26 มี.ค. เวลา 04:24 • หุ้น & เศรษฐกิจ

HMPRO บวก 9% หลังจากบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืน ไม่เกิน 7,000 ล้าน

บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีก จำหน่ายสินค้าเกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ต่อเติม ตกแต่งบ้านและที่อยู่อาศัย
ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัทมีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน
- วงเงินสูงสุดไม่เกิน 7,000 ล้านบาท
- ไม่เกิน 800 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 6.0% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
- ซื้อด้วยวิธีจับคู่อัตโนมัติ ผ่านระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์
- ระยะเวลาซื้อหุ้นคืน ตั้งแต่ 1 เม.ย. - 30 ก.ย. 2568
สำหรับการกำหนดราคาหุ้นที่จะซื้อคืน จะใช้ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วัน ก่อนวันที่บริษัทจะทำการเปิดเผยข้อมูลมาประกอบการพิจารณากำหนดราคาหุ้นด้วย
ราคาหุ้นที่จะซื้อคืนจะไม่เกินกว่า 115% ของราคาปิดของหุ้นเฉลี่ย 5 วันทำการซื้อขาย ก่อนหน้าวันที่ทำรายการซื้อหุ้นคืน
ทั้งนี้เพื่อประกอบการพิจารณา ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วันทำการตั้งแต่ 10 ก.พ. - 24 มี.ค. 2568 เท่ากับ 8.16 บาทต่อหุ้น (ราคาปิดถัวเฉลี่ย 30 วันทำการย้อนหลัง)
โดยเหตุผลของการซื้อหุ้นคืนนี้ บริษัทบอกว่า เพื่อบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทให้เกิดประโยชน์สูงสุด
รวมถึงเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และเพิ่มอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS)
ซึ่ง ณ สิ้นปี 2567 บริษัทมีรายการเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 5,103 ล้านบาท
แล้วการซื้อหุ้นคืน คืออะไร และทำไมถึงส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น ?
การซื้อหุ้นคืน คือการที่บริษัทซื้อหุ้นของบริษัทตัวเองในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้จำนวนหุ้นที่หมุนเวียนซื้อขายในตลาดลดลง ซึ่งส่งผลต่อกิจการคือ
1. กำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัท เพิ่มสูงขึ้น
2. ทำให้ผู้ถือหุ้นมีโอกาส ได้รับเงินปันผลต่อหุ้นมากขึ้น
3. มีโอกาส ที่จะทำให้ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวสูงขึ้น
4. ในทางบัญชีแล้ว การซื้อหุ้นคืน แล้วลดทุน จะทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นลดลง
1. กำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัท เพิ่มสูงขึ้น
เช่น บริษัทมีกำไร 100 ล้านบาท มีหุ้นจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้น 10 ล้านหุ้น หมายความว่า กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 10 บาท หากบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืนจำนวน 2 ล้านหุ้น
หุ้นทั้งหมดในบริษัทก็จะเหลือเพียง 8 ล้านหุ้น หมายความว่าหากบริษัท ทำกำไรได้เท่าเดิมที่ 100 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นของบริษัทแห่งนี้ ก็จะเพิ่มขึ้นจาก 10 บาทต่อหุ้น เป็น 12.50 บาทต่อหุ้น
2. ทำให้ผู้ถือหุ้นมีโอกาสได้รับเงินปันผลต่อหุ้นมากขึ้น
เมื่อกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น ผู้ถือหุ้นมีโอกาสได้รับเงินปันผลต่อหุ้นมากขึ้นด้วย
ยกตัวอย่างต่อเนื่องจากในข้อแรก หากบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลเท่ากับ 50% ของกำไรสุทธิ หมายความว่าเดิมที ผู้ถือหุ้นจะได้เงินปันผลที่ 5 บาทต่อหุ้น เมื่อตอนที่กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 10 บาท
แต่การซื้อหุ้นคืน ทำให้กำไรต่อหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นมาเท่ากับ 12.50 บาท นั่นหมายความว่าเงินปันผลที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับ ก็คือ 6.25 บาทต่อหุ้น
3. มีโอกาส ที่จะทำให้ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวสูงขึ้น
เรื่องดังกล่าวเป็นผลมาจาก วิธีที่นักวิเคราะห์มักใช้ในการประเมินราคาหุ้น นั่นก็คือ การนำมูลค่ากำไรต่อหุ้นคูณด้วยค่า P/E หรืออัตราส่วนมูลค่าบริษัทต่อกำไร
หากหุ้นของบริษัทซื้อขายกันที่ P/E 10 เท่า กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 10 บาท
ราคาที่เหมาะสมของหุ้นจะเท่ากับ 100 บาทต่อหุ้น
สมมติให้ บริษัทซื้อขายกันที่ P/E เท่าเดิมที่ 10 เท่า การที่กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นมา 12.50 บาท ราคาที่เหมาะสมของหุ้นจะเท่ากับ 125 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้นมาประมาณ 25%
4. ในทางบัญชีแล้ว การซื้อหุ้นคืน แล้วลดทุน ทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นนั้นลดลง เพราะหุ้นที่ถูกซื้อคืน ก็จะถูกนำออกจากการคำนวณส่วนผู้ถือหุ้น จึงส่งผลให้ผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) เพิ่มขึ้น และหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ การซื้อหุ้นคืน บริษัทควรทำในช่วงเวลาที่สภาพตลาดตกต่ำ ทำให้หุ้นของบริษัทถูกขายออกมามากจนต่ำกว่าราคามูลค่าที่แท้จริง ที่บริษัทคิดว่าควรจะเป็น
ซึ่งการซื้อหุ้นคืนในราคาหุ้นที่ต่ำ จะเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้น เพราะเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะทำให้ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นมากขึ้น
แต่การซื้อหุ้นคืนในราคาหุ้นที่สูง ก็อาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม ถ้าบริษัทมีทางเลือกอื่นในการใช้เงินสดที่ดีกว่า เช่น การนำเงินสดไปขยายกิจการ หรือซื้อกิจการอื่น หรือการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น..
โฆษณา