26 มี.ค. เวลา 00:58 • ปรัชญา
..หาเวลาเลิกเป็นทาสอารมณ์กรรมตัวกระทำ..อารมณ์นึกคิดที่ไม่เคยหยุดหย่อน..
..
เวลาของกายที่ทุกข์ มันทรมาน เจ็บปวด จิตที่อาศัยอยู่ในกาย มีความรู้สึกว่ายาวนาน เมื่อไหร่ ..หนอจะพ้นความทุกข์ทรมาน แต่เวลาที่กายนั่น มีอารมณ์ มีความสุข มันก็กลับรู้จักว่า เวลามันผ่านไปเร็ว บางที่ก็หลงลืมเวลาไปเลย
เวลาที่เราทำการทำงานอะไรต่างๆ เราก็ต้องใช้กาย วิญญาณทั้งหก ไปสัมผัส เรื่องต่างๆ ในการสัมผัส นั่นมันมีการเก็บเกี่ยว เอาเข้ามาในกายในจิต สะสมสีเวรกรรม สีม่วงสีดำ ตลอดเวลา แม้แต่ยามนอน ก็ไม่เคยหยุดพัก ..เวลานั้นเราเป็นทาสของอารมณ์
เมื่อเรารู้ตัวว่า เราเป็นทาสของอารมณ์ เราก็หาเวลา เลิกเป็นทาสของอารมณ์ มาประพฤติปฏิบัติธรรม ยืน เดิน นั่ง ..ไม่ต้องนึกคิดอะไร ภาวนาพุทโธ นั่งพับเพียบนานๆ กายก็เจ็บก็ปวด นั่นก็อารมณ์ ..เราก็อดทน บังคับกายนิ่ง ไม่ขยับเขยื่อนกาย ยุงมันกัด ..มดกัด นั่นก็อารมณ์ ที่เกิดขึ้น
.เราอดทนไป ฝึกหัดไป ..ปล่อยวางอารมณ์ไป เมื่อกายนิ่ง จิตนิ่ง ..มีแสงสว่างส่องลงมา ที่ธาตุทั้งสี่ ..ลอกสีดำสีม่วงออกมา ลอยขึ้นมา เป็นหมอกควัน แสบร้อน ..เราก็อยู่นิ่งเฉย ..ดูกรรม ที่ไหลออกมาจากธาตุทั้งสี่ ปล่อยให้เค้าไหลออกไปจากกายเลย หากจิตเราไปยึด หมอกควันที่ไหลออกไป .นั้นก็คืออารมณ์กรรมตัวกระทำ ที่ทำให้เกิดกายวาจาใจ เกิดเป็นเรื่ิองราวของขันธ์ห้า ที่เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เมื่อเราฝึกหัด แบ่งบันเวลา มาหัดเลิกทาส กายก็เบา จิตก็เบา มีความสุข สุขที่ได้ปลดปล่อย ความยึดถือกรรม ออกไปบ้าง
นั่นจึงเป็นเรื่องเวลาที่เราใช้ฝึกหัด .ปลดปล่อยอารมณ์กรรมตัวกระทำออกไป..เราต้องหาเวลาของตัวเอง .ไม่วุ่นวายอะไรกับใครทั้งนั่น . เพื่อจะหัด เลิกเป็นทาสอารมณ์
เรื่องราวของความยึดถือ เรื่องการสละปัจจัย มาทำมาแปรสภาพให้เกิดเป็นบุญ ก็เป็นเรื่องสละเวลา ที่สลัดกรรม สลัดความยึดถือ โลภโกรธหลง ออกไปด้วย แต่ต้องทำให้ถูกวิธี ให้ธาตุทั้งสี่ บันทึกการกระทำที่ดี ที่จะช่วยเหลือจิต อีกทางหนึ่ง ในคำว่าบุญกุศล บางที่เรามุ่งมั่นปฏิบัติธรรม แต่เราไม่สละวัตถุปัจจัยที่ยึดถือบ้าง จิตมันก็ยึดอยู่อย่างนั้น ยึดวัตถุที่เป็นกรรม
โฆษณา