Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
MarketThink
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
26 มี.ค. เวลา 12:33 • การตลาด
สรุป 4 อินไซต์ ผู้บริโภคยุคใหม่ เหนื่อยเรียนรู้เทคโนโลยี จากงาน MarTech Expo 2025
- ภายในงาน MarTech Expo 2025 มีเซสชันน่าสนใจ ที่บรรยายโดยคุณสิทธินันท์ พลวิสุทธิ์ศักดิ์ จาก Content Shifu และคุณ สโรจ เลาหศิริ จาก Sarojkhobkid
ได้มาเผยอินไซต์เกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้งานเครื่องมือ Martech และแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์
โดยเทรนด์พฤติกรรมการใช้งานเครื่องมือ MarTech และแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ในปี 2025 นี้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 เทรนด์ หลัก ๆ จะมีอะไรบ้าง ?
MarketThink สรุปมาให้เป็นข้อ ๆ
1. ความเหนื่อยล้าจากการตามเทคโนโลยี (Technology Fatigue)
ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าเครื่องมือ AI ที่มีมาให้ใช้งานนั้นมีมากกว่า 500+ เครื่องมือ
เรียกง่าย ๆ ได้ว่า มีให้ครบทุกการใช้งาน แต่ผู้บริโภคก็เลือกใช้เพียงไม่กี่เครื่องมือเท่านั้น
โดยอินไซต์จาก eMarketer เผยว่าตั้งแต่ปี 2023 ผู้ใช้งานต่างลดปริมาณการใช้งานแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนลงอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเท่ากับว่า แม้จะมีเครื่องมือ AI มาให้ใช้งานเป็นจำนวนมาก แต่ผู้ใช้งานก็เลือกที่จะไม่ใช้
และที่สำคัญ ผู้ใช้งานมักเลือกใช้งานเครื่องมือที่คุ้นเคย และสามารถใช้งานได้รอบด้าน โดยที่ไม่ต้องเรียนรู้ใหม่ ๆ อีกครั้ง
2. มองหาความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่าเดิม (Seek Deeper Relations)
ทุกวันนี้ หลายแบรนด์ต่างก็สร้าง Loyalty Program ขึ้นมาผ่านการสะสมแต้มแลกกับส่วนลดหรือของรางวัล แต่จริง ๆ แล้วการตลาดรูปแบบนี้เป็นเพียงเปลือกนอกที่ใช้ได้ชั่วคราวเท่านั้น
ลองคิดดูว่า ถ้าวันหนึ่งแบรนด์ยกเลิกแคมเปญสะสมแต้มแล้ว ลูกค้าจะยังอยู่กับเราต่อไปหรือไม่ ?
ถ้าลูกค้าไม่อยู่กับเราต่อ นั่นแสดงว่า ความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้ายังไม่แข็งแกร่งมากพอ
ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไม Loyalty Program ของแบรนด์ส่วนมากกว่า 77% จึงล้มเหลว หลังจากที่ปล่อยแคมเปญออกมาได้เพียง 2 ปีเท่านั้น
จึงกลับมาคำถามเบสิกที่ว่า ความภักดีคืออะไรกันแน่ ?
ซึ่งคุณสโรจก็ได้ให้ไอเดียเบื้องต้นว่า Loyalty = Motivation + Data + Experience
โดยความภักดีจะเกิดขึ้นได้ด้วย 3 องค์ประกอบคือ
- แรงจูงใจ (Motivation) ทำไมลูกค้าถึงต้องอยู่กับแบรนด์เรา ? ตรงนี้ต้องไปหาจากข้อมูลอินไซต์ของลูกค้า
- ข้อมูล (Data) จากการวิเคราะห์ข้อมูล และการทำ Marketing Automation
- ประสบการณ์ (Experience) ต้องสร้างประสบการณ์ซื้อขายสินค้าที่ลื่นไหลไร้รอยต่อ (Seamless Journey) และประสบการณ์เฉพาะบุคคล (Personalized Experience)
3. ปัญหาความน่าเชื่อถือ (“Trust” Issues)
การเติบโตของเทคโนโลยีที่มากขึ้น สิ่งที่เติบโตขึ้นตามมาด้วยก็คือช่องโหว่ และกลโกงที่มีความซับซ้อนมากขึ้น
เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญในอนาคตที่ทุกธุรกิจควรโฟกัสคือ เรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity)
ที่ทุกธุรกิจควรติดตั้งไว้
อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้ความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ช่วยสร้างความเชื่อใจให้กับลูกค้า คือการสร้างชื่อเสียง ละการจัดการความสัมพันธ์ให้เกิดความเชื่อมั่น ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า
4. แยกลูกค้าแต่ละแพลตฟอร์มออกจากกัน (Platform Fragmentation)
หลายครั้งที่แบรนด์นำคอนเทนต์หนึ่งชิ้นไปลงในทุกแพลตฟอร์มที่แบรนด์มีอยู่ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผลลัพธ์การทำ Content Marketing ไม่มีประสิทธิภาพอย่างที่ควรจะเป็น
พูดง่าย ๆ ก็คือ เราไม่สามารถนำคอนเทนต์บน Facebook มาลงบน TikTok ได้
ดังนั้น แบรนด์และนักการตลาดจึงควรทำความเข้าใจธรรมชาติของแต่ละแพลตฟอร์มให้ดีก่อน เพื่อจะได้สร้างสรรค์คอนเทนต์ให้ถูกใจทั้งอัลกอริทึมและผู้ติดตามในแต่ละแพลตฟอร์ม
ตัวอย่างเช่น
Facebook เป็นแพตฟอร์มที่เน้นการเชื่อมต่อแบบ Group และ Community Sharing เป็นหลัก
- เป็นแพลตฟอร์มแห่งการแชร์และแบ่งปัน (Sharing Platform)
- ให้บริการ Customer Services
- มีคอนเทนต์แบบมีม และความบันเทิงในรูปของ Reels
TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบ Short Video
- เน้นคอนเทนต์ด้านความบันเทิงและมีม
- คอนเทนต์ในรูปแบบชาเลนจ์
- คอนเทนต์สาระให้ความรู้ ในรูปแบบย่อยง่าย สั้น ๆ ได้ใจความ
Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นคอนเทนต์แนวไลฟ์สไตล์
- เน้นคอนเทนต์รูปภาพ
- ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการในถ่ายภาพ
- เน้นสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันผ่านการ Reply Stories
YouTube เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบ Long Video
- เน้นคอนเทนต์วิดีโอยาวลักษณะคล้ายรายการต่าง ๆ ในโทรทัศน์
- เป็นศูนย์รวมเครือข่ายครีเอเตอร์ (Creator Network Hub)
การตลาด
martech
2 บันทึก
3
2
2
3
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย