26 มี.ค. เวลา 14:30 • ธุรกิจ

ซีรีส์ก็ดี หนังก็แจ่ม รางวัลก็เยอะ

แต่ทำไม Apple TV+ สตรีมมิงยังขาดทุนปีละ 35,000 ล้านบาท และเป็นบริการเดียวของ Apple ที่ยังไม่ได้กำไร?
1
📺 แม้ว่าอาจจะไม่ดังเท่า Netflix หรือ Amazon Prime ที่มีสมาชิก 300 ล้านคน และ 200 ล้านคน ทั่วโลก​ (ตามลำดับ) Apple TV+ บริการสตรีมมิงจาก Apple ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกและมีผู้ใช้บริการที่เป็นสมาชิกกว่า 45 ล้านคน
แถมถ้านับเรื่องคุณภาพของคอนเทนต์ที่ปล่อยออกมา หลายคนบอกว่าคอนเทนต์ออริจินอลของ Apple ดีมากๆ ประหนึ่งเป็น ‘New HBO’ เลยทีเดียว
รางวัลมากมายเป็นเครื่องการันตีได้อย่างดี เช่น ‘Emmy Awards’ ของซีรีส์ The Morning Show, Ted Lasso หรือที่เพิ่งจบซีซันไปด้วยความร้อนแรงอย่าง ‘Severance’ ก็มีชื่อเข้าชิงอีกหลายรางวัล แม้แต่ CODA ภาพยนต์ยาวจากทาง Apple ก็กวาด 3 รางวัลออสการ์ในปี 2022 รวมถึงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมไปครองด้วย
เพราะฉะนั้นเรื่องคุณภาพถือว่าไม่เป็นสองรองใคร
สำหรับคนที่เป็นสมาชิกเชื่อว่าน่าจะมีความสุข ยิ้มแก้มปริที่ได้รับชมซีรีส์และภาพยนตร์ดีๆ จาก Apple อยู่เป็นประจำ
แต่ถ้าคุณเป็นนักลงทุน ความรู้สึกนั้นอาจจะตรงกันข้าม จากรอยยิ้มกลายเป็นหน้ามุ่ยไม่ค่อยพอใจแทน เพราะจากรายงานล่าสุดดูเหมือนว่า Apple TV+ บริการสตรีมมิงของ Apple คือบริการแบบสมาชิกเดียวในบริษัทที่ยังขาดทุนอยู่
ปีละ 1,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 35,000 ล้านบาท 🤯
ก่อนอื่นต้องบอกว่าภาพรวมของ Apple การที่ผลิตภัณฑ์หนึ่งของบริษัทขาดทุน 1,000 ล้านเหรียญถือว่าเป็นตัวเลขที่เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้บริษัททั้งปีกว่า 391,000 ล้านเหรียญ และกำไรโดยรวมกว่า 93,700 ล้านเหรียญ
(เรียกว่ากดเหมือนกดเครื่องคิดเลขพลาดก็ได้นะ)
🎯 แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม เหตุผลเบื้องหลังเป็นเพราะอะไรกันละ?
ในวงการกีฬามีคำศัพท์เทคนิคหนึ่งที่เรียกว่า “Unforced Error” ที่มักถูกหยิบมาใช้ เพื่ออธิบายถึงสถานการณ์ที่ผู้เล่นเสียสมาธิทำพลาดเอง อย่างในเทนนิสคือตีเสียง่ายๆ ในลูกที่ไม่ควรเสีย อาจจะเพราะคิดไม่รอบคอบ หรืออาจจะประมาทเกินไปแบบนั้นก็ได้
ในกรณีของ Apple TV+ ก็อาจจะคล้ายกัน
ที่จริงแล้วมีการประเมินตัวเลขออกมาว่าคอนเทนต์ที่ Apple สร้างต้องใช้เงินราวๆ 5,000 ล้านเหรียญต่อปี (อย่าง Severance ใช้เงินราว 20 ล้านเหรียญ/ตอน) ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง รวมไปค่าใช้จ่ายเรื่องการโปรโมตและอำนวยความสะดวกให้กับนักแสดงอีก (เช่นนั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว) ที่นักบัญชีของบริษัทคงไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
1
เพราะฉะนั้นถ้าดูแค่ตัวเลขสมาชิก 45 ล้านคน และค่ารายเดือน $9.99 เหรียญ/เดือน ถ้าเพิ่มสมาชิกอีกไม่กี่ล้านคนก็อาจจะเริ่มมีกำไรให้เห็นบ้างแล้ว
📍 แต่การเพิ่มจำนวนสมาชิกสำหรับ Apple TV+ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสิ่งที่เรียกว่า “Unforced Error” นี่แหละ
1
1. เข้าถึงยาก : หลังจากเปิดมา 6 ปี เมื่อเดือนที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่ผู้ใช้ Android สามารถโหลดแอปฯ Apple TV เพื่อรับชมซีรีส์และคอนเทนต์ของ Apple ได้เป็นครั้งแรก ด้วยความที่เมื่อก่อน Apple บังคับให้ดูผ่านอุปกรณ์ของ Apple เท่านั้น คนที่ใช้ Android อยู่จะเปลี่ยนแพลตฟอร์มเพียงเพื่อจะไปดู Ted Lasso ก็คงไม่อยากสักเท่าไหร่ (แม้เมื่อก่อนจะดูผ่านเบราเซอร์ได้ก็ตาม)
2. ราคาของอุปกรณ์ : ถ้าไม่ใช้ iPhoen/iPad เมื่อก่อนก็ต้องซื้อกล่อง Apple TV ที่เทียบกับกล่องอย่าง Android ก็ราคาแพง
3. ยังไม่มีเวอร์ชันที่มีโฆษณา : จำได้ไหมว่าช่วงหนึ่ง Netflix ก็เผชิญหน้ากับปัญหาผู้ใช้งานที่ไม่ค่อยเติบโตเช่นเดียวกัน จนกระทั่งปลายปี 2022 เปิดตัวเวอร์ชันที่มีโฆษณาและเก็บรายเดือนถูกลง พร้อมปรับราคาสมาชิกแบบเดิมเพิ่มขึ้น ล่าสุดรายงานว่ามีสมาชิกที่อยู่ในกลุ่มนี้ถึง 70 ล้านคน นับเป็น 55% ของผู้ใช้งานใหม่ด้วย นั่นกลายเป็นกลยุทธ์ที่ Disney+ ก็ยืมมาใช้ และได้ผลดีเช่นกัน
ถ้า Apple TV+ ทำเวอร์ชันโฆษณาแล้วลดราคาเหลือ $4.99/เดือน ในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ และสามารถดูบนระบบ Android ได้แล้ว เชื่อว่าสมาชิกจะเพิ่มขึ้นจนตัวเลขติดลบ 1,000 ล้านเหรียญกลายเป็นบวกได้ไม่ยากเลย (เผื่อพี่ทิมเห็น)
[ 🚨 ปล. บทความนี้ไม่ใช่การแนะนำการลงทุน แต่สำหรับคนที่สนใจหุ้น Apple ในไทยสามารถดู DRx : AAPL80X ได้ครับ ]
อ้างอิง :
#aomMONEY #MakeRichGeneration #การเงิน #AppleTV #Apple #Severance #TedLasso #TheMorningShow #CODA
โฆษณา