดอะมูฟวี่ภาคนี้คือ
เหมือนภาพลายเส้นจะเป็นกลิ่นอาย
คล้ายในอนิเมะดั้งเดิมที่เราคุ้นเคยดี
ดูแล้วชวนให้คิดถึง
และอบอุ่นกับภาพวันวานแห่งความทรงจำ
ต่อด้วยการหยอดมุขตลกน่ารักๆ
เรียกเสียงหัวเราะไปมาระหว่างทาง
โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ขำก๊ากตามกันไป
ผู้ใหญ่เองก็หัวเราะคิกคักกันเบาๆ
เคล้าบรรยากาศเก่าๆ ทั้งฉากภาพจำต่างๆ
ระหว่างตัวละคร ของวิเศษ บทเพลงคลาสสิค
(มี Ester Eggs ถึงต้นฉบับพอควรเลยล่ะ)
แต่หัวใจสำคัญนอกเหนือจากอดีต
คือการพาเราเข้าไปเจอกับเรื่องราว
และแนวทางการเล่าอันแปลกใหม่
ทั้งการใส่รูปแบบของความเป็นสารคดีผจญภัย
ที่มีโนบิตะ โดราเอมอน และผองเพื่อน
เป็นไกด์นำทางผ่านห้วงเวลาต่างๆ
โดยอาจกำหนดทิศทางหน้าประวัติศาสตร์โลก
ให้เปลี่ยนไปจนดีขึ้นแบบก้าวกระโดด
หรือแย่ลงได้อย่างน่ากลัวสุดๆ
พร้อมสอดแทรกและสะท้อนแนวคิด
เชิงปรัชญา สังคม ประวัติศาสตร์
เข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับโลกการ์ตูน
ในแง่ที่ว่ามนุษย์บางกลุ่มมักเชื่อว่า
ตัวเองคือ “พระเจ้า” ผู้สร้างโลก
ย่อมมีสิทธิในการบริหารจัดการยังไงก็ได้
แท้จริงแล้วมันเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่?
เมื่อการใช้ทรัพยากรต่างๆ แบบไม่ระวัง
ย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย
จนทำให้แอบคิดว่าเส้นแบ่ง
ที่นิยามความเป็นมนุษย์-พระเจ้า
มันอาจถูกกำหนดไว้แล้ว
หรือจริงๆ คือไม่มีมาแต่แรก?
ในการสวมบทของเด็กประถม
บนการเรียนผสมการเล่น
ยังมีแง่มุมให้เห็นซ่อนอยู่มาก
รวมทั้งเพลงญี่ปุ่นที่ตั้งใจหยอดคำแปล
สื่อถึงแนวคิดเชิงปรัชญามากมาย
แม้เรื่องเล็กก็อาจสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่
ก็นับเป็นรสชาติใหม่ๆ ที่ให้ทั้งแง่คิด
และความรู้สึกเซอร์ไพรส์ไปอีกแบบ
ขณะเดียวกันก็แอบเสียดาย
ที่การดำเนินเรื่องค่อนข้างเนิบอืดอาด
เหมือนสารคดีให้ดูไปเรื่อยๆ มากกว่า
เมื่อเทียบกับโดราเอมอน เดอะมูฟวี่ภาคอื่นๆ
ซึ่งเรื่องราวจะค่อยๆ ไต่ระดับ
จนขยับไปถึงจุดขัดแย้งและไคลแมกซ์
มีการสอดแทรกหลากอารมณ์ ความรู้สึก
ทั้งดราม่า เฮฮา รัก ซึ้ง เศร้าเคล้าน้ำตา
ไม่ว่าจะเป็นศึกสงครามอวกาศ ย้อนอดีต
หรือในรูปแบบใดก็ตามแต่
ทุกภาคมักจะมีเหตุการณ์สร้างวีรบุรุษ
แบบที่ไม่ใช่แค่โนบิตะพลิกบทบาท
จากคนไม่เอาไหนมาเป็นฮีโร่พลิกเกมได้
แต่ทั้งโดราเอมอน ชิซุกะ ซึเนะโอะ ไจแอนท์
ต่างก็มีการเติบโตขึ้นตามกันไปด้วย
รวมถึงโมเมนต์กุ๊กกิ๊กที่โนบิตะ
มักจะได้เจอกับองค์หญิงในอาณาจักร
หรือตัวละครหญิงคนอื่นที่เข้ามาทำให้รู้สึก
จั๊กจี้หัวใจอย่างบอกไม่ถูก
จนเพื่อนๆ และชิซุกะเอง
ยังเคยร่วมยินดีไปด้วยก็เคยมี
เป็นโมเมนต์น่ารัก น่าลุ้นแบบเออแฮะ
นางเอกไม่จำเป็นต้องมีแค่ชิซุกะก็ได้นิ
คือเรียกได้ว่าสนุก ครบรส มีไดนามิค
แต่ภาคนี้ต้องบอกว่าความแตกต่าง
ก็เป็นดาบสองคมที่ให้ทั้งข้อดีดังกล่าว
และข้อเสียที่ทำเอาเสน่ห์เดอะมูฟวี่ก่อนๆ
ลดรอนลงไปแบบน่าเสียดายสุดๆ
จนบางจุดยังแอบเบื่อ
ลุ้นว่าเมื่อไหร่จะใกล้เข้าไคลแมกซ์
อาจมีทั้งแฟนๆ ที่ชอบและไม่ชอบ
ทั้งนี้อยากให้ลองดูเองจะดีที่สุด
โดยเฉพาะแฟนๆ โดราเอมอน
แค่การได้มาสัมผัสกับผองเพื่อนเก่า
กับตัวละครที่รักและเติบโตมากับเรา
ยังไงมันก็มีความหมายเสมอมา,,,
📅 27 มี.ค. นี้ มาสัมผัสเรื่องราวสุดป่วนไปด้วยกัน
(ในโรงภาพยนตร์ที่ร่วมรายการ)
ขอบคุณทาง: DEXclub มากๆ นะครับ
ที่ให้เกียรติชวนพวกผม
มาร่วมบันทึกการผจญภัย
ในโลกใหม่ครั้งนี้ 🌎😇
โฆษณา