Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บอกให้รวย
•
ติดตาม
27 มี.ค. เวลา 01:03 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
"อุเบกขา" โคก หนองนา ป่า สวนผสม
เมื่อปลูกผักทานเอง ที่บ้าน
การปลูกผักทานเองที่บ้านเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพ ประหยัดค่าใช้จ่าย และยังช่วยให้มั่นใจว่าผักที่บริโภคปลอดภัยจากสารเคมี วิธีการเริ่มต้นมีดังนี้ครับ
1. วางแผนเลือกพื้นที่ปลูก
1.
พื้นที่ดิน: เหมาะกับการปลูกผักในแปลงดิน เช่น ผักคะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้ง
2.
กระถางหรือภาชนะปลูก: เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด เช่น กระถาง พลาสติก ถุงดำ หรือขวดพลาสติก
3.
โรงเรือนหรือโต๊ะปลูก: หากต้องการควบคุมแสงแดดและศัตรูพืช
2. เลือกผักที่เหมาะสม
1.
ผักโตเร็วและปลูกง่าย: ผักบุ้ง กวางตุ้ง คะน้า ผักกาดหอม
2.
ผักสวนครัวใช้ประจำ: กะเพรา โหระพา พริก ต้นหอม ผักชี
3.
ผักกินได้นาน: มะเขือเปราะ แตงกวา ถั่วฝักยาว
3. เตรียมดินและภาชนะปลูก
1.
ใช้ดินร่วนผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักให้มีความอุดมสมบูรณ์
2.
หากปลูกในกระถาง ควรใช้ดินปลูกคุณภาพดีและมีรูระบายน้ำ
4. วิธีการปลูก
1.
เพาะเมล็ด: หยอดเมล็ดลงดิน รดน้ำให้ชุ่ม รอจนต้นกล้าแข็งแรงแล้วแยกปลูก
2.
ปักชำ: เช่น โหระพา กะเพรา ใช้กิ่งตัดปักลงดิน
3.
ย้ายกล้า: หากเริ่มจากต้นกล้า ควรย้ายปลูกตอนเย็นเพื่อลดความเครียดของต้นไม้
5. การดูแลรักษา
1.
รดน้ำ: เช้า-เย็น ให้ดินชุ่มแต่ไม่แฉะเกินไป
2.
ให้ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ ทุก 1-2 สัปดาห์
3.
กำจัดศัตรูพืช: ใช้วิธีธรรมชาติ เช่น ใช้สารสกัดสะเดา หรือเลี้ยงแมลงที่เป็นประโยชน์
6. เก็บเกี่ยวและนำไปใช้
1.
เก็บเกี่ยวเมื่อผักโตเต็มที่ เช่น ผักบุ้ง 25-30 วัน, คะน้า 40-50 วัน
2.
ผักบางชนิดสามารถเด็ดเฉพาะใบแล้วปล่อยให้ต้นแตกใหม่ เช่น กะเพรา โหระพา
7. ปลูกแบบต่อเนื่อง
1.
ปลูกหมุนเวียนเพื่อให้มีผักกินตลอด เช่น ปลูกคละชนิดกัน
2.
เว้นระยะปลูกเพื่อให้เก็บเกี่ยวได้ต่อเนื่อง
คุณมีพื้นที่สำหรับปลูกแบบไหนครับ จะได้แนะนำเพิ่มเติมให้เหมาะสม?
การปลูกผักในกล่องโฟมแบบใช้น้ำและปุ๋ยน้ำ (ไฮโดรโปนิกส์แบบง่าย) เป็นวิธีที่สะดวกและควบคุมสารอาหารได้ดี เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่จำกัดและต้องการปลูกแบบไม่ใช้ดิน แต่ มีต้นทุนเริ่มต้นที่สูงกว่าการปลูกในดิน แต่เมื่อใช้งานระยะยาวอาจคุ้มค่ากว่า
1. วิธีการปลูกผักในกล่องโฟมแบบไฮโดรโปนิกส์ง่ายๆ
อุปกรณ์ที่ต้องใช้
1.
กล่องโฟม ขนาด 30-50 ซม. หรือใช้ภาชนะอื่นที่มีฝาปิด
2.
ฝาปิดกล่องโฟม เจาะรูให้มีขนาดพอดีกับฟองน้ำหรือถ้วยปลูก
3.
ฟองน้ำหรือถ้วยปลูก รองรับต้นกล้า
4.
เมล็ดพันธุ์ผัก เช่น ผักสลัด คะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้ง
5.
สารละลายธาตุอาหารพืช (A&B Nutrients) สำหรับไฮโดรโปนิกส์
6.
ปั๊มออกซิเจน (ถ้ามี) ช่วยให้รากได้รับออกซิเจนมากขึ้น
2. วิธีการทำระบบปลูกในกล่องโฟม
(1) เพาะต้นกล้า
1.
ใช้ฟองน้ำชุบน้ำ วางเมล็ดลงไป แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
2.
รอให้ต้นกล้างอกและมีใบจริง 2-3 ใบ (ใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน)
(2) เตรียมกล่องปลูก
1.
ใส่น้ำสะอาดลงในกล่องโฟมให้สูงประมาณ 10-15 ซม.
2.
ผสมปุ๋ยน้ำ A&B ตามอัตราส่วนที่ระบุ (เช่น A 5 มล. + B 5 มล. ต่อน้ำ 1 ลิตร)
3.
ปิดฝากล่อง แล้วนำต้นกล้าลงไปวางในรูที่เจาะไว้
(3) การดูแลรักษา
1.
เติมสารอาหารทุก 5-7 วัน หรือเมื่อน้ำลดลง
2.
หากมีตะไคร่น้ำ ให้ใช้กล่องโฟมสีทึบหรือคลุมด้วยกระดาษ
3.
หากใช้ปั๊มออกซิเจน จะช่วยให้รากไม่ขาดอากาศ ทำให้โตเร็วขึ้น
(4) เก็บเกี่ยวผลผลิต
1.
ผักบุ้ง: 20-25 วัน
2.
ผักกาดหอม: 30-40 วัน
3.
คะน้า: 35-45 วัน
3. เปรียบเทียบต้นทุนระหว่างปลูกในกล่องโฟม (ไฮโดรโปนิกส์) กับปลูกในดิน
ข้อดีของการปลูกในกล่องโฟม (ไฮโดรโปนิกส์)
✅ ไม่ต้องใช้ดิน สะอาดและไม่มีปัญหาวัชพืช
✅ ควบคุมสารอาหารได้ดี ทำให้ผักโตเร็ว
✅ ลดปัญหาแมลงและโรคพืชจากดิน
ข้อดีของการปลูกในดิน
✅ ต้นทุนเริ่มต้นต่ำกว่า
✅ ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ได้ง่าย
✅ ไม่ต้องดูแลเรื่องระดับน้ำหรือปั๊มออกซิเจน
สรุป
1.
ถ้าต้องการความสะดวก ปลูกได้สะอาด และไม่ต้องดูแลมาก → แนะนำปลูกในกล่องโฟมแบบไฮโดรโปนิกส์
2.
ถ้าต้องการประหยัดต้นทุนและมีที่ดินอยู่แล้ว → ปลูกในดินคุ้มค่ากว่า
คุณสนใจปลูกผักชนิดไหนครับ ผมจะช่วยแนะนำวิธีปลูกแบบเฉพาะเจาะจงให้
ถ้าต้องการปลูกผักให้มีทานตลอดทั้งเดือน ต้องใช้ เทคนิคปลูกแบบหมุนเวียนและแบ่งช่วงปลูก เพื่อให้มีผักเก็บเกี่ยวได้ต่อเนื่อง ไม่ขาดช่วง
1. เลือกผักที่ปลูกให้เหมาะสม
เลือกผักที่มี รอบการเติบโตต่างกัน เพื่อให้มีผักกินต่อเนื่อง เช่น
1.
ผักโตเร็ว (เก็บเกี่ยวภายใน 15-30 วัน): ผักบุ้ง กวางตุ้ง ผักกาดหอม ต้นหอม ผักชี
2.
ผักโตปานกลาง (30-50 วัน): คะน้า ผักกาดขาว ผักสลัด มะเขือเทศ
3.
ผักที่เก็บเกี่ยวได้นาน (กินได้เรื่อยๆ): กะเพรา โหระพา ต้นหอม พริก
2. วิธีการปลูกให้มีผักกินตลอดทั้งเดือน
(1) ปลูกเป็นรอบๆ (ปลูกหมุนเวียน)
●
แบ่งพื้นที่ปลูกออกเป็น 3-4 แปลง หรือใช้กระถางหลายใบ
●
ปลูกทีละรอบ ห่างกันทุก 7-10 วัน เช่น
1.
สัปดาห์ที่ 1 → ปลูกชุดแรก
2.
สัปดาห์ที่ 2 → ปลูกชุดที่สอง
3.
สัปดาห์ที่ 3 → ปลูกชุดที่สาม
4.
สัปดาห์ที่ 4 → เก็บชุดแรก แล้วปลูกใหม่
5.
ปลูกทีละรอบ ห่างกันทุก 7-10 วัน เช่น
✓
สัปดาห์ที่ 1 → ปลูกชุดแรก
✓
สัปดาห์ที่ 2 → ปลูกชุดที่สอง
✓
สัปดาห์ที่ 3 → ปลูกชุดที่สาม
1.
สัปดาห์ที่ 4 → เก็บชุดแรก แล้วปลูกใหม่
2.
ตัวอย่างการปลูกแบบหมุนเวียน:
3.
| สัปดาห์ | ผักที่ปลูก |
4.
|------|--------------|
5.
| 1 | ผักบุ้ง, ผักกาดหอม |
6.
| 2 | คะน้า, กวางตุ้ง |
7.
| 3 | ผักชี, ต้นหอม |
8.
| 4 | กะเพรา, โหระพา |
9.
ผลลัพธ์: มีผักเก็บกินทุกสัปดาห์
★
(2) ปลูกผักที่สามารถเด็ดกินซ้ำได้
1.
ผักบางชนิดสามารถ ตัดใบแล้วแตกใหม่ ทำให้มีทานได้นาน เช่น
2.
✅ กะเพรา โหระพา แมงลัก → เด็ดใบ ใช้ได้นานหลายเดือน
3.
✅ ผักบุ้ง → ตัดยอด เหลือลำต้น จะงอกใหม่ใน 7-10 วัน
4.
✅ ต้นหอม ผักชี → เด็ดเฉพาะต้น ไม่ต้องถอนทั้งกอ
★
(3) ใช้ระบบไฮโดรโปนิกส์เสริม
●
ปลูกแบบน้ำ (กล่องโฟม) คู่กับปลูกในดิน → ได้ผลเร็วขึ้น เช่น
1.
ผักสลัด 30 วัน
2.
ผักบุ้ง 15-20 วัน
3.
ปลูกแบบน้ำ (กล่องโฟม) คู่กับปลูกในดิน → ได้ผลเร็วขึ้น เช่น
●
ผักสลัด 30 วัน
●
ผักบุ้ง 15-20 วัน
★
3. สรุปแนวทางปลูกให้มีผักกินตลอดเดือน
1.
✅ ปลูกหมุนเวียนเป็นรอบ → ปลูกใหม่ทุก 7-10 วัน
2.
✅ เลือกผักที่เด็ดกินได้เรื่อยๆ → กะเพรา โหระพา ผักบุ้ง ต้นหอม
3.
✅ ปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์เสริม → ผักโตเร็วขึ้น
4.
✅ ปลูกหลายชนิดสลับกัน → มีผักหลากหลายกินไม่ซ้ำ
★
แบบนี้จะช่วยให้คุณมีผักสดทานตลอดทั้งเดือนครับ! คุณอยากปลูกผักอะไรเป็นพิเศษไหม ผมจะช่วยวางแผนให้เหมาะสม
ตารางเปรียบเทียบ ระหว่าง ดิน กับ น้ำ
ขอขอบคุณ รูปภาพการปลูกผักทานในบ้านจากพี่จ๊าบมากๆ ครับ และ ข้อมูลดี จาก Chat GPT เพิ่มเติมครับ
แนวคิด
เรื่องเล่า
ความรู้รอบตัว
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย