เรื่องจริง! โกงความตาย ก่อนดูหนังโกงตายภาคที่ 6 Final Destination Bloodlines
ภาพยนตร์ Final Destination หรือชื่อเรื่องภาษาไทยว่า “7 ต้องตาย โกงความตาย” ครั้งแรกที่ออกฉายคือในปี ค.ศ.2000 พอดิบพอดีไม่มีเศษตังค์ทอน โดยผู้กำกับเจมส์ หว่อง ถูกพูดถึงเป็นกระแสในวงกว้างพอสมควรในบ้านเราช่วงนั้นเนื่องจากคอนเซ็ปต์ที่ดูน่าสนใจและปลุกเร้าอารมณ์ชวนลุ้นอย่าง
ความตายอยู่รอบตัวคุณ มันมีแบบแผน และคุณสามารถโกงมันได้
ด้วยความที่ Core Idea มันจัดจ้าน สดใหม่ซะเหลือเกินพร้อมด้วยงานคราฟต์ซีนตั้งแต่จุดเริ่มต้นการเสียชีวิตของเหล่าบรรดาตัวละครมันเป็นอะไรที่แตกต่างจากหนัง Slasher ไล่ฆ่าหรือสยองขวัญทั่วไป โดยการตีความฆาตกรใหม่โดยเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่แม้แต่ยมทูต
นั่นทำให้ Final Destination เดินทางต่อมาอีกถึง 4 ภาคด้วยกัน แม้จะได้คะแนนไม่มากไม่มายจาก Imdb, Rotten Tomatoes หรืออาจไม่ใช่หนังขวัญใจนักวิจารณ์เท่าใดนัก แต่เป็นหนังขวัญใจมหาชนก็ว่าได้ บัดนี้ปี 2025 พวกเราจะได้ฉลองครบรอบ 25 ปีของแฟรนไชส์ชุดนี้กันด้วยภาคที่ 6 Final Destination : Bloodlines และเป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของนักแสดงจากภาคแรก โทนี่ ทอดด์ อีกด้วย
Warner Bros.
มาเรียกน้ำย่อยกันสักหน่อยดีกว่า!
หากการโกงความตายที่เป็นไอเดียหลักของเรื่อง มันเคยเกิดขึ้นนอกโลกภาพยนตร์หรือเกิดในชีวิตจริงเนี่ยสิ จะเป็นอย่างไรนั้น? น่าสนใจที่เดียวครับ
เมื่อปี 1920 บุคคลที่ชื่อ ซัลวาโตเร คาร์ดิเนลล่า (Salvatore Cardinella) สร้างอาณาจักรมาเฟียที่มีอำนาจและยิ่งใหญ่ในชิคาโกก่อนหน้าอัล คาโปน โดยรู้จักกันในชื่อ “Il Diavolo” หรือ “ปิศาจ” ที่มาก็ไม่ยาก แค่เขาสร้างอาณาจักรปิศาจด้วยความรุนแรงกับทุกคนจนบาดหมางกับแก๊งอื่นๆไปทั่ว
Salvatore Cardinella
…แต่แล้ววันหนึ่งลูกน้องคนสนิทของเขาที่ชื่อ นิโคลัส วิอาน่า (Nicholas Vianna) ได้ถูกจับกุมและถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ จากข้อหาฆาตกรรมกว่า 15 คดี คาร์ดิเนลล่าได้รู้มาว่าลูกน้องคนนี้หักหลังแฉเขาเพื่อแลกกับการลดโทษ แต่ทว่าไม่มีการลดโทษใดๆตอบแทนเกิดขึ้น คาร์ดิเนลล่าจึงได้คิดแผนขึ้นมาโดยสัญชาตญาณเขาบอกแบบนั้น
ณ วันรับโทษประหารของวิอาน่า วันที่ 10 ธันวาคม 1920 คาร์ดิเนลล่าทำตามแผนที่วางไว้ เขาได้เตรียมรถพยาบาลพร้อมแพทย์ที่เขาเลือกเองกับมือมารอรับศพวิอาน่า เมื่อรับศพวิอาน่ามาแล้ว ลูกน้องเขาได้ขับรถพยาบาลออกไปที่ห้องเช่าห่างไปประมาณไม่กี่ช่วงตึก
แพทย์ทำการปั๊มหัวใจและฉีดยากระตุ้นร่างของวิอาน่าอยู่หลายนาที ทำให้เขาอบอุ่นด้วยน้ำร้อนหลายขวด สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็เกิดขึ้น เขานั่งตัวตรง สับสนมึนงง และร้องครางเสียงดัง ใบหน้าแรกที่เขาเห็นชัดเมื่อสติกลับคืนก็คือ คาร์ดิเนลล่า!!! หน้าของวิอาน่าถอดสีแล้วภาพทุกอย่างที่วิอาน่าเห็นก็ดับลงไปโดยทันที
คาร์ดิเนลล่าได้ประโยชน์จากแผนครั้งนี้ถึงสองอย่างคือ ได้ล้างแค้นวิอาน่าลูกน้องจอมทรยศกับได้รู้ว่าการโกงความตายสามารถทำได้! หากคอไม่หักระหว่างการโดนโทษประหารโดยการแขวนคอ
สุดท้ายคดีก็สาวมาถึงตัวเขาจนในที่สุด คาร์ดิเนลล่าต้องโทษประหารชีวิตเฉกเช่นเดียวกับลูกน้องคนสนิท โดยวันรับโทษประหารคือวันที่ 15 เมษายน 1921
ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนวันรับโทษ คาร์ดิเนลล่าไม่ทานอาหารและเดินไปมาขณะอยู่ในคุกจนน้ำหนักลดไปถึง 40 ปอนด์ จนถึงวันที่รับโทษประหาร เขาขัดขืนไม่ยอมเดินไปยังตะแลงแกงเพื่อรับโทษ โวยวายร้องไห้ฟูมฟายจนเจ้าหน้าที่ต้องมัดเขากับเก้าอี้แล้วหามเขาไปแทนในที่สุด
หากนี่เป็นแผนโกงความตายสุดแยบยลของเขาล่ะ! การอดอาหารและการทำให้เจ้าหน้าที่มัดเขาในท่านั่งกับเก้าอี้อาจเป็นการจงใจลดโอกาสของคอที่จะหักระหว่างแขวนคอล่ะ!
ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์ได้เห็นสิ่งผิดสังเกตว่าเหตุใดถึงคนมีจำนวนมากและมีลักษณะคล้ายจะเป็นแพทย์หลายคน รองผู้บัญชาการเรือนจำได้สั่งชะลอการเคลื่อนย้ายศพและควบคุมตัวพวกของคาร์ดิเนลล่าไว้ โดยไม่มีข้อกฎหมายที่จะบังคับใช้ในตอนนั้น
สุดท้ายแล้วเวลาล่วงเลยไปเกินกว่าชั่วโมง พวกของคาร์ดิเนลล่าได้รับอนุญาตให้เคลื่อนย้ายศพไปได้ หากแต่ความล่าช้าเป็นเหตุ
“ปิศาจ” โกงความตายไม่สำเร็จ!! สายเกินกว่าที่จะยื้อชีวิตคาร์ดิเนลล่าแล้ว
หากเรื่องราวที่ผมนำมาฝากนี้ ทำให้คุณผู้อ่านสนใจในภาพยนตร์เรื่อง Final Destination Bloodlines ซึ่งเป็นภาพยนตร์ในลำดับที่ 6 ของแฟรนไชส์และเป็นการครบรอบ 25 ปีเพิ่มมากขึ้น 15 พฤษภาคมนี้เรามีนัดกันที่โรงภาพยนตร์ครับ
ที่มา : Salvatore Cardinella, the Necro-Gangster By Jason Roberts
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
